มหาสมปอง สึกก็ดี ไม่สึกก็ดี เมื่อเป็นศรีสังคม โดย ทิดโบราณ
เบื้องหลังที่พระมหาสมปอง บวชพระมาเกือบค่อนชีวิต เป็นเปรียญ 7 ประโยค พุทธศาสตร์มหาบัณฑิต จาก มจร ต้องลาสิกขานั้น ผมดูข้อมูลย้อนหลัง พบว่า มหาเถรสมาคม มีความเห็นว่า พระมหาสมปองแสดงความเห็นเรื่องการเมืองไม่เหมาะแก่สมณสารูป ติดตามได้จากเจาะประเด็นร้อน โดย ทิดโบราณ
วันนี้ไมมีใครไม่รู้จักพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต พระนักเทศน์ชื่อดัง สำนักวัดสร้อยทอง กรุงเทพมหานคร
ตอนที่ยังไม่ประกาศว่าจะสึก 29 ธันวาคม 2564 นั้นท่านมีชื่อเสียงมาก่อน ในฐานะพระนักเทศน์แนวใหม่ ที่ประยุกต์เหตุการณ์ต่างๆ ให้เข้ากับหลักธรรม คำสอนได้ลงตัว ผสมผสานกับการใช้ภาษาง่ายๆ บวกอารมณ์ขัน เป็นที่ถูกอกถูกใจผู้ฟังทุกเพศทุกวัย
ต่อมายังมีรายการ ธรรมเดลี่เวอรี่ และหลวงพี่มาแล้ว ทางทีวีช่อง 3 ทำให้ดังมากขึ้นไปอีก
ท่านแสดงบทดังกล่าวมานานหลายปี ชื่อท่านขึ้นชั้นนักเทศน์ชั้นนำของไทยรูปหนึ่ง
ความดังไม่ได้หยุดแค่นั้น เมื่อจับคู่กับพระมหาไพวัลย์ วรวณฺโณ พระมหารุ่นน้องดีกรี ป.ธ.9 นาคหลวง แห่งวัดสร้อยทองไลฟ์สดภายใต้ชื่อ พ.ส.พูดธรรมผสมอารมณขัน มียอดวิว กว่า 2 ล้าน เรียกว่าถูกใจ เถ้าแก่แม่ยก และวัยรุ่นหญิงชายจำนวนมาก
เมื่อท่านมหาสมปองประกาศแน่นอนว่าจะสึก หนังสือพิมพ์ใหญ่เช่น Bangkok Post ภาษาอังกฤษฉบับเดียวของไทย เสนอข่าวหน้า 1 เลยทีเดียว ซึ่งถือว่า นสพ Bkk Post ให้ความสำคัญมาก
หนีงสือพิมพ์ไทยรัฐ ก็เสนอข่าวหน้า 1 เช่นกัน แสดงว่าท่านมหาสมปอง ไม่ธรรมดา
ส่วนความที่สื่อธรรมะผสมอารมณ์ขันออกมาดังมาก กลายเป็นว่าเด่นขึ้นทุกที เขาหมั่นไส้ จึงเห็นนักอนุรักษ์วิจารณ์ว่าไม่เหมาะสม เหมือนแย่งอาชีพดาวตลกทั้งมวล ไล่ให้สึกซะงั้น
บางคนทนไม่ได้ถึงกับร้องเรียนไปยังมหาเถรสมาคม ให้ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งกับคุณมหาทั้ง 2 รูป
ส่วนคุณมหาทั้ง2 ก็ทำงานสนองคุณคณะสงฆ์ไปเรื่อยๆ แบบไม่หวั่นไหวกับเสียงนกเสียงกา
จนกระทั่ง ท่านมหาทั้ง 2 เหลืออด เมื่อมีข่าวพระผู้ใหญ่ระดับบนจะเปลี่ยนตัวผู้เป็นเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง ที่เป็นอาจารย์ที่ตนเคารพนับถือเอาไปให้ผู้ช่วยเจ้าอาวาสแทน
พม.ไพรวัลย์ว่าหากเป็นตามข่าวก็อยู่ไม่ได้ สึกดีกว่า(แต่ไม่ทราบว่าเปลี่ยนตัวเจ้าอาวาสได้จริงหรือไม่ แต่ พระมหาไพรวัลย์ กลายเป็นทิดไพรวัลย์ ตั้งแต่ 3 ธค.64 ไปแล้ว)
พร้อมกันนั้นได้เขียนบทความว่าตนนั้นเป็นพระธรรมดา ไม่เคยไปเชียร์บอลถึงลอนดอน และไม่เคยงมงายกับการเสกผ้ายันต์ แต่เมือพบปัญหาอาจารย์ถูกรังแกจากใครก็ไม่รู้ ก็ทนไม่ได้ ในที่สุดก็สึก วันแรกสร้างความเฮฮา เมื่อไปกินหมูกระทะที่เพชรบุรี ในค่ำวันที่สึกนั้นแล
กล่าวถึงพระมหาสมปอง ก็บอกว่าจะสึกตามไปอีก 1หรือ 2 ปี ข้างหน้า แต่ทำไปทำมาประกาศแน่นอนว่าจะสึก 29 ธ.ค.64 โดยไปร่ำลาหลวงพ่อพยอมแห่งวัดสวนแก้ว เรียบร้อย
หลวงพ่อพยอมฝากข้อคิดให้ติดตัวไปว่า สึกไปแล้วให้เขาดูดี นะ อะไรทำนองนี้
ส่วนเบื้องหลังที่พระมหาสมปอง อายุ 47 ปี บวชเณร บวชพระมาเกือบค่อนชีวิต เป็นเปรียญ 7 ประโยค พุทธศาสตร์มหาบัณฑิต จาก มจร ต้องลาสิกขานั้น ผมดูข้อมูลย้อนหลัง พบว่า มหาเถรสมาคม มีความเห็นว่า พระมหาสมปองแสดงความเห็นเรื่องการเมืองไม่เหมาะแก่สมณสารูป
มติ มส.นี้ออกเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2564 หลังจากเลขาธิการ มส . รายงานว่า พระมหาสมปองแสดงความคิดเห็นเมื่อ 25 เมษายน 64 เรื่องรัฐบาลแก้ปัญหา โควิด 19 ล่าช้า ว่าให้หยุดโครงการซื้อเรือดำน้ำ และรถถังไว้ก่อน เอางบมาจัดหาเตียงให้พอกับคนไข้ดีกว่า เพราะตอนนีไม่มีใครมารบกับคุณหรอก
มส พิจารณาแล้วมีมติว่าการแสดงความคิดเห็นของพระมหาสมปอง เข้าข่ายยุ่งการเมืองไม่เหมาะสมกับสมณสารูป จึงให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติประสานงานกับพระสังฆาธิการดำเนินการต่อไป
ไม่รู้พระสังฆาธิการระดับบนทำอะไรกันไปบ้าง แต่สังคมสงฆ์ขาดพระนักเทศน์ นักเผยแพร่ ชั้นนำไปแล้ว
ถามจริงๆ คณะสงฆ์ไม่เสียดายเลยหรือ
อย่างไรก็ตามวันที่ 29 ธันวาคม 64 สังคมไทย และสังคมการเมือง จะมีคนดีศรีสังคม มาสร้างอะไรใหม่ๆ ให้ชาวเราได้ชื่นชมกัน ต่อไป
คนดีอยู่ที่ไหน ที่นั่นย่อมมีความสุข