รุ่งหรือร่วง อินไซด์ "สรวิศ ธานีโต" อธิบดีปศุสัตว์ พบนายกฯชี้ชะตาโรค ASF
สรวิศ ธานีโต "อธิบดีปศุสตว์" กล่าวผ่านรายการคมชัดลึก ยืนยันขอใช้เวลาที่เหลืออยู่ 8 เดือนช่วยพี่น้องเกษตรกรให้ฝ่าวิกฤตโรคหมูASFแต่หลังจากนั้นเขาต้องเข้าพบนายกฯที่ทำเนียบฯเป็นการด่วน ก่อนที่นายกฯเข้ามาตบบ่าและพูดว่า....! ติดตามในเจาะประเด็นร้อน โดย อสนีบาต
"ผมคิดว่าผมทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ประเทศชาติเป็นส่วนรวมแล้วก็คนเห็นนะครับ เพราะฉะนั้นเนี่ยนะครับตรงนี้เนี่ยไม่ลาออกนะครับ เดินหน้าต่อไปเพื่อจะได้ให้เกษตรกรได้อยู่ได้ดีกว่าครับ ผมทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมาโดยตลอด และมีผลงานชัดเจน ที่ผ่านผมเจอโรคทุกปีทั้งโรคระบาดม้า โรคลัมปีสกินจนทุกวันนี้คุมโรคได้ อีก 8 เดือนก่อนเกษียณ ผมมีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาให้พี่น้องผู้เลี้ยงสุกร ผมไม่ได้ทุจริตอะไร ยืนยันไม่ลาออกครับ"
ข้างต้น เป็นวรรคทองของ "น.สพ.สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสตว์" ที่ได้ชี้แจงกับวราวิทย์ ฉิมมณี ในรายการคมชัดลึก เมื่อวันที่ 13 ม.ค.65 ที่ผ่านมา ต่อคำถามที่ว่า "สังคมกำลังตั้งคำถามแบบตรงไปตรงมาเสียหายขนาดนี้ อธิบดีต้องลาออกหรือแสดงความรับผิดชอบไหม ท่านอธิบดีคิดอย่างไร"
ห้วงระยะเวลาที่ผ่านมา เกิดสถานการณ์ราคาหมูแพง พร้อมตามมาด้วยการขุดคุ้ยหาต้นตอสาเหตุมาจากปัญหาใดกันแน่ ซึ่งก็มีการเปิดข้อมูลกันออกมาเรื่อยๆ จนกระทั่งอธิบดีท่านนี้ เปิดแถลงว่า จากการเก็บตัวอย่างสุกร พบหนึ่งแห่งที่นครปฐม หมูติดเชื้ออหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือ โรคASF
จากกลุ่มตัวอย่าง 300 กว่าแห่ง พบ เชื้อโรคASF 1 แห่งเท่านั้น
แม้มีการยอมรับออกมาเพียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่อาจคลายข้อห่วงกังวลจากสังคมไปได้ โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูในหลายฟาร์มทั่วประเทศ ที่ยังคงออกมายืนยัน การแพร่ระบาด โรคASF
สำทับด้วย จดหมายของภาคีคณบดีคณะสัตว์แพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมปศุสัตว์ รายงาน การตรวจพบ หมูติดเชื้ออหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือโรค ASF ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ปีที่แล้ว ขอให้ดำเนินการควบคุมอย่างเร่งด่วน ก็ยิ่งทำให้ น.สพ.สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสตว์ ตกเป็นเป้าในสายตาของทุกฝ่าย แม้กระทั่งฝ่ายการเมือง ว่างานนี้ต้องมีคนถูกจับขึ้นเขียงเพื่อคาดคั้นหา"ผู้รับผิดชอบ"
