คอลัมนิสต์

สงสัย "กรรมการมหาเถรสมาคม" แก้ปัญหา "อวดอุตริมนุสธรรม" ในกลุ่มพระสงฆ์แบบ?

สงสัย "กรรมการมหาเถรสมาคม" แก้ปัญหา "อวดอุตริมนุสธรรม" ในกลุ่มพระสงฆ์แบบ?

27 ก.พ. 2565

ฝ่ายปกครองระดับสูงของคณะสงฆ์ "กรรมการมหาเถรสมาคม" จะมีวิธีการแก้ไขปัญหาในกลุ่มสงฆ์อย่างไร หรือจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์"

เรื่องอื้อฉาวในวงการพระสงฆ์ เกิดขึ้นถี่มาก จนชาวพุทธมึนว่าเกิดอะไรขึ้นกับคณะสงฆ์ แม้ว่าผู้ทำผิดจะเป็นส่วนน้อย เทียบกับจำนวนมากที่ยังรักษา ธรรม วินัยไว้ได้ แต่ส่วนน้อยนั้นทำให้ส่วนรวมแปดเปื้อนไปด้วย ดังที่กล่าวกันว่า "ปลาเน่าตัวเดียว แต่เหม็นทั้งฆ้อง"
ที่เป็นเช่นนี้เพราะผู้เข้ามาบวชละเลยการศึกษาเพื่อเข้าถึงสาระแห่งพุทธศาสนา ทำให้เห็นกิ่งและใบไม้คิดว่าเป็นแก่น
ผมไม่ทราบว่าฝ่ายปกครองระดับสูงของคณะสงฆ์หยิบยกเรื่องอื้อฉาวต่างๆ นั้นมาวิเคราะห์  หามูลเหตุกันบ้างหรือไม่
การปกครองสงฆ์ในปัจจุบัน จัดลำดับจากบนลงมาล่าง คือ "กรรมการมหาเถรสมาคม" หรือ มส ที่มีพระเถระ ทั้งมหานิกาย และ ธรรมยุตเป็นฝ่ายละ 10 รูป ทำหน้าที่กรรมการ โดยมี "สมเด็จพระสังฆราช" เป็นประธาน ทำหน้าที่ปกครองสูงสุด

 

 

ตามด้วยเจ้าคณะหน 4 ตำแหน่ง บวกเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต 1ตำแหน่ง ตามด้วยเจ้าคณะภาค เจ้าคณะ จังหวัด เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล และเจ้าอาวาส ล้วนแต่เป็น "พระสังฆาธิการ" เป็นผู้ปกครองระดับล่าง

ส่วน มส ทำหน้าที่บริหาร ผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ  โดยตรากฎมหาเถรสมาคม เพื่อห้ามภิกษุสามเณร ทำโน่นทำนี่ บางเรื่องก็ทำตามกระแสสังคมเช่นคนบ่นเรืองพระขับรถ  ก็ตรากฎออกมาห้ามปรามเป็นต้น
"ผมไม่เคยได้ยินหรือเห็นว่าท่านหยิบยกเรื่องความประพฤติมิชอบของภิกษุสงฆ์มาวิเคราะห์ว่าเกิดจากอะไร แล้วหาทางแก้ไขต่อไปแบบไหนบ้าง" หรือถือว่า "ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์"
สำหรับผม คิดว่าพระสงฆ์ที่ละเมิดศีล และธรรมอันดีงาม ยังเข้าไม่ถึงแก่นสารในพระพุทธศาสนา ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสแก่พราหมณ์ ปิงคละโกจฉะ ที่ถามเรื่องเจ้าลัทธิในขณะนั้นว่ารู้จริงตามปฏิญญาของตน หรือ ไม่รู้อะไรเลย
พระพุทธเจ้าปฏิเสธที่จะตอบ (ไม่พูดถึงบุคคลที่ 3) แต่ทรงแสดงธรรมให้ฟัง "เรื่องกิ่งไม้ ใบไม้ สะเก็ดไม้ เปลือก กระพี้ และแก่นไม้ ว่า บุรุษต้องการแก่นไม้ เห็นต้นไม้ใหญ่ ก็ตัดเอากิ่งและใบไม้ไป ด้วยสำคัญผิดคิดว่าเป็นแก่น"

 

 

อีกอุปมาหนึ่ง ถากเอาสะเก็ดไม้ไปเพราะสำคัญผิดคิดว่าเป็นแก่น
เช่นเดียวกันไปถากเปลือกและกะพี้ เพราะคิดว่าเป็นแก่น
ส่วนผู้ที่รู้จริงว่าอะไรคือแก่นก็ตัดเอาแก่นนั้น การกระทำนี้ได้รับการสรรเสริญว่ารู้จริง

 อาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ สรุปในพระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชนว่า
 "ลาภสักการะและชื่อเสียง เปรียบเสมือนกิ่งและใบไม้
 ความสมบูรณ์ด้วยศีล เปรียบเหมือนสะเก็ดไม้
ความสมบูรณ์ด้วยสมาธิเปรียบเหมือนเปลือกไม้
 ญาณทัศนะ หรือปัญญาเปรียบเหมือนกระพี้ไม้
ความหลุดพ้นแห่งใจอันไม่กลับมากำเริบ ใช้ภาษาบาลีว่า "อกุปฺปา เจโตวิมุตฺติ" เปรียบเหมือนแก่นไม้"

ที่นำเรื่องในพระไตรปิฎกมาเล่า เพื่อจะเปรียบเทียบกับภิกษุ บางรูป ไม่ได้เข้าถึงสาระ หรือแก่น(พุทธศาสนา) ตัดเอากิ่งและใบไป เข้าใจว่าเป็นแก่น จึงไม่อายเมื่อทำผิด หรือล่วงละเมิดศีล 

 

 

จึงอยากเห็น "มหาเถรสมาคม" ก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆ แล้วตั้งคณะกรรมการ ขึ้นมาเพื่อวิเคราะห์ สังเคราะห์ ปัญหาและโทษานุโทษ ที่พระภิกษุสงฆ์ สามเณรได้ก่อให้เกิดในปัจจุบัน ทราบแล้วหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดพร่ำเพรื่อ ทั้งนี้เพื่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนา ครับ
เรื่อง : เปรียญ 12