สลิ่มเฟส2 "เพื่อไทย-ก้าวไกล" เกมตัดแต้ม ซ่อนดาบในรอยยิ้ม
ควันหลงเลือกตั้งซ่อมหลักสี่ "เพื่อไทย-ก้าวไกล" ขัดแย้งหนัก จากสภาฯล่ม ถึงสลิ่มเฟส2 เหตุสีส้มมาแรง ดับฝันทักษิณแลนด์สไลด์ คอลัมน์ท่องยุทธภพ โดยขุนน้ำหมึก
ซ่อนดาบในรอยยิ้ม “เพื่อไทย-ก้าวไกล” จากสภาล่ม ถึงการป้ายสีสลิ่มเฟส2 สะท้อนเกมชิงไหวชิงพริบในฝ่ายเดียวกัน
มิตรหรือศัตรู “เพื่อไทย-ก้าวไกล” ในสังคมการเมืองแบ่งขั้ว ยากที่จะข้ามไปดึงคะแนนจากอีกขั้วหนึ่ง ฉะนั้น สองพรรคจึงแย่งตักน้ำบ่อเดียวกัน
รอยร้าวลึก “เพื่อไทย-ก้าวไกล” ต่างอุดมการณ์ต่างวัฒนธรรม ทักษิณเติบโตมาในระบอบอุปถัมภ์ ส่วนพิธาตัวแทนความคิดก้าวหน้า มุ่งถอดรื้อโครงสร้าง
ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลตกอยู่ในสภาพเสื่อมทรุด ขาดเอกภาพ พรรคพลังประชารัฐก็แตกเละ แต่ฝ่ายค้านก็พลอยทะเลาะเบาะแว้งกันเอง ตั้งแต่เหตุสภาฯล่ม ลามไปถึงกลุ่มแคร์โยนระเบิดสลิ่มเฟส2 มาถล่มก้าวไกล
ยกตัวอย่างกรณีสภาฯล่ม มีวิวาทะระหว่าง ส.ส.ก้าวไกล และ ส.ส.เพื่อไทย ทำนองโทษกันไปมา วัน อยู่บำรุง ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า “อวดเก่งในสภา แต่อ่อนด้อยในเกมการเมือง โชว์เหนือ โชว์หล่อผ่านสื่อแล้วให้คนมาอวย...อย่างนี้ก็ไม่เอา ชาวบ้านยังไม่รู้จักว่ามรึงเป็นผู้แทน”
อีกกรณีหนึ่งที่ร้อนแรงไม่แพ้กัน ลักขณา ปันวิชัย หรือแขก คำผกา พิธีกรช่องวอยซ์ทีวี และแกนนำกลุ่มแคร์ บรรยายผ่านเฟซบุ๊กหัวข้อ “สลิ่ม IN HER EYES” โดยได้อธิบายให้ฟังถึงที่มาและที่ไปของคำว่า สลิ่ม มีทั้งสลิ่มเฟส1 และสลิ่มเฟส2
คำ ผกา ระบุว่า สลิ่มเฟส2 อันหมายถึงพรรคอนาคตใหม่ ที่เกิดจากกลุ่มคนเสื้อเหลืองที่ตาสว่าง ทำให้กลุ่มผู้สนับสนุน ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ออกมาโจมตีว่าไม่จริง ติ่งแดงติ่งส้มสาดความเห็นใส่กันไม่ยั้งในโซเชียล
กลุ่มแคร์ถือกำเนิดมาจากอดีตรัฐมนตรี พรรคไทยรักไทยที่ต้องการรีแบรนด์ทักษิณ ชินวัตร ในนามโทนี่ วู้ดซั่ม ดังนั้น บทบาทของคำ ผกา จึงแยกไม่ออกจากเพื่อไทย
‘ควันหลงหลักสี่’
ช่วงเลือกตั้งซ่อมหลักสี่ “เพื่อไทย-ก้าวไกล” เป็นคู่แข่งตัดแต้มซึ่งกันและกัน ระหว่าง สุรชาติ เทียนทอง และกรุณพล เทียนสุวรรณ
เพื่อไทยผุดแคมเปญโหวตยุทธศาสตร์ เลือกเพื่อไทย เลือกให้ชนะขาด หมายถึงเลือกเพื่อไทยพรรคเดียว ห้ามไปเลือกพรรคที่อยู่ฝ่ายเดียวกัน ส่วนแคมเปญก้าวไกล เลือกด้วยความหวัง ไม่ใช่ความกลัว
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ปราศรัยว่า “การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องเลือกด้วยความหวัง อย่าเลือกตั้งด้วยความกลัวว่าจะชนะไหม กลัวว่าเลือกพี่แล้วน้องจะแพ้..”
