พรรคก้าวไกล รถผ้าป่าสีส้มส่อแววจอดป้ายหน้า “ด่านหิน”รธน. มาตรา 107
เส้นทางที่พรรคก้าวไกลและพลพรรคมองไว้ ยังมีอุปสรรคขวางอยู่อีกชั้นหนึ่ง และเหนื่อยอีกหลายยก หากจะปลดล็อคระบอบประยุทธ์ให้สิ้นพลัง ติดตามได้ที่เจาะประเด็นร้อน โดย เมฆาในวายุ
และแล้วมติสมาชิกรัฐสภาก็คว่ำความฝันของกลุ่มสามนิ้ว -พรรคก้าวไกล -คณะก้าวหน้า จากความพยายามเสนอ ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พ.ศ. (มีเนื้อหายกเลิกมาตรา 65 แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 7 มาตรา 159 วรรคแรก เพิ่มมาตรา 193/1 มาตรา 193/2 แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 11 หมวด 12 มาตรา 256 หมวด 16 ยกเลิกมาตรา 269 มาตรา 270 มาตรา 271 มาตรา 272 และมาตรา 279) โดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 135,257 คนเป็นผู้เสนอนั้น พบว่า คะแนนรับหลักการ ส.ส. 203 คะแนน ส.ว. 3 คะแนน
คะแนนไม่รับหลักการ ส.ส. 249 คะแนน ส.ว. 224 คะแนน งดออกเสียง ส.ส. 3 เสียง ส.ว. 3 เสียง
รวมคะแนนทั้งหมด รับหลักการ 206 คะแนน ไม่รับหลักการ 473 คะแนน งดออกเสียง 6 เสียง
ถือว่าที่ประชุมร่วมรัฐสภา “มีมติไม่รับหลักการ” เนื่องจากคะแนนรับหลักการน้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดทั้งสองสภา ( 362เสียงจากสมาชิกทั้งหมด 723 เสียง และคะแนนส.ว.เห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ของวุฒิสภา โดยคะแนนเสียงของส.ว.ไม่ถึงตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด)
“ฝันค้าง..”คือคำตอบที่ฝ่ายเสนอแก้ไขกฎหมายหลักของบ้านเมืองได้รับไปในคราวนี้ (ชื่อเล่นของร่างแก้ไขกติกาหลักของบ้านเมืองฉบับนี้ถูกเรียกว่า ร่างรธน.ฉบับประชาชน/ร่างรธน.ฉบับไอติม เพื่อ "รื้อระบอบประยุทธ์" โดยหวังไว้เพื่อจัดการกับรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 ที่ถูกมองว่าเป็นการ "สืบทอดอำนาจเผด็จการ" น่าจะยุติแล้วในช่วงของรัฐสภาชุดนี้)
พรรคก้าวไกลบอกแล้วหลังทราบมติที่ประชุมว่า จะนำประเด็นแก้กติกาหลักของบ้านเมืองไปเป็นนโยบายหาเสียงในการเลือกตั้งงวดหน้า สภาพที่ปรากฏในครั้งนี้เชื่อว่า พรรคก้าวไกลและแนวร่วมมองออกล่วงหน้าแล้วว่า อย่างไรเสียรถทัวร์ผ้าป่าสีส้มที่บรรจุความหวังไว้เต็มคันนั้นต้องประสบเหตุพลิกคว่ำกลางทาง แต่มันคือหัวเชื้อที่พวกเขามองว่า แม้จะประสบอุบัติเหตุที่คาดไว้แล้วแต่มันจะช่วยชี้นำสังคมที่เห็นชอบกับหลักการของพวกเขาแล้วไปใช้สิทธิลงคะแนนให้พรรคสีส้มเวอร์ชั่นสองเพื่ออาศัยฉันทามติในการลุยอีกครั้ง