ไม่เหนือความคาดหมาย เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 65 เวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรรี ได้เรียก น.สพ.สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ พร้อมคณะผู้เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการแก้ปัญหาหมูที่ไม่หมู เข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นการด่วน
ท่ามกลางทุกสายตาที่เฝ้าจับตามอง
มองไกลไปถึงชะตากรรมของอธิบดีกรมปศุสัตว์ ที่ยังเหลืออายุราชการอีก 8 เดือน ต้องทำหน้าที่แก้ปัญหาโรค ASF ให้กับพี่น้องเกษตรกร ตามที่เขาประกาศลั่นผ่านรายการคมชัดลึก "ผมไม่ได้ทุจริตอะไร ยืนยันไม่ลาออก"
เมื่อพลิกดูปูมประวัติ น.สพ. สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ หรือ "อธิบดีไก่" ท่านมีสถานะโสด อายุ 59 ปี สำเร็จการศึกษา ปริญญาสัตวแพทยศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถือเป็นลูกหม้อกรมปศุสัตว์ ผ่านงานอย่างโลดโผน เคยดำรงตำแหน่งปศุสัตว์จังหวัดราชบุรี นครปฐม หลายวาระ รู้ทุกซอกทุกมุมของเมืองหลวงหมู จนก้าวสู่ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์
ปี 2557 เป็นรองอธิบดีกรมปศุสัตว์ ปี 2560 เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ 7 พฤษภาคม 2561 เป็นอธิบดีกรมปศุสัตว์ เหลืออายุราชการอีก 8 เดือน
ส่องผลผลงานดีเด่น บริหารงานเยี่ยมนำกรมปศุสัตว์รับรางวัลเลิศรัฐระดับดีเยี่ยม ปี 2561 และ ปี 2564 , รางวัลเลิศรัฐ ประจำปี 2560 ระดับดีเด่น ส่วนงานสังคมสัตวแพทย์ก็ไม่น้อยหน้า ปี 2559 ได้รับการคัดเลือกเป็นสัตวแพทย์ตัวอย่าง สายงานเผยแพร่วิชาชีพและบริการสังคม จากสัตวแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
และที่ถือเป็นที่สุดคือ ได้รับการเลือกตั้งเป็น นายกสัตวแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ วาระประจำปี 2557-2558 และวาระประจำปี 2559-2560 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งจากสมาชิกสัตวแพทย์ทั่วประเทศ
อดีตสัตวแพทย์ตัวอย่าง อดีตนายกสัตวแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย กำลังถูกตั้งคำถามกับการระบาดของอหิวาต์แอฟริกาในสุกร
จับยามสามตา เก้าอี้ร้อนๆของอธิบดีกรมปศุสัตว์ 20 ปีย้อนหลัง มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ครบวาระ 4 ปี ส่วน"อธิบดีไก่" จะไปกับหมูASF หรือไม่
ก่อนหน้านี้ ซินแสเข่ง ผ่าดวง "สรวิศ ธานีโต" ผ่านคมชัดลึกออนไลน์มาแล้วว่า "สรวิศ ธานีโต" เป็นบุคคลที่มีความเป็นผู้นำ สามารถปรับตนเองได้ทุกสถานการณ์ แต่มากด้วยความเป็นเจ้าทุกข์ ชอบที่จะวุ่นวายช่วยเหลือผู้อื่น แต่เป็นคนที่ดื้อเงียบ และใช้ความคิดของตนเองเป็นที่ตั้ง มีโอกาศสำเร็จในตำแหน่งหน้าที่การงานสูง ด้วยกำลังธาตุของตนเอง ระวังเรื่องบริวารที่จะทำให้เกิดปัญหาแตกแยกไม่หวังดี ให้ได้รับความเดือดร้อน
