พลังคนรุ่นใหม่..ทุกพรรคการเมืองออกสตาร์ทไปไกลแล้ว แต่ พปชร.ยังน่าห่วง !!
บนความเคลื่อนไหวทางการเมือง.. พลังสียงคนรุ่นใหม่คือกุญแจสำคัญ ที่จะทำให้พรรคการเมืองมีโอกาสเข้ายึดครองตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภาไทยได้เป็นจริงมากที่สุด
เหมือนว่าสนามเลือกตั้งการเมืองในระดับประเทศจะร้อนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และไม่แน่ว่าการยุบสภาเพื่อเปิดทางให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อาจจะมีขึ้นภายในปีหน้า 2565 หรืออย่างช้าก็รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ครบเทอม 4 ปี บริหารประเทศไปจนถึงวันที่ 24 มีนาคม 2566
แน่นอนว่าดีกรีความร้อนแรงของศึกเลือกตั้งครั้งหน้านี้ได้เริ่มปรากฏชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นได้จากพรรคการเมืองหลายพรรคเริ่มวางกลยุทธ์ “หวังบุกยึดเอาคะแนนเสียงจากกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ หรือที่เรียกว่าพลังคนรุ่นใหม่” ด้วยการจุดกระแส จุดประกาย และจุดประเด็นให้เป็นคะแนนเสียงสำคัญที่พรรคต้องยึดมาครองให้ได้มากที่สุด วันนี้ “เจาะประเด็นร้อน” โดย อักษร 8 ทิศ เกาะติดความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่เริ่มสยายปีกคิดครอบครองหัวใจคนรุ่นใหม่มาให้ได้ทราบกัน
หันมองพรรคการเมืองใหญ่ที่เริ่มขับเคี่ยวกันในตอนนี้ และเริ่มทำยุทธศาสตร์ตีกินเสียงคนรุ่นใหม่ทั้งเจน X เจน Y และ เจน Z ภาพที่ฉายชัดมากในขณะนี้คือพรรคเพื่อไทย ที่ดึง “อุ๊งอิ๊ง-น.ส.แพทองธาร ชินวัตร” ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย ให้เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ทุกรุ่น เป็นความหวังและเป็นโอกาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นธงรบเพื่อทำให้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ ซึ่งอุ๊งอิ๊ง ก็ขอโอกาสเข้ามาทำงานการเมืองและหวังเอาไว้ว่าจะมีส่วนช่วยให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้เป็น “พ่อ” ได้กลับมากราบแผ่นดินเกิดอีกครั้ง หากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลาย
งานนี้.. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ บอกเอาไว้อย่างมั่นใจว่า คนรุ่นใหม่เป็นสิ่งที่จับต้องได้ เขาจะมามีส่วนร่วมกับเราบนพื้นฐานการเป็นหุ้นส่วน ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคธรรมดา ผ่านกลไกนวัตกรรมต่าง ๆ ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมสร้าง ร่วมเป็นเจ้าของ มั่นใจว่าเขาเป็นหุ้นส่วนแล้ว เขาจะเป็นสมาชิกพรรคเมื่อไหร่ก็ได้
“ตลาดคนรุ่นใหม่ไม่ใช่ของพรรคเพื่อไทย หรือพรรคใดพรรคหนึ่ง เป็นตลาดที่ทุกพรรคเข้าไปแสวงหา ต้องใช้มุมตรงนี้ขับเคลื่อนและส่งต่อคนรุ่นใหม่ที่ส่งผ่านคนทุกรุ่นได้” นพ.ชลน่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ย้ำ
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์นั้น มีการปลูกฝังเยาวชนคนประชาธิปัตย์ในชื่อ “ยุวชนประชาธิปัตย์” มานานและหยุดพักไป 30 ปี วันนี้พรรคได้นำกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่อยากเป็น “สายเลือดประชาธิปัตย์” กลับเข้ามาสู่พรรคและบ่มเพาะเข้าสู่สนามเลือกตั้ง ซึ่งก็ได้มีการจัดอบรมหลักสูตรทางการเมืองและเทคโนโลยีสมัยใหม่แก่ยุวชนของพรรคตั้งแต่รุ่นที่ 1 เมื่อปี 2562 จนถึงปัจจุบันนี้มียุวชนประชาธิปัตย์หรือ (Young Democrat) มากถึง 6 รุ่นแล้ว
