คอลัมนิสต์

ชนลูกหมี “ธรรมนัส” เอาจริงสนามชุมพร ระแวง กปปส.

ชนลูกหมี “ธรรมนัส” เอาจริงสนามชุมพร ระแวง กปปส.

03 ม.ค. 2565

ปูดข่าวทหารบุกชุมพร “ธรรมนัส” โดนเต็มๆ ศึกนี้สู้เดือด ไม่มีฮั้ว เป้าหมายบิ๊กป้อม ต้องล้มทีมลูกหมี ชุมพล จุลใส อดีตแกนนำ กปปส.ให้ได้ คอลัมน์ท่องยุทธภพ โดยขุนน้ำหมึก

ศึกชุมพรกลายเป็นสงครามเงา “ธรรมนัส” กับชุมพล จุลใส ทั้งที่ก่อนหน้านั้น ดูเหมือนจะเกี้ยเซี้ยกันได้ แต่ปมขัดแย้งภายในเครือข่าย 3 ป. ก่อให้เกิดความหวาดระแวง

 

มากกว่าเลือกตั้งซ่อม เกม “ธรรมนัส” ปะทะลูกหมีที่ชุมพร อาจโยงสนามหลักสี่ การทดสอบกำลังของฝ่ายหนุนลุงตู่กับหนุนลุงป้อม

 

“ธรรมนัส” คงเห็นสัญญาณบางอย่าง อดีตแกนนำ กปปส.เมืองหลวงที่สนิทกับชุมพล จุลใส เริ่มขยับจัดตั้งพรรคใหม่ จึงไม่ไว้ใจตระกูลจุลใส แห่งเมืองชุมพร

 

วันที่ 1 ม.ค.2564 เปิดศักราชใหม่ ราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ก็จุดพลุประเด็นทหาร 100 กว่าคน เข้าพื้นที่เขต 1 ชุมพร พร้อมร้องเรียนให้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ตรวจสอบโดยเร็ว

 

ที่น่าสนใจ มีการเปิดชื่อตัวละครนายทหารคนหนึ่งอักษรย่อ ต.เต่า เป็นผู้นำกำลังทหารเข้าพื้นที่ ซึ่งเรื่องนี้ พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ออกมาชี้แจงว่า ตรวจสอบในพื้นที่แล้วไม่มีอะไร ตนสั่งเด็ดขาด ห้ามทหารเข้าไปยุ่งเกี่ยวทางการเมือง ให้วางตัวเป็นกลางทางการเมือง

การที่โฆษก ปชป.เอ่ยชื่อ เสธ.ต. ขึ้นมานั้น ย่อมทำให้สปอตไลต์การเมืองสาดจับไปที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งแวดวงยุทธจักรการเมืองต่างรู้มือรู้ไม้กันดี

 

แม้ “ธรรมนัส” จะไม่ใช่ผู้อำนวยการเลือกตั้งซ่อมชุมพร เขต 1 (อ.เมือง และอำเภอสวี) แต่ก่อนหน้านั้น ผู้กองเมืองพะเยาได้ลงมาวางเครือข่ายการเมืองท้องถิ่นทั่วภาคใต้ ตั้งแต่ อบจ.ยัน อบต. โดยมีเพื่อนเตรียมทหารรุ่นเดียวกันคอยช่วยเหลือ

 

ดังนั้น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จึงเปรียบเสมือนแม่ทัพหลังม่าน คอยเดินเกมสนับสนุน สันติ พร้อมพัฒน์ ผอ.เลือกตั้งซ่อมชุมพร อย่างเป็นทางการ

 

‘ผู้กองเปลี่ยนเกม’

ดังที่รู้กัน สนามเลือกตั้งซ่อมชุมพร “ธรรมนัส” ตัดสินใจพลิกเกมพาชวลิต อาจหาญ ผู้สมัคร ส.ส.ชุมพร เขต 1 และศิริศักดิ์ อ่อนละมัย อดีต ส.ส.ชุมพร 6 สมัย พรรค ปชป. เข้าพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่บ้านป่ารอยต่อฯ เพราะได้กลิ่นข่าวไม่สู้ดีว่า ลูกหมี ชุมพล จุลใส สมัยหน้าจะอยู่กับ ปชป.

คณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ จะพลิกมติส่งผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 ชุมพร สำทับคำประกาศของ พล.อ.ประวิตรว่า สนามนี้แพ้ไม่ได้ แถมยังฝากเพื่อนรุ่นเดียวที่เป็น ส.ว.ไปคุยโวในสภาฯว่า ทนายแดงชนะแน่

 

สาเหตุที่ทำให้ “ธรรมนัส” เปลี่ยนแผน คงสืบเนื่องมาจาก สกลธี ภัททิยกุล และ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ เดินทางไปพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทำเนียบรัฐบาล ตามมาด้วยถ้อยแถลงของสกลธี ที่จะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. และเตรียมเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่

 

มิหนำซ้ำ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กระโจนลงสนามเลือกตั้งซ่อม กทม.เขต 9 โดยสกลธี ยอมรับว่า ทีมงานของเขาในเขตหลักสี่ จะถอนตัวจากทีมสิระ เจนจาคะ มาช่วยอรรถวิชช์

 

บังเอิญว่า ชุมพล จุลใส อดีต ส.ส.ชุมพร เป็น 1 ใน 4 ทหารเสือ กปปส.ร่วมกับสกลธี ภัททิยกุล, ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ จึงทำให้ฝ่ายลุงป้อมเกิดความระแวงแคลงใจ

 

ถึง “ธรรมนัส” จะหอบหิ้วลุงป้อมไปชุมพร 2 รอบ เที่ยวแรกไปเจอลูกหมี เที่ยวหลังไปเจอลูกช้าง ก็ยังไม่มีความมั่นใจว่า ตระกูลจุลใส จะยกทัพมาร่วมงานพลังประชารัฐ

 

‘ศิษย์เก่า กปปส.’

ปีที่แล้ว “ธรรมนัส” ตกเป็นจำเลยศึกกบฏพลังประชารัฐ กลุ่ม 6 รัฐมนตรี พยายามดึง ส.ส.กทม.บางคน มาเป็นฐานกำลัง เนื่องจากเดิมที สนามเมืองหลวง อยู่ในการดูแลของ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์

 

หลังอดีตแกนนำ กปปส. ติดบ่วงคดีเก่า ต้องหลุด ส.ส. ฝ่าย ร.อ.ธรรมนัส จึงสยายปีกเข้ามาดูแล ส.ส.กทม. และพยายามดึงคนเด่นดังมาลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรค แต่ก็ยังไม่ได้ตามสเปค

 

สกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าฯ กทม. และ 1 ใน 4 ทหาร กปปส. เป็นคนเดียวที่ศาลอ่านคำพิพากษายกฟ้องในคดีกบฏ 112 ส่วนคนอื่น ต่างได้รับโทษแตกต่างกันคือ ชุมพล จุลใส จำคุก 9 ปี 24 เดือน พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ จำคุก 7 ปี และณัฏฐพล ทีปสุวรรณ จำคุก 6 ปี 16 เดือน

 

ด้วยเหตุนี้ สกลธีจึงเป็นคนเดียวที่เคลื่อนไหวทางการเมืองได้เต็มที่ และผลการเลือกตั้งสนามหลักสี่ จะเป็นบททดสอบฐานเสียงตัวเขาเอง ก่อนจะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ต่อไป

 

เช่นเดียวกับชุมพล จุลใส การรักษาที่มั่นเขต 1 ชุมพรไว้ได้ ก็หมายถึงชัยชนะของตระกูลจุลใส บวกกับเขต 3 สุพล จุลใส พรรครวมพลังประชาชาติไทย รวมเป็น 2 ที่นั่ง

 

ฉะนั้น การขยับตัวแรงของโฆษก ปชป. ก็เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ตีจุดแข็งของผู้กองคนพะเยา ทำให้การเลือกตั้งซ่อมมาอยู่ในสังเวียนเปิดโล่ง ไม่มีเกมใต้ดิน