บีบเวลาขบวนการหนุนหลังเหลือน้อยลงอย่าริปลุกสัญญาณอันตราย
บีบเวลาเหลือน้อยลงทุกทีสำหรับขบวนการที่หนุนหลังให้แกนนำสามนิ้วออกมาเดินแถวหน้าโดยลำพัง ผลจากคำวินิจฉัยศาลรธน.คือตำรากฎหมายเล่มใหญ่ที่เตือนให้ผู้อยู่นอกกฎกติการัฐธรรมนูญพึงสังวรณ์หากริฝ่าฝืนจะได้รับผลที่หนักหน่วงกว่านี้ เจาะประเด็นร้อน โดย เมฆาในวายุ
ภายหลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยเกี่ยวกับการชุมนุมวันที่10 ส.ค.2563 "ม็อบ10 สิงหา" เสร็จสิ้นลง..ควันหลงหลังเหตุการณ์เป็นอย่างไรนั้นหลายคนน่าจะทราบแล้ว แต่สิ่งที่ควรพินิจคือคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร
ดังนั้นการขยับของกลุ่มม็อบสามนิ้วและกองหนุนหลังจากวันที่ 10 พ.ย.2564 เป็นต้นไป หากผู้ใดล่วงล้ำคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในครั้งล่าสุดนั้น หมิ่นเหม่ยิ่งที่จะล่วงล้ำไปในแดนตัวบทมาตรา 112 และ 116 ประมวลกฎหมายอาญา หากมีการฟ้องร้องขึ้นมาในไม่กี่นาทีข้างหน้า
และอาจเป็นไปได้ว่าหากมีการฟ้องร้องในคดีใหม่ๆ โอกาสที่ผู้ถูกกล่าวหาจะโดน "เทติ้ว"(ศัพท์ของนักกฎหมายที่อ้างถึงบทลงโทษสูงสุดของมาตรานั้นๆที่มีการฟ้องร้องในคดีนั้นๆ) มากยิ่งกว่ามาก
ยามนี้คล้ายว่าเกมที่แกนนำกลุ่มสามนิ้วดำเนินการมาในช่วงหนึ่งปีเศษที่ผ่านมา ใกล้จะหมดเวลาในการลงสนาม ยิ่งผู้เล่นตัวหลักและนักแสดงสมทบโดนคดีเป็นหางว่าวและยิ่งมีการแสดงอารยะขัดขืนจากคำวินิจฉัยของฝ่ายตุลาการปรากฏเนืองๆนั้น อาการลิเกลาโรงน่าจะเด่นชัดเรื่อยๆเพราะสังคมส่วนใหญ่เลือกที่จะนิ่งเฉยและส่ายหน้ากับขบวนการต่อสู้ของกลุ่มสามนิ้วที่เเสดงลีลาพิศดารแหวกขนบธรรมเนียมไปเรื่อยๆ
บวกกับการแฉกันเองในสังคมออนไลน์ของ"มวลชนสามนิ้ว"ที่แตกแขนงหลายกลุ่มก๊วนเกี่ยวกับการทิ้งมวลชนและหักหลังกันเองที่ทยอยปูดออกมาให้คนภายนอกรับรู้นั้น ภาวะเสื่อมสภาพและเสื่อมศรัทธาในการอ้างตัวว่าสู้เพื่ออนาคตและบ้านเมืองนั้น น่าจะเบาบางยิ่งกว่าเบาบาง
หลังจากนี้ต้องจับตาแกนหลักในการปั่นกระแสของม็อบสามนิ้วว่าจะเล่นเกมอะไรต่อ.....
แน่นอนว่าการแสดงออกแบบอารยะขัดขืนเวอร์ชั่น2021 นั้นปรากฏเสมอ ยามที่ผลการพิพากษาหรือผลวินิจฉัยของฝ่ายตุลาการเปิดเผยออกมาสำหรับ"มวลชนคนสามนิ้ว"ในมุมที่ตัวเองมิพึงปรารถนา
คราวนี้ก็เช่นกัน อย่าปฏิเสธว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่มีโอกาสต่อสู้คดีในการไต่สวน เพราะเวลาที่องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมอบให้นั้น พอดีพอใช้กับห้วงจังหวะคดี
ภาพอารยะขัดขืนเวอร์ชั่น2021 ที่ปรากฏคราวนี้ มิใช่ผลบวกในวันข้างหน้าแม้แต่น้อยในการเดินหมากให้ถึงฝั่งฝันและน่าจะกระทบขวัญกำลังใจในการต่อสู้ในยามจากนี้ไปด้วย
หากมองว่าการต่อสู้หลากเวทีและมีการฟ้องร้องกันนั้น กระบวนการยุติธรรมคือบันไดขั้นสุดท้ายที่ผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหาสามารถใช้สิทธินี้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ในการกระทำของตัวเอง และหากมีภาวะไม่ยอมรับผลการตัดสินแล้วออกลีลาที่แหวกแนวไปเรื่อยๆ
อะไรเล่า..ที่จะเป็นมนต์เรียกคนมาชุมนุมและปลุกเร้าให้ลุกขึ้นสู้ในยามหน้า
สิ่งที่ควรมองอีกระดับคือ แกนหลักของกลุ่มสามนิ้วที่ตอนนี้ใช้ชื่อบางพรรคและบางกลุ่มการเมือง รวมทั้งนักเลงคีย์บอร์ดที่ขับเคลื่อนเนืองๆบนโลกวันนี้และโลกออนไลน์นั้นจะโดนหางเลขพ่วงไปด้วยหรือไม่
...ตรงนี้น่าคิด...
และน่าคิดเพิ่มไปอีกชั้นหนึ่งว่าหากยังขับเคลื่อนเกมที่ส่อแววขืนขัดคำวินิจฉัยครั้งนี้จากศาลรัฐธรรมนูญ(การล้มล้างการปกครอง..คืออะไร และมูลเหตุมาจากสิ่งใด...)มันจะไปอย่างไรกันต่อ..
รวมทั้งหมากเกมที่จะใช้เรียกแต้มในการเลือกตั้งเวทีอบต.,เวทีผู้ว่าฯ กทม./เวทีนายกเมืองพัทยาและสนามส.ส. ตรงนี้มันคือเยื่อใยที่พันผูกกับการขับเคลื่อนของพลพรรคสามนิ้วในเวทีข้างหน้า
สมมติว่าหากมีการยกระดับการชุมนุมที่ใช้ความรุนแรงบวกกับเกมการป่วนหลากรูปเพื่อล้มรัฐบาลนี้และหวังกระทบชิ่งไปยังองคาพยพอื่นๆ
สัญญาณแว่วๆลอยมาให้ลอบดักฟังได้ว่า หากยังเล่นนอกกติกากันเรื่อยๆ ระวังประวัติศาสตร์การเมืองอาจซ้ำรอยเป็นครั้งที่สิบสี่ และใครบางคนในม่านสีเทาแห่งขั้วสามนิ้วหวังเยี่ยงนั้น
สัญญาณลับนี้จะก่อตัวหรือไม่ อยู่ที่คนส่วนใหญ่ในบ้านเมืองว่า ยินยอมพร้อมใจให้เกมที่เหนือเกมก่อเกิดขึ้นในยามหน้าหรือไม่
.....ตรึกตรองลองดูก็แล้วกัน.....