ภายใต้อุดมการณ์ประชาธิปัตย์ ใน 4 หัวใจหลักคือ
1.อุดมการณ์แบบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ขีดเส้นใต้ไม่ใช่ประธานาธิบดี แบบรัฐสภาที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
2.อุดมการณ์ที่จะทำเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนชาวไทยทุกคน
3.อุดมการณ์แห่งการทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต
4.ความทันสมัย เราจะมีคนรุ่นใหม่มาร่วมกระบวนการกับพรรคมากขึ้น โดยผ่านกระบวนการยุวประชาธิปัตย์ หรือ Young Democrat – YD
“ต่อไปนี้หลักสูตรยุวประชาธิปัตย์จะไม่เน้นเฉพาะอุดมการณ์ประชาธิปไตยเท่านั้น แต่จะเน้นในเรื่องเศรษฐกิจเข้ามาด้วย เพื่อให้เราเดินหน้าไปสู่โลกทันสมัยที่สอดคล้องกับความเป็นจริงประชาธิปไตยใน Content ของ Young Democrat จึงต้องเป็น “ประชาธิปไตยกินได้” นี้คือสิ่งที่พวกเราตั้งใจไว้และจะทำให้เดินหน้าไปในทางนี้” นายจุรินทร์ ระบุ และล่าสุดพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้เปิดตัว “เมธี อรุณ” นักร้องนำ วงลาบานูน เป็นว่าที่ผู้สมัครส.ส.นคราธิวาสของพรรค ในแคมเปญ “เลือดใหม่ไหลเข้า เลือดเก่าไหลกลับ”
ยิ่งกว่านั้นในบทบาทของการเป็นรองนายกฯและรมว.พาณิชย์ นายจุรินทร์ ยังได้คะแนนเสียงจากคนรุ่นใหม่ไปเต็ม ๆ ชนิดว่านาทีนี้ประชาธิปัตย์เร่งโกยคะแนนจากน้อง ๆ เยาวชนไปอักโขจากโครงการ From Gen Z to be CEO ที่มีเยาวชนเข้าร่วมโครงการถึง 20,000 คน
"ยุคนี้ต้องใช้ตลาดนำการผลิต เหมือนแนวคิดของกระทรวงพาณิชย์และแนวคิดของวิสัยทัศน์ "เกษตรผลิตพาณิชย์ตลาด" CEO Gen Z ที่ได้รับการอบรมจะมีหลักสูตรต่าง ๆ และการใช้เทคโนโลยี การบริหารจัดการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ การส่งออก โลกยุคใหม่" นายจุรินทร์ กล่าว
ด้านพรรคไทยสร้างไทยที่มี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรค และได้ประกาศออกมาว่า มีนโยบายที่จะสร้างฐานรายได้ใหม่ให้คนไทย บน “ศักยภาพของประเทศไทย ในบริบทของโลกใหม่” และ เยาวชนไทยต้องได้เป็น “พลเมืองของโลก” ได้ เพื่อที่จะไปคว้าโอกาสของโลกยุคใหม่มาสร้างอนาคตให้ตัวเอง โดยมีเป้าหมายสำคัญที่เป็นแนวนโยบายบางส่วนของพรรคคือ คนวัยทำงานต้องได้รับโอกาส บนศักยภาพสูงสุดของประเทศไทย และประเทศไทยต้องเป็นสถานที่ที่บริษัท Tech และ Startup จากทั่วโลกอยากมาตั้งบริษัท ซึ่งเป็นนโยบายที่รองรับขุมพลังคนรุ่นใหม่ ที่เพิ่งเรียนจบได้มีงานทำและริเริ่มธุรกิจใหม่ในแบบของตัวเอง
นอกจากนี้ พรรคไทยสร้างไทย ยังขออาสาเป็น “สะพานเชื่อมคนทุกรุ่น” ทั้งรุ่นใหญ่ที่มากประสบการณ์ มาเป็นเสาหลักทางความคิด กับคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ ความสามารถ มีความเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ และเห็นโอกาสใหม่ๆ ให้มาร่วมกันสร้างประเทศไทยที่ดีที่สุดเพื่อพวกเราทุกคน
อีกพรรคที่ห้ามมองผ่านเพราะเรียกได้ว่าเป็นพรรคที่มีฐานเสียงเยาวชนมากที่สุดพรรคหนึ่งในตอนนี้คือ พรรคก้าวไกล หรือพรรคอนาคตใหม่เมื่อครั้งอดีต ซึ่งแน่นอนว่าผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 พรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนเสียงจากกลุ่มคนรุ่นใหม่มากทีเดียว จนนำมาสู่พรรคก้าวไกล ที่มี “ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” นั่งหัวหน้าพรรคก้าวไกลในปัจจุบัน และบางส่วนที่หันไปเล่นการเมืองนอกสภาในนามคณะก้าวหน้า แต่ก็ยังคงบทบาทไว้ที่การสนับสนุนเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้กล้าแสดงออกทางการเมือง โดยเฉพาะการเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 และการเดินหน้าให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม.112
