คอลัมนิสต์

พรรคกล้า "เราเป็นพรรคใหม่มีทรัพยากรจำกัด" กรณ์​ จาติกวณิช​ 

พรรคกล้า "เราเป็นพรรคใหม่มีทรัพยากรจำกัด" กรณ์​ จาติกวณิช​ 

29 พ.ย. 2564

อดีตรมว.คลัง ​ "กรณ์ จาติกวณิช"​ หลังลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์เพื่อมาตั้งพรรคการเมืองใหม่ ในนาม "พรรคกล้า"​ ถึงวันนี้ มีความกล้าลงสู้ศึกเลือกตั้งที่กำลังมาถึง สัมผัสเบื้องลึกนิยาม"ความกล้า" ได้จากเจาะประเด็นร้อน โดย อสนีบาต

 

อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง​ กรณ์ จาติกวณิช​ หลังลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อมาตั้งพรรคการเมืองใหม่​ วันนี้ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้า​ อีกหนึ่งพรรคการเมืองที่เพิ่งเกิดใหม่​ เปิดเผยถึงความพร้อมที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งทั้งในส่วนของ​ ส.ส.​ และ​ กทม.​ 

 

นายกรณ์​ เริ่มบทสนทนาด้วยการให้คำนิยามความเป็น "พรรคกล้า" ว่าคือที่รวมกันของคนรุ่นใหม่ที่คิดบวก​ คนที่แม้ไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองแต่เคยสร้างเนื้อสร้างตัว​ มีจิตสาธารณะเพื่อเข้ามาช่วยกันสร้างโอกาสให้คนไทย​และประเทศชาติ

 

โดยความตั้งใจและเป้าหมายของพรรค​ จะเน้นสร้างโอกาสทำมาหากินแก้ปัญหาปากท้อง​ พัฒนาเศรษฐกิจ​ ยกระดับประเทศให้มีมาตรฐานสากลในทุกๆด้าน​ 

 

กรณ์ จาติกวณิช  หัวหน้าพรรคกล้า

 

ด้านความพร้อมในการส่งผู้สมัครเลือกตั้ง​ ส.ส.​ สนามใหญ่ทั่วประเทศ​ นายกรณ์​ ยอมรับว่า​ พรรคคงไม่สามารถส่งครบทั้ง​ 400​ เขต​ 

 

"เพราะเป็นพรรคใหม่ที่มีทรัพยากรจำกัด ต้องบริหารทรัพยากรของเราตามความเหมาะสม​ เราจะส่งในกรณีที่ผู้สมัครตรงสเป็คของเรา​ ชัดเจนในอุดมการณ์ของเรา​ เข้าใจแนวทางการทำงานของพรรค​ และลงในเขตที่เรามองว่ามีโอกาสชนะ​ ความคาดหวังอาจจะน้อยกว่าพรรคใหญ่​ แต่ผมเชื่อว่าจำนวน​ ส.ส.ที่เราทำได้แน่นอนคือระหว่าง​ 30​ คน​ เป็นจำนวนที่ทำให้เราทำในเรื่องที่เราคิดอยากทำในสภาหรือรัฐบาลได้"

ในขณะที่​ ​"สนามเล็ก" การเมืองระดับท้องถิ่น" พื้นที่กรุงเทพมหานคร​ (กทม.)​ นายกรณ์​ ก็ตั้งใจว่าจะส่งผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร​ (สก.)​ ด้วยเช่นกันโดยเตรียมไว้ 20​ กว่าเขต​ 

 

"อาจจะไม่ส่งครบทุกเขตแต่ความตั้งใจของเราคือส่งผู้สมัครลงในระดับท้องถิ่น​ กทม.​ ด้วยเหตุผลที่เป็นเมืองหลวง​ ส่วนผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.​ ก็ตั้งใจจะส่ง​ เตรียมไว้แล้วแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจในขั้นสุดท้ายว่าเป็นคนไหน​ ผมมองว่าเรายังมีเวลาไม่ต้องเร่งด่วนเปิดตัว"

 

พรรคกล้า \"เราเป็นพรรคใหม่มีทรัพยากรจำกัด\" กรณ์​ จาติกวณิช​ 

 

ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้า​ นายกรณ์​ ให้ความเห็นถึงรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขใหม่ว่า​​ เสียดายโอกาสของประชาชนที่หลายๆคนเสียงจะต้องตกน้ำไปในระบบใหม่​ 

 

"ในส่วนของพรรคการเมือง​ เราแค่ต้องปรับยุทธศาสตร์ของเรา​ ไม่ว่าอย่างไรการแข่งขันก็ต้องเกิดไม่ว่าพรรคเก่าหรือใหม่​ ถ้าเราคิดว่ามีของดี​ คนดี​ นโยบายดี​ เราก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมสนับสนุนเรา​ ไม่ว่าเราจะเป็นพรรคเล็กหรือพรรคใหญ่" 

 

"จุดเด่น​พรรคกล้าคือ คนของเรา​ ความตั้งใจของเราถึงแม้ว่าหลายๆคนไม่เคยลงสมัครเลือกตั้งมาก่อน​ ผมคิดว่าตรงนั้นไม่ได้เป็นอุปสรรคของเขาในการเสียสละมาทำงานเพื่อบ้านเมือง​ ประสบการณ์ที่หลากหลายของคนพรรคกล้า​ นี่คือจุดขายที่สำคัญ" นายกรณ์​ กล่าวถึงข้อเด่นของพรรคกล้า

 

อย่างไรก็ตาม​ สถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน​ อดีต รมว.คลัง​ ให้ความเห็นว่า​ รัฐบาลเหมือนอยู่ไปวันๆ​ ซึ่งอาจทำให้ประชาชนออกมาเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งเร็วขึ้น​ 

 