"ซินแสเข่ง" สรุปเหตุในดวงชะตา "สรวิศ ธานีโต" ว่าเดือนมกราคม เป็นเดือนสุดท้ายของปี 2564 ที่ยังมีผลกระทบจากเดือนธันวาคม ถึงเดือนมกราคม ซึ่งอาจมีผลกระทบถึงเศรษฐกิจ รายได้และผลประโยชน์ ที่จะต้องระวังในสิ่งที่จะเกิดขึ้นให้ได้รับความเดือดร้อนทั้งในหน้าที่ตำแหน่ง และการงาน ในรอบสุดท้ายของปีเกษียณอายุราชการ
นั่นคือการกางโชคชะตากรรมตามหลักโหราศาสตร์ แต่ในหลักทางศาสตร์การเมืองหลังเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ก็ยังได้พบอีกภาพหนึ่ง เมื่อ อธิบดีปศุสัตว์ ได้รายงานลำดับเหตุการณ์ การแพร่ระบาดอหิวาต์ในสุกรหรือโรค ASF ตั้งแต่ต้นจนจบ ว่า เกิดขึ้นเพราะอะไร และการแพร่ระบาดเริ่มมาตั้งแต่ปี 2562 โดยจีนพบหมูติดเชื้อASF และต้องทำลายหมูไปถึง 300 ล้านตัว และได้ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ ในการรับมือการแพร่ระบาดครั้งนั้น ซึ่งไม่ต่างกับไทย ที่มีการประกาศเป็นวาระแห่งชาติเช่นเดียวกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็รับทราบและติดตามสถานการณ์มาตลอด
"การที่เพิ่งตรวจพบเชื้อโรคASF เพราะต้องใช้ผลแล็ปตรวจอย่างละเอียดรอบคอบ อีกทั้งเราได้ติดตามสถานการณ์มาตามที่เคยประกาศเป็นวาระแห่งชาติ ทำให้การแพร่ระบาดในไทยช้าลง แต่ที่มีการพบเชื้อ หรือการที่เกษตรกรนำซากหมูไว้ในโอ่ง วันนี้พลาดหลายอย่าง เกษตรกรไม่แจ้ง ถ้าแจ้ง จะมีหน่วยงานลงไปตรวจสอบ และเข้ากำจัดอย่างถูกวิธี สิ่งที่กระทรวงเกษตรฯต้องดำเนินการต่อไป การวางแผนอย่างเป็นระบบ ขีดวงการแพร่ระบาดให้อยู่ในวงจำกัด ขณะเดียวกัน ร่วมมือกับสถาบันอุดมศึกษา ในการเร่งพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคASF "
ภายหลังการชี้แจงของอธิบดีปศุสัตว์ นายกฯยังได้สอบถาม อธิบดีปศุสัตว์ว่า แล้วตามที่มีข่าวว่า มีหมูหายจากระบบ 50-60 เปอร์เซนต์จริงหรือ ซึ่งอธิบดีปศุสตว์ ได้ยืนยันว่า ไม่ได้หายไปอย่างที่มีกระแสข่าวปล่อยออกมา เพราะเรามีระบบการเคลื่อนย้ายสัตว์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Movement) ดูแลอยู่ การเคลื่อนย้าย จะมีใบเคลื่อนย้าย ตรวจสอบการเข้าออกจากฟาร์ต้องแจ้ง ซึ่งนายกฯได้กำชับขอให้ตรวจเช็คสต็อกให้รัดกุม พร้อมกับสั่งการให้กระทรวงมหาดไทยสนับนุนการทำงาน แก้ปัญหาหมู ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยที่อธิบดีปศุสัตว์ยังได้บอกกับนายกฯว่า สถานการณ์นี้จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติใน 8-12 เดือน
ภายหลังการหารือด่วนจบลง อธิบดีปศุสัตว์ ได้เดินออกมาจากห้องประชุมพร้อมกับ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยสีหน้าไม่ตรึงเครียดนัก ก่อนที่จะมีฝ่ามือของคนเป็นผู้นำประเทศเข้ามาตบบ่าเบาๆ พร้อมกับเอ่ยปากขึ้นมาว่า
" เราต้องช่วยกัน ขอให้อยู่จนเกษียณนะครับ"
นี่คือข้อความสำคัญ ในการแก้ปัญหาโรค ASF ให้ลุล่วง