ล่าสุดมีกระแสข่าวว่าพรรคก้าวไกลจะดึงตัว “ไอติม-พริษฐ์ วัชรสินธุ” ผู้ก่อตั้งกลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า มาร่วมทำงานการเมืองของพรรคด้วยเพราะเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีแนวความคิดก้าวหน้าและเป็นที่สนใจของกลุ่มเยาวชนยุคนี้
ด้านพรรคน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวและได้รับการจดทะเบียนตั้งพรรคไปหมาด ๆ คือ พรรคแนวทางใหม่ หรือจากนี้อาจจะเรียกขานกันว่า “พรรคนางงาม” ด้วยเพราะว่าพรรคนี้ได้รวมสาวงามระดับนางงามที่คว้ามงกฏในเวทีการประกวดมาการันตีความสวย ความรู้และความสามารถ ที่สำคัญคือเป็นคนรุ่นใหม่ที่สนใจทำงานการเมืองเพื่อประเทศชาติ นับเป็นมิติใหม่ทางการเมืองที่มีสาวงามเดินเข้าสู่สนามการเมือง
3 สาวสวยของพรรคแนวทางใหม่ ผู้เป็นดอกไม้การเมืองและเข้าร่วมสร้างสีสันให้กับเวทีการเมืองไทยนั้น มีทั้ง “มุก-อัญพัชร์ ปิติประจักษ์วัชร” มิสแกรนด์นครปฐม 2020 นั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการพรรค ตามด้วย “กิ๊ฟ-ปัญญดา คล้ายโพธิ์ทอง” รองชนะเลิศอันดับ 4 และรางวัล Friendly Personality จากการประกวด Miss Thailand Friendly Design 2017 หรือ ทูตอารยสถาปัตย์ ครั้งที่ 1 เข้าทำหน้าที่โฆษกพรรค และ “เจนนี่-สุธีรา เซกัล” The Winner of Miss Siam Bharata รองเลขาธิการพรรคแนวทางใหม่
หันมอง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กันบ้าง อาจเรียกได้ว่าเป็นพรรครั้งท้ายที่เพิ่งตื่นขึ้นมาปลุกกระแสเพื่อหวังดึงฐานคะแนนเสียงจากคนรุ่นใหม่ เพราะล่าสุด นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร และรองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เพิ่งยอมรับว่า “นโยบายใหม่ของพรรคจะเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพราะคนรุ่นใหม่มีความสำคัญอย่างมาก อีกทั้งมีบทบาททางการเมืองไม่เหมือนกับสมัยก่อน” เบื้องต้นจะกำหนดพัฒนา ส.ส.ภายในพรรคให้ได้ก่อน และพูดคุยกับคนรุ่นใหม่ เข้าใจแนวคิดคนรุ่นใหม่ โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และในฐานะหัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ ได้เล็งเห็นถึงตรงนี้จึงกำหนดอบรม ส.ส. เพื่อให้ทันเหตุการณ์โลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว รวมทั้งจะรวบรวมคนรุ่นใหม่ที่เป็นด็อกเตอร์ หรืออื่น ๆ มาช่วยงาน ซึ่งจะมองข้ามไม่ได้
ทั้งนี้ ตัวเลขผู้มีสิทธิเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2562 มีทั้งสิ้น 51.4 ล้านคน กลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรกจำนวน 7.3 ล้านคน ซึ่งเป็นกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีช่วงอายุ 18-25 ปี ดังนั้น ก่อนถึงการเลือกตั้งครั้งหน้านี้ ตัวเลขกลุ่มคนรุ่นใหม่ย่อมมากกว่า 7 ล้านคนอย่างแน่นอน และจะเป็นฐานเสียงสำคัญ เป็นพลังเสียงของคนรุ่นใหม่ที่จะมาร่วมกำหนดทิศทางของประเทศไทยจากเสียงที่พวกเขามีอยู่ในมือให้เป็นที่ประจักษ์
คำถามคือ.. ณ วินาทีนี้ พรรคพลังประชารัฐจะตามทันพรรคการเมืองอื่น ๆ ที่วิ่งนำไปไกลแล้วได้อย่างไร ในเกมการเลือกตั้งครั้งหน้านี้ ที่มีฐานเสียงเยาวชน พลังคนรุ่นใหม่เป็นตัวชี้วัดการเป็นพรรคหลักในการจัดตั้งรัฐบาลและยึดครองเก้าอี้นายกรัฐมนตรี