"ประชาชนไม่รู้รัฐบาลมีแผนจะทำอะไรให้กับเขา​ การที่รัฐบาลจะอยู่ในอำนาจเป็นธรรมชาติของผู้ที่มีอำนาจ​ แต่คำถามคือมีอำนาจแล้วจะใช้ทำอะไรให้กับประชาชนและบ้านเมือง​ วันนี้ความรู้สึกทั่วไปคงเห็นเหมือนกันว่าอยู่ไปวันๆ​ ถ้าเช่นนั้นการเรียกร้องของประชาชนให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วอาจจะมีมากขึ้น"

 

ทั้งนี้​ การออกมาชุมนุมเรียกร้องของเยาวชนคนรุ่นใหม่​ นายกรณ์​ แนะนำนักการเมืองว่าควรรับฟังและทำความเข้าใจ​ ขณะเดียวกันทางกลุ่มผู้ชุมนุมก็ต้องเคารพ​สิทธิของผู้อื่นด้วย

 

"ต้องฟัง​ ทำความเข้าใจ​ เรียนรู้เพราะว่าเขาเองก็มีความคิดที่นักการเมืองรุ่นเก่าอาจไม่คุ้นเคย​ นี่เป็นเรื่องที่ปกติ​ ช่วง​ 10-20​ ปี​ ก่อนหน้านี้เราบ่นด้วยซ้ำไปว่าทำไมนักศึกษาไม่สนใจการเมืองเหมือนยุคก่อนๆ​ วันนี้เขาสนใจแล้ว​ อาจทำให้ชีวิตนักการเมืองยากขึ้น​ ท้าทายมากยิ่งขึ้น​แต่มันก็เป็นโอกาสของเราที่จะรับฟัง​ เรียนรู้​ ที่สำคัญคือความฝัน​ ความหวังของเขาว่าเขาต้องการอะไร

 

"การเคลื่อนไหวเป็นสิทธิตามประชาธิปไตย​ เคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลก็เป็นสิทธิในหลักประชาธิปไตย​ ผมคิดว่าคงไม่มีใครเกี่ยง​ แต่ประเด็นคือการเคารพสิทธิของผู้อื่น​ เคารพกฎหมาย​ เป็นหลักสำคัญในการใช้สิทธิเช่นกัน​ตรงนี้ต้องหาความพอดีให้ได้​ เข้าใจว่าบางทีอารมณ์พาไป" 

 

อดีต​ รมว.คลัง​ กล่าวอีกว่า​​ ข้าราชการดีๆเก่งๆมีเยอะ​แต่ถูกระบบครอบงำจนไม่สามารถทำงานรับใช้ประชาชนและบ้านเมืองได้ตามความตั้งใจ​ 

 

"การปฏิรูประบบราชการสำคัญที่สุด​ และยุคนี้เป็นยุคที่มีโอกาสจะทำได้เพราะเรามีเทคโนโลยี​ วิธีการปฏิรูประบบราชการในความคิดของพรรคกล้าก็คือการใช้เทคโนโลยีมาสร้าง​ Government Technology​ พูดง่ายๆ คือ รัฐบาลคลิกเดียว​ เพิ่มความโปร่งใส​ เพิ่มประสิทธิภาพ​ ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย​ ทำให้ข้าราชการสามารถทำตามความตั้งใจที่จะช่วยเหลือประชาชนได้​ เราเรียนรู้จากประเทศอื่นได้​ หลายประเทศไปไกลแล้ว​  ข้อดีของเทคโนโลยีคือใช้ที่ไหนได้ก็ใช้ที่อื่นได้​ ประเทศไทยเองไม่ได้ขาดการพัฒนาไปเสียทีเดียว​ จะเห็นว่ากรมสรรพากร​ กรมศุลกากร​ ก็เริ่มที่จะมีเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้เสียภาษีมากขึ้น​ หรือล่าสุดรัฐบาลออกแบบแอพ​เป๋าตังขึ้นมา​ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการเยียวยาอย่างแม่นยำให้กับประชาชนที่เดือดร้อนในช่วงโควิด​ นั่นก็คือ​ Govtech แต่มันหยุดแค่นี้ไม่ได้​  ต้องเอาระบบราชการเข้ามาอยู่ในระบบเดียวกันเพื่อที่เราจะได้มีศูนย์รวมข้อมูล​ ประชาชนไม่ต้องวิ่งหลายหน่วยงาน​ ต้องมี​ Digital Foot Print หรือหลักฐานทางดิจิทัลเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่น"​ หัวหน้าพรรคกล้า​ กล่าว

 

สุดท้าย​ นายกรณ์​ ให้นิยาม​ 3​ คำ​ อธิบายความเป็น​" พรรคกล้า" ได้แก่​ซื่อสัตย์​ ปฏิบัติ​ เสียสละ​ 

 

"ใครจะมาทำงานการเมือง​ ปฏิเสธความซื่อสัตย์ต่อคำพูดตัวเอง​ ปฏิเสธความซื่อสัตย์ต่อบ้านเมืองไม่ได้​ ซื่อสัตย์ยังไม่ล้าสมัย​ สิ่งที่การเมืองขาดคือคนที่ทำจริง​ คนคิดดีเยอะ​ พูดเก่งยิ่งเยอะใหญ่​ แต่คนลงมือทำจริงๆน้อย​ ฉะนั้นปฏิบัติจึงสำคัญ​ และเสียสละ​ ผมคิดว่าใครที่จะมาทำงานรับใช้ประชาชนต้องมีความพร้อมที่จะเสียสละเพื่อส่วนรวม​ 3​ เรื่องนี้ถ้ามีคุณสมบัติในตัวนักการเมืองโอกาสที่จะเดินผิดน้อย" นายกรณ์​ กล่าวปิดท้าย