แต่อย่าลืมว่าส.ว.ชุดนี้มีอายุทำงานห้าปี และมีสิทธิลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีได้อีกหนึ่งวาระ(หากรัฐบาลทำงานครบสี่ปี เพราะสมาชิกภาพของส.ว.ชุดนี้ เริ่มนับวาระตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2562 ครบกำหนด 5 ปี ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2567)
หลังจากนั้นก็ต้องมาลุ้นว่า เมื่ออายุของวุฒิสภา 250 คนสิ้นสุดลง กฎหมายหลักของบ้านเมือง ระบุว่า ให้สมาชิกวุฒิสภาจํานวนดังกล่าวอยู่ในตําแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีสมาชิกวุฒิสภาจํานวน 200 คนขึ้นใหม่
แปลง่ายๆ กฎหมายหลักของบ้านเมืองฉบับปัจจุบัน ระบุไว้ว่า หากส.ว.สองร้อยห้าสิบชีวิตครบวาระ ให้ดําเนินการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 ต่อไป คือ ให้ดําเนินการเลือกสมาชิกวุฒิสภา 200 คน ซึ่งมาจากการเลือกกันเองของบุคคลซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์อาชีพ ลักษณะ หรือประโยชน์ร่วมกัน หรือทํางานหรือเคยทํางานด้านต่าง ๆ ที่หลากหลายของสังคม โดยในการ แบ่งกลุ่มต้องแบ่งในลักษณะที่ทําให้ประชาชนซึ่งมีสิทธิสมัครรับเลือกทุกคนสามารถอยู่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้
ตรงนี้คือการบ้านที่พรรคก้าวไกลต้องดำเนินการโดยพลัน หากได้รับโอกาสกลับเกียกกายในครั้งที่สอง โดยเชื่อว่า พรรคก้าวไกลน่าจะเริ่มดำเนินการเป็นวาระแรกๆที่ต้องเร่งแก้ไขพร้อมกับร่างกฎหมายงบประมาณ แต่ตามห้วงเวลาในการเสนอแก้ไขกฎหมายนั้นน่าจะไม่ทัน ( วิเคราะห์ว่าฝ่ายกุนซือพรรคก้าวไกลน่าจะมองประเด็นนี้ออก แม้จะเร่งดำเนินการเสนอแก้ไข/ร่างกฎหมายใหม่ในห้วงเวลาข้างหน้า แต่ขั้นตอนกฎหมายต้องใช้เวลาพอสมควร ตรงนี้อาจจะเป็นกุญแจที่ล็อคความฝันของพรรคก้าวไกลและกลุ่มสามนิ้วอีกชั้นหนึ่ง
แต่เชื่อว่าอย่างไรเสียพรรคก้าวไกลก็ต้องขยับ เพราะหากปล่อยไว้ส.ว.ก็ยังเป็นหนามยอกอกไปเรื่อยๆ แต่จะทันต่อห้วงเวลาที่กฎหมายระบุไว้หรือไม่ ต้องลุ้น...)
แปลว่าเส้นทางที่พรรคก้าวไกลและพลพรรคมองไว้ ยังมีอุปสรรคขวางอยู่อีกชั้นหนึ่ง และเหนื่อยอีกหลายยกหากจะปลดล็อกระบอบประยุทธ์ให้สิ้นพลัง มองง่ายๆหากแก้ไขไม่ทัน พรรคก้าวไกลและพลพรรคน่าจะส่งคนของตัวเองลงสนามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 เพื่อให้มีตัวแทนของตัวเองในสภาสูง และต้องมีส.ว.ให้ทะลุหนึ่งในสาม หากพวกเขาต้องการมีส.ว.ที่มีอุดมการณ์เหมือนพวกเขาเพื่อยกมือลงมติในแนวทางที่พรรคก้าวไกลและพลพรรคคาดหวัง
กับดักที่วางหมากไว้ให้ระบอบประยุทธ์อยู่ยาวนั้น... มองแล้วก็ไม่ง่าย...ที่จะรื้อและโละไปให้สิ้นกระแสความตามความต้องการของพรรคก้าวไกลและพลพรรค