"ครม.สัญจร"ห้วงเวลาประยุทธ์ปักหมุด จัดแพคเกจ อัดฉีดงบซื้อใจประชาชน
เริ่มแล้วประชุม"ครม.สัญจร"นัดแรกในรอบสองปีหลังสถานการณ์โควิด เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เลือกปักหมุดพื้นที่ทะเลชายฝั่งอันดามัน จังหวัดกระบี่ อัดฉีดงบแบบแพกเกจซื้อใจภูมิภาค ติดตามได้จากเจาะประเด็นร้อน โดย อสนีบาต
ตั้งแต่เช้าของวันที่ 15 พ.ย.64 นี้ บรรดาคณะรัฐมนตรี(ครม.) ภายใต้การนำของ"ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมหน้าพร้อมตากันที่จังหวัดกระบี่ เหตุเพราะรมต.ทุกรายได้รับหมายไฟท์บังคับให้เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ หรือ ครม.สัญจร ระหว่างวันที่ 15-16 พ.ย.ที่ โรงแรมโซฟิเทลกระบี่ โภคีธรา กอล์ฟ แอนด์ สปา รีสอร์ท ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่
ขึ้นชื่อว่า "ครม.สัญจร" รับรู้กันอย่างกว้างขวางตั้งแต่ยุคสมัย ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี บุกเบิกจัดให้มีการประชุมครม.นอกสถานที่ หรือเรียกกันง่ายๆสั้นๆว่า "ครม.สัญจร" ด้วยการยกคณะเสนาบดีที่เคยประชุมกันอยู่เฉพาะห้องแอร์ ตึกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.) หรือไม่ก็ประชุมกันที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล ขยับร่างก้าวขาออกไปเปิดหูเปิดตานอกสถานที่กันบ้าง
โดยมอบหมายให้ทีมงานยุทธศาสตร์ สำนักเลขาธิการนายกฯ สำนักเลขาธิการ ครม. ทำงานร่วมกับฝ่ายการเมือง สรรหาจังหวัดที่สมควรไปประชุม พร้อมกันนั้น มอบหมายแบ่งงานรมต.ลงพื้นที่ตรวจราชการ พบปะประชาชนไปในคราวเดียวกัน เบื้องหลังของการกำหนดจังหวัดจัดหาสถานที่ในบางครั้งถึงกับมีการรวมกลุ่มส.ส.ในภูมิภาคนั้นๆประสานขอร้องให้ทีมงานนายกฯเลือกไปประชุมจังหวัดที่มีส.ส.ของพรรคจำนวนมากก็เคยมี
อีกประการ ทุกครั้งของการประชุมถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติแบบขาดเสียไม่ได้ เมื่อสำนักเลขาธิการครม.จะต้องมีการจัดระเบียบวาระการประชุมที่เกี่ยวกับการอนุมัติงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการสำคัญๆที่อยู่ในจังหวัดนั้นและกลุ่มจังหวัดให้เป็นกรณีพิเศษ
"ภาพปรากฎ ภายหลังการประชุม ทีมโฆษกรัฐบาลออกมาแถลงมติ ครม.ว่า ครม.อนุมัติงบประมาณให้กับจังหวัด หรือกลุ่มจังหวัด จากนั้นจะปรากฎเป็นข่าวในวันรุ่งขึ้น สร้างความอิ่มเอมใจให้กับผู้รับข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนในภูมิภาค ว่าฝ่ายการเมืองได้มาให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด จัดสรรงบประมาณพัฒนาระบบสาธารณูปโภค ขยายถนน น้ำไหลไฟสว่าง จัดแพคเกจการ พัฒนาให้พี่น้องประชาชนได้รับความประทับใจในทุกระดับ"
ดังนั้น การเลือกไปประชุม ครม.สัญจร ณ ภูมิภาคใด จังหวัดไหนก่อนหลัง จึงมีนัยยะทางการเมืองไม่มากก็น้อย
ครม.สัญจร จึงแฝงด้วยการซื้อใจประชาชนรายภูมิภาคอย่างได้ผล ทำให้ รัฐบาลแต่ละยุคสมัย ยึดถือปฏิบัติ จัดให้มีการประชุม ครม.สัญจรเรื่อยมา
กระทั่งมาถึงรัฐบาลยุค "ลุงตู่" ยึดแนวทางการประชุมครม.สัญจรเหมือนกับรัฐบาลชุดที่ผ่านๆมาเช่นกัน นอกจากการที่นายกฯหรือรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ตรวจราชการ หรือ ลงไปติดตามแก้ปัญหาภัยทางธรรมชาติ รายจังหวัดอย่างที่ผ่านมาแล้ว การยกคณะรัฐมนตรีที่มีพรรคร่วมรัฐบาลไปพร้อมเพียงกันผ่านการประชุมครม.สัญจรก็เคยปฏิบัติมาแล้วตั้งแต่ปี 2560
รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ประเดิมจัดประชุมครม.สัญจรครั้งแรกเมื่อวันที่ 21-22 ส.ค.60 ที่จังหวัดบ้านเกิด"นครราชสีมา" จากนั้นกำหนดจัดขึ้นเกือบทุกเดือนกระจายไปยังภูมิภาคต่างๆ ดำเนินการจัดประชุม ครม.สัญจร มาถึงปี 2562 นั่นคือ เมื่อวันที่ 14-15 ม.ค.ที่จังหวัดเชียงใหม่และลำปาง
เมื่อเข้าสู่ปี 2563 เกิดสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องออกมาตรการคุมเข้มปิดประเทศ ส่งผลให้การประชุมครม.สัญจรหยุดชะงักไปด้วย
ผ่านมาถึงพ.ศ.นี้ เมื่อรัฐบาล"ลุงตู่" มีความมั่นใจว่าสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิดเริ่มลดลง จึงตัดสินใจประกาศคลายล็อคเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พ.ย.64 หวังเชื้อเชิญชาวต่างชาติมาท่องเที่ยวนำรายได้เข้าประเทศ จึงขอชิมลางด้วยการจัดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ก่อน จนมาสร้างความมั่นใจมากขึ้น ผ่านการจัดประชุมครม.สัญจร ระหว่างวันที่ 15-16 พ.ย. ที่จังหวัดกระบี่ อันเป็นหนึ่งในกลุ่มจังหวัดอันดามันที่มีชื่อเสียงด้านแหล่งท่องเที่ยวมากมาย และเป็นหนึ่งใน 4 จังหวัดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวตามการออกข้อกำหนดคลายล็อครับการเปิดประเทศ
อย่างที่ขาดไม่ได้ ต้องมีการจัดวาระเสนองบประมาณเชิงยุทธศาสตร์การพัฒนาท่องเที่ยวรับการฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิดหลายพันล้าน เช่นเดียวกับที่รัฐมนตรีสายใต้จากพรรคประชาธิปัตย์ อย่างจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ รองนายกและรมว.พาณิชย์ ออกมาชิงตัดหน้าครม.แล้วว่า ครม.สัญจรรอบนี้ เตรียมเสนอขออนุมัติงบประมาณเกือบสองพันกว่าล้านรองรับ 16 โครงการในกลุ่มจังหวัดอันดามัน 6 จังหวัด
เหนืออื่นใด มองผ่านภาพทางการเมือง การจัดให้มีการประชุม ครม.สัญจรครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบสองปีหลังสถานการณ์โควิด ย่อมเป็นการประเดิมเพื่อทดลองเส้นทางการสะสมไมล์ซื้อใจประชาชนของพล.อ.ประยุทธ์ ภายใต้สังกัดพรรคพลังประชารัฐ
ดังปรากฎข้อความตอนหนึ่งในหนังสือพรรคพลังประชารัฐ "ประชารัฐ สร้างชาติ" ที่ระบุถึงหลักไมล์ประเทศไทยของพล.อ.ประยุทธ์ ว่า " ตั้งแต่ปี 2560 พล.อ.ประยุทธ์ จัดให้มีการประชุมครม.สัญจร เขาเดินทางไปแทบทุกจังหวัดครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค เริ่มตั้งแต่จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านเกิด คือหมุดหมายแรกของครม.สัญจร"
"พื้นที่ 513,115 ตารางกิโลเมตร สำหรับชายชื่อประยุทธ์ สามารถย่างก้าวไปถึงทุกหลักไมล์อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทุกครั้งในการลงพื้นที่ ก็ลงมือพัฒนาจริงทันที โดยครม.ผ่านความเห็นชอบโครงการพัฒนาพื้นที่หลายโครงการ สร้างความสุขให้กับประชาชนทั่วทุกภูมิภาค "
"สิ่งที่รัฐบาลคิดและทำเพื่อพี่น้องประชาชนทั้งประเทศไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ไม่เลือกพื้นที่ไม่เลือกจังหวัด " คำกล่าวของพล.อ.ประยุทธ์ กับพี่น้องประชาชนระหว่างประชุมครม.สัญจรเมื่อปี 62
และนี่จะเป็นการเริ่มต้นอีกครั้งของการยกคณะรัฐมนตรีเข้าถึงเข้าใจประชาชนรายพื้นที่ สะสมไมล์ซื้อใจประชาชนไปเรื่อยๆ ซึ่งจะยืนระยะสร้างคะแนนนิยมอย่างได้ผลเหมือนหลายปีที่ผ่านมาหรือไม่ ขึ้นกับช่วงเวลาการบริหารประเทศที่เหลืออยู่ของพล.อ.ประยุทธ์ ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองเสียก่อน