ขอ 3 คำ พรรคก้าวไกล "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" เปิดใจจุดยืนบนสมรภูมิการเมืองเดือด
"ผมไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าการเมืองไทยเป็นอย่างไร "เป็นเพียงตอนหนึ่งในการเปิดใจของ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" นักการเมืองหนุ่มไฟแรงที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกลกับ 3 คำจำกัดความของพรรค ติดตามได้ที่เจาะประเด็นร้อน โดย อสนีบาต
"...ผมไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าการเมืองไทยเป็นอย่างไร ..." คำกล่าวตอนหนึ่งในการเปิดใจของ "ทิม" "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" นักการเมืองหนุ่มไฟแรงที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล ผ่าน"คมชัดลึก"ออนไลน์
ในเวลาเพียงไม่นาน ชื่อของ "พรรคก้าวไกล" กลายเป็นที่คุ้นเคยสำหรับคอการเมืองไทย โดยได้รับความนิยมจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ และเป็นที่กล่าวขานกันในโซเชียลมีเดีย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล และหัวหน้าพรรค ในวัย 41 ปี คนหนุ่มไฟแรง กล่าวถึงกระแสที่ได้รับการจับตามองว่าอนาคตทางการเมืองอาจเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี โดยยอมรับว่ารู้สึกเป็นเกียรติ และจะทำงานให้หนักสมกับที่ประชาชนไว้วางใจเลือกเข้ามา
แม้ว่าพรรคการเมืองขนาดกลางหรือเล็ก หากผลการเลือกตั้งและจำนวน ส.ส.เข้ามาในสภาได้น้อยอาจทำให้ต้องสูญพันธุ์ ยุบไปอยู่กับพรรคขนาดใหญ่ หัวหน้าพรรคก้าวไกลให้ความเห็นว่ากติกายังไม่ชัด ยังใช้ไม่ได้จริง โดยยืนยันจากการทำโพลในพรรคและภายนอกยังไม่ถึงขั้นสูญพันธุ์
กับข้อครหาที่ว่าการเข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นหุ่นเชิดของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ ปิยบุตร แสงกนกกุล นักการเมืองหนุ่มอนาคตไกลปฏิเสธทันที่ว่าไม่มีใครครอบงำใคร
"ถ้าเชิดจากข้างล่างใช่ครับ แต่เชิดจากข้างบนไม่ใช่ เรายึดโยงกับสมาชิกกับพี่น้องประชาชน ผมเป็นหัวหน้าพรรคที่ตัดสินใจพร้อมกับคณะกรรมการบริหารพรรค ไม่มีครอบงำ ทำงานด้วยกันมาสร้างพรรคอนาคตใหม่มาด้วยกัน เขาอยู่ทางท้องถิ่นเราอยู่นิติบัญญัตืไม่มีใครมาครอบงำได้" พิธาตอบอย่างฉะฉาน
"ผมเป็นคนเห็นเหรียญสองด้าน เห็นเอกชนและรัฐ ปัญหาในกทม.และต่างจังหวัด ด้วยอายุ 41 ปีเป็นคนร่วมสมัยเห็นทั้งดิจิทัลและอนาล็อก ถ้าเราเห็นว่าปัญหาในต่างจังหวัดที่ต่างประเทศเขาแก้อย่างไรเราก็จะมีมุมมองอีกแบบ การที่เป็นเอกชนมาก่อนแล้วมาเป็นรัฐบาลจะเข้าใจนโยบายเอกชน การเป็นคนร่วมสมัยจะเข้าใจคนที่อยู่มาก่อนเรา ที่อายุ 50-60ปี ขณะเดียวกันก็เข้าใจรุ่นน้องอายุ 20-30 ปี เยาวชนรุ่นใหม่ว่าเขาเป็นอย่างไรก็จะทำงานประสานแล้วออกนโยบายให้ประชาชนทุกคนไม่ว่าเขาจะเลือกผมหรือไม่เลือกผม
"ส่วนจุดอ่อนคือเรียงลำดับความสำคัญยังไม่ได้ไม่ดีพอทำหลายอย่างมากเกินไปก็ต้องมีวิธีดึงคนใหม่ๆมาช่วยแล้วสามารถกระจายงานได้ สร้่างผู้นำใหม่ๆขึ้นมาภายในพรรคให้ได้"
"พิธา" กล่าวอีกว่า จุดขายของพรรคก้าวไกลคือ บุคลากร จุดยืนและนโยบาย
"จุดยืนคือต้องการเห็นประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยเต็มใบ นโยบายที่ไปมากกว่าทำอะไร สู้กับใคร และบุคลากรทึ่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ใช่ตระกูลการเมืองบ้านใหญ่"
ทั้งนี้ "พิธา" นิยามความเป็นพรรคก้าวไกล 3 คำ คือ "ใหม่ ชัด โดน"
