ยิ่งกว่า "ละครน้ำเน่า" การเมืองต้องตบจูบ เรื่องจริงเพื่อขู่หรือปรับครม.
"รัฐบาลผสม" ของหลายพรรคการเมืองเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่วันนี้การเมืองเริ่มแสดงให้เห็นถึงบทนักแสดงที่ยิ่งกว่า "ละครน้ำเน่า"
รัฐบาลผสมอันเกิดจากการรวมตัวของหลายพรรคการเมือง แม่น้ำต่างสาย ไผ่ต่างกอ เป็นเรื่องปกติธรรมดาของการเมืองต่างพรรค ย่อมมีฉากตบจูบกันบ้างพอเป็นกษัย
แต่หลังจาก "ตบจูบ" "ตบจูบ" ก็มักจะจบลงด้วยบทรักอันหวานชื่น เหมือนกันคนในรัฐบาลพ่นน้ำลายใส่กัน สุดท้ายก็จบลงด้วยงานเลี้ยงประสานสามัคคี จูบปากกันของพรรคร่วมรัฐบาล "ละครน้ำเน่า"
พรรคประชาธิปัตย์มี ส.ส. 50 คน แต่เสียงดังกว่าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมี ส.ส.ในมือถึง 122 คน อันเกิดจากนักการเมืองกระดูกคนละเบอร์ นักมวยชั้นเชิงกับนักมวยไฟท์เตอร์ ลีลาย่อมต่างกัน
แม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ยังไม่กล้าที่จะขัดคอ ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ขัดเคืองใจ ทั้งๆที่ใจบางเรื่องอาจจะคิดว่า ทำไม ทำไม เช่น สินค้าราคาแพง เอารถไปเร่ขาย มันได้อะไร หรือร้านธงฟ้า ทุกวันนี้คนเข้าไปใช้บริการกี่มากน้อย
ปัญหาล่าสุดเกิดจาก “นายสันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง พรรคพลังประชารัฐ ออกมาวิจารณ์โครงการประกันรายได้เกษตรกรว่า ทำให้เกษตรกรอ่อนแอ การเกษตรไม่พัฒนา สร้างภาระหนักให้รัฐบาลต้องหางบจ่ายชดเชยประกันราคาข้าว
คำพูดของ “สันติ” ไปแหย่รังแตนพรรคประชาธิปัตย์เต็มๆ เพราะนโยบาย "ประกันรายได้เกษตรกร" เป็นนโยบายที่พรรคประชาธิปัตย์ผลักดัน และเป็นเงื่อนไข 1 ใน 4 ข้อของการร่วมรัฐบาล
ประชาธิปัตย์ ส่งเด็กๆออกมาตอบโต้พอเจ็บๆคันๆอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์แถลงตอบโต้ นายสันติ ว่า โครงการประกันรายได้เกษตรกรเป็นโครงการของพรรคประชาธิปัตย์และเป็นเงื่อนไขที่พรรคประชาธิปัตย์ยอมเข้าร่วมรัฐบาล
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ยอมรับโครงการประกันรายได้ของพรรคประชาธิปัตย์ไปบรรจุเป็นนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา
ดังนั้น รัฐบาลต้องรับรู้อยู่แล้วว่าจะต้องใช้เม็ดเงินจ่ายชดเชยให้เกษตรกรแต่ละปีจำนวนเท่าใด??
เป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังต้องไปจัดงบมาจัดสรรให้เพียงพอ แทงตรงขั้วหัวใจของสันติ แถมตอกย้ำว่า สันติ จึงไม่ควรบ่นว่าโครงการนี้สร้างภาระหนักให้รัฐบาล และไม่ควรวิจารณ์ว่าโครงการประกันราคาทำให้ชาวนาอ่อนแอ ฯลฯ
โดนพรรคประชาธิปัตย์สวนกลับโครมเดียว สันติ เงียบกริ๊บ
แค่นั้นยังไม่พอ ประชาธิปัตย์อัดสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ และ รมว.พลังงาน ยับเยินที่ไม่กระตือรือร้นแก้ไขวิกฤติราคาน้ำมันแพง ที่ส่งผลกระทบต่อภาคการขนส่ง ต่อราคาสินค้าขายปลีกและค่าครองชีพประชาชน ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าเรียกร้องปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลง 5 บาท เพื่อให้ราคาน้ำมันมาอยู่ที่ 25 บาท/ลิตร
แต่รัฐบาลโดยสุพัฒน์พงษ์ กลับปฏิเสธ เพราะภาษีสรรพสามิตน้ำมันเป็นรายได้หลักของรัฐบาล สุพัฒน์พงษ์ กลับเสนอ ครม.สัญจรที่กระบี่ขอกู้เงินเข้ากองทุนน้ำมัน 20000 ล้านบาท เพื่อพยุงดีเซลไว้ที่ไม่เกิน 30 บาท/ลิตร และ ครม.ก็เห็นชอบ
อัครเดช ส.ส.ราชบุรี เรียกร้องให้ สุพัฒนพงษ์ ไขก๊อกจากรัฐมนตรีพลังงาน ถ้าไม่ให้ความสำคัญต่อข้อเสนอของภาคเอกชนให้ปรับโครงสร้างราคาเชื้อเพลิง ซึ่งมีผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างสำคัญ
ถ้า “สุพัฒนพงษ์” ยังไม่มีแอ็กชั่นใดๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันแพงก็ขอให้นายกฯปลดสุพัฒน์พงษ์พ้นรัฐมนตรีพลังงาน
อ่วมเลยครับงานนี้
มีคลิปวีดีโอออกมาเผยแพร่ผ่านมาโซเชียลระบุว่า รถบรรทุกจากบ้านเราข้ามฝั่งไปเติมน้ำมันฝั่งเมียนมา แค่ราคาลิตรละ 21 บาทเอง ทั้งๆที่เป็นน้ำมันที่ ปตท.ส่งออกไปขาย
คลิปนี้คนใน ปตท.และกระทรวงพลังงานเงียบกริบเหมือนเดิม ไม่มีคำอธิบาย หรือคำชี้แจงใดๆ
ชาวบ้านเดือนร้อนกันทุกหย่อมหญ้ากับปัญหาน้ำมันแพง แต่ ปตท.กลับแถลงผลประกอบการมีกำไรอื้อซ่า มีอะไรจะอธิบายกับชาวบ้านเพิ่มหรือไม่
ดูเหมือนพรรคพลังประชารัฐจะไม่หยี่หร่ากับปัญหาเหล่านี้ กลับปล่อยให้ "เอ๋-ปารีณา" ละลาบละล้วงผู้อาวุโสของพรรคประชาธิปัตย์ “ชวน หลีกภัย” หาว่าเป็นคนแก่ แถมยังยุส่งให้เปลี่ยนเป็น "สุชาติ ตันเจริญ"
การปรับ ครม.ต้องมีขึ้นไม่ช้าก็เร็ว เพื่อทดแทนรัฐมนตรีสองคนที่ถูกให้ออก “รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า-นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” ก็อยากให้นายกฯตู่พิจารณาด้วยว่า รัฐมนตรีที่มีอยู่คนไหนด้อยคุณภาพ ไม่ทำงานก็ควรปรับออก อย่าปล่อยให้เป็นลูกตุ้มถ่วงรัฐบาล และหาคนใหม่ที่มีคุณภาพ มุ่งมั่น ตรงใจทำงานเข้ามาทำหน้าที่แทน เพราะอย่าลืมว่า การเมืองกำลังเดินไปสู่สนามเลือกตั้งแล้ว
เรื่อง : นายหัวไทร