นี่เป็นอาการบาดหมางของ 2 พรรคระหว่างหาเสียง ซึ่งเลือกตั้งจบ แต่ ส.ส.ในสภาฯไม่ยอมจบ ลามไปถึงกองเชียร์
ประเมินจากการเลือกตั้งซ่อม 3 จังหวัด ได้แก่ สงขลา,ชุมพร และ กทม. ชัดเจนว่าพรรคก้าวไกล พ่ายยับในภาคใต้ สำหรับเพื่อไทย ไม่ได้ส่งสนามปักษ์ใต้ แต่เพื่อไทย(ไทยรักไทย,พลังประชาชน) แจ้งเกิดไม่ได้ในภาคใต้ตอนบนมากว่า 20 ปีแล้ว
กรุงเทพฯ จึงเป็นสมรภูมิที่เป็นความหวังของเพื่อไทย-ก้าวไกล โดยเลือกตั้งครั้งใหม่ กรุงเทพฯ มี ส.ส.เพิ่ม 3 คน รวม 33 คน ในสถานการณ์ที่ พปชร.ย่ำแย่ ทั้งเพื่อไทย และก้าวไกล ต่างก็หวังโกยที่นั่ง ส.ส. จึงมีการกระทบกระทั่งกันดังที่เป็นข่าว
‘ไม่แลนด์สไลด์’
มิเพียงแต่ในสนามกรุงเทพฯ “เพื่อไทย-ก้าวไกล” ยังจะต้องไปชิงดำกันที่สนามภาคอีสาน และภาคเหนือ
สำหรับการเลือกตั้งสมัยหน้า มี ส.ส. 400 คน 400 เขต ซึ่งจากการคำนวนของ กกต. ส่งผลให้ภาคอีสาน มี ส.ส.เพิ่มขึ้น 16 คน รวม 132 คน ภาคเหนือเพิ่มขึ้น 8 คน รวม 61 คน
พรรคเพื่อไทย เดินแนวทางพรรคมวลชน ขายแบรนด์ทักษิณ ขายความเชื่อมั่นในฝีมือเศรษฐกิจ และพื้นฐานนักเลือกตั้งเพื่อไทย ก็มาจากการเมืองเก่าผสมใหม่
ส.ส.เพื่อไทยในปัจจุบัน กว่าร้อยละ 70 มาจากระบอบท้องถิ่นอุปถัมภ์หรือบ้านใหญ่ จึงมีความได้เปรียบเหนือพรรคก้าวไกล
ขณะที่พรรคก้าวไกล(พรรคอนาคตใหม่) เติบโตจากความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของกระแสโลก คนรุ่นใหม่ต้องการถอดรื้อครั้งใหญ่ทุกด้าน ทั้งโครงสร้างอำนาจปรสิต ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ และความคิดวัฒนธรรม
แม้ก้าวไกลจะอ่อนประสบการณ์ในการเลือกตั้ง ส.ส.400 เขต แต่สนามกรุงเทพฯ ,อีสาน และเหนือ ก้าวไกลจะตัดแต้มเพื่อไทย ทำให้ความหวังของทักษิณที่ฝันเห็นเพื่อไทยแลนด์สไลด์ ไม่เป็นจริง