"ใหม่" คือ บุคลากรใหม่ นโยบายใหม่ จุดยืนใหม่ "ชัด" คือความชัดเจนในการรับการกระแทกกดดันแบไหนเราก็ยังชัดเจนในสิ่งที่เราตั้งพรรคการเมืองมาอย่างไร "โดน" คือประเทศไทยต้องการ ท.ทหาร 2 ตัวคือ ท.แรก คือ เทคโนโลยีกับ ท.สอง คือ ท้องถิ่น ถ้ายังกระจุกตัวก็ไม่มีคำว่าท้องถิ่น เพราะฉะนั้น 3 สิ่งนี้ต้องเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับก้าวไกล"
ส่วนประเด็นที่ทางพรรคผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์ พิธา ยืนยันว่า ร่างปัจจุบันที่เสนอเข้าไปในสภาไม่มีเกี่ยวข้องกับสถาบัน
"สถานะของสถาบันก็ไม่ได้เปลี่ยนไป เราต้องการลดจุดอ่อนจุดว่างที่จะทำให้เกิดแรงปะทะประชาชนเข้าตรงสถาบัน เป็นการลดจุดอ่อนทำให้สถาบันมั่นคงขึ้น อยากให้สถาบันอยู่คู่กับสังคมไทยสมัยใหม่ด้วยการใช้กุศโลบายอย่างปราณีตผ่านงบประมาณ ให้พระองค์ท่านอยู่เหนือการเมือง และอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ"
"พิธา" กล่าวถึงการเข้ามาสู่การเมืองไทยว่ามีทั้งแปลกใจและไม่แปลกใจ โดยเฉพาะระบบการเมืองและการใช้กรรมาธิการผลักดันกฎหมาย
"ผมอยู่กับการเมืองมาตั้งแต่ปี 2547 ช่วงสึนามิ เพราะอยากให้การท่องเที่ยวช่วงนั้นฟื้นขึ้นมาหลังจากอยู่ภาคเอกชนกก็พอเห็นอยู่ไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าการเมืองไทยเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่แปลกใจคือความเฉื่อยในระบบถึงแม้จะมีรัฐสภากลับมา การผลักดันกฎหมาย พรบ. การใช้กรรมาธิการผ่านการถ่วงดุลงบประมาณแผ่นดินทำได้ไม่ดีพอ อีกอย่างที่แปลกใจคือแรงระเบิดจากระบบมันมากขึ้นเรื่อยๆไม่ว่าจะข้าราชการหรือนักการเมืองรุ่นใหม่ที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงในประเทศ"
"โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ พวกคุณคือความหวังของผมไม่ว่าประเทศจะกดขี่แค่ไหนในเรื่องสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ในเรื่องสิทธิมนุษยชนคนที่เขาพยายามดึงประเทศเหมือนเข็มนาฬิกาไปเรื่อยๆแล้วหมุนมาที่เดิม ผมเกิดปี 2523 เป็นช่วงการเมืองไทยวันนี้ไม่ได้ต่างกันมาก แต่สิ่งที่คุณสร้างขึ้นมาให้ประเทศเมื่อวันที่ผมออกจากการเมืองไทยส่งไม้ต่อให้พวกคุณประเทศไทยก็จะมีความหวังต่อไปในอนาคต
หัวหน้าพรรคก้าวไกล ย้ำว่า "ประเทศไทยเราต้องเป็นประเทศที่เห็นอนาคตเป็นอนาคต ในขณะที่มีกลุ่มคนอยากเห็นอนาคตเป็นอดีต อย่างไรก็ตามต้องหาฉันทามติในการอยู่ร่วมกันให้ได้โดยเอาคนรุ่นเก่าเป็นฐานแล้วเราที่ยังมีกำลังวังชาเป็นยอด
"อยากฝากถึงคนรุ่นเก่าด้วยว่าอนาคตจะเปลี่ยนไปเยอะถ้าไม่เปิดใจให้กว้างเห็นพวกเขาเป็นขบวนการล้มล้างการปกครองอนาคตก็จะไม่เป็นอนาคต แล้วเอาเขาไปอยู่ในคุก สักวันหนึ่งก็อาจเป็นลูกหลานของท่านก็ได้ มันไม่มีเวลาเหลือพอที่จะเล่นการเมืองแบบอดีตที่ผ่านมาเราต้องเดินหน้าเหมือนปฏิทิน ไม่ใช่เหมือนนาฬิกา"
นอกจากงานการเมืองแล้ว ชีวิตส่วนตัวของ"พิธา" ยังเป็นคุณพ่อ ที่มีลูกสาวอายุ 6 ขวบ 1คน ชื่อ "พิพิม" สถานะปัจจุบันยังโสด แม้จะไม่ได้ปิดตายหัวใจแต่หากจะมีใครเข้ามาในชีวิต หัวหน้าพรรคก้าวไกล เผยว่าต้องถามลูกสาวก่อนว่าพร้อมจะให้ใครมาดูแลหรือเปล่า
"ตอนนี้ก็เล่นดนตรีกับลูก อ่านนิทาน อ่านหนังสือด้วยกันพยายามให้เค้าได้ทำกิจกรรมหลากหลายไม่ว่าจะเป็นกีฬาที่เค้าชอบ เห็นว่าตอนนี้ชอบเล่นโยคะ เตะบอล ตีแบด ที่สำคัญคือพาลงพื้นด้วยกันหลายแห่งเช่น อ.จะนะ จ.สงขลา, บ่อแก้ว จ.ชัยภูมิ, คิดว่าจะพาไป จ.น่าน งานปีใหม่พี่น้องชาติพันธ์ชาวม้ง ก็อยากจะพาลูกสาวไปด้วย คิดว่าเค้าจะเข้มแข็งเมื่อเห็นพ่อทำงาน" พิธา กล่าวทิ้งท้ายตามสไตล์คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว ณ ตอนนี้