ขั้ว "พลังประชารัฐ" รอฟังคำตอบจากพลเอก "ประยุทธ์"
ปรากฏการณ์ทางการเมืองในเวลานี้เป็นอาการอิหลักอิเหลื่อของขั้ว "พลังประชารัฐ" คำตอบอยู่ที่ "ประยุทธ์" คนเดียว
มองเส้นทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เล็งวิถีแห่ง ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ วันนี้ฉายภาพ 2 ภาพทางการเมืองที่ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด ภาพ 1 เป็นภาพการประชุมใหญ่พรรครวมไทยสร้างชาติภาพที่ 2 เป็นภาพการประชุมใหญ่พรรคพลังประชารัฐ
ภาพแรกปรากฏเงาร่าง ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ ภาพหลังปรากฏเงาร่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณบนเวทีปราศรัยของพล.อ.ประวิตร มั่นใจว่าพรรคมีความแข็งแกร่ง ไม่ต้องเสริมอะไรอีก จะสามารถกวาด ส.ส.เข้ามาได้ไม่ต่ำกว่า 150 พรรค โดยไม่มีตรรกะอะไรมารองรับความมั่นใจ ท่ามกลางการประกาศแลนด์สไลท์ของพรรคเพื่อไทย หวังกวาด 300 ที่นั่ง แค่สองพรรคนี้ก็กินเข้าไป 450 ที่นั่งแล้ว
ส่วนที่ประชุมพรรครวมไทยสร้างชาติ ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ ออกมากล่าวคำขอโทษต่อสังคมที่ไม่สามารถสร้าง ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “บิ๊กเซอร์ไพรส์” ตามที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้าได้ โดยขอเวลาแต่งตัวให้พรรคดูหล่อขึ้นมากกว่านี้ การประชุมใหญ่จะมีขึ้นอีกครั้งไม่มิถุนายน ก็กรกฎาคม
คำว่า ”บิ๊กเซอร์ไพรส์” สังคมเข้าใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะไปปรากฏตัวพร้อมบิ๊กเนม อีกหลายคน แต่ปรากฏการณ์นี้ไม่เกิดขึ้น การปรับเปลี่ยนเชิงโครงสร้างพรรคก็ไม่มี เห็นเพียง พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค ลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ลาออกจากที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี แต่ไม่ได้ไปปรากฏตัวในเวทีประชุมของพรรครวมไทยสร้างชาติ
มองผ่านสถานการณ์นี้ เห็นว่า อนาคตของพรรครวมไทยสร้างชาติไทย ไม่แตกต่างจากพรรคเศรษฐกิจไทยเมื่อครั้งเก่าก่อน ที่ถูกปั้นแต่งขึ้นมาหลังให้ “บิ๊กฉิ่ง” ใช้ฐานของนักปกครอง มาเป็นฐานทางการเมือง แต่เมื่ออะไรๆก็ไม่ชัด ท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ก็คลุมเครือ พรรคบิ๊กฉิ่งก็ค่อยๆฝ่อไปตามกาลเวลา และถูกเจ้าของพรรคตัวจริงยกให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไปเสกสรรปั่นแต่งใหม่
เมื่อท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ชัดเจนว่าจะยึดหัวหาดพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นฐานด้วยความไม่มั่นใจต่อ พล.อ.ประวิตร ไม่มั่นใจต่อพรรคพลังประชารัฐชื่อพรรคไทยสร้างสรรค์ พรรคไทยชนะ จึงเริ่มปรากฏขึ้นมาแบบบางๆ มีแต่ชื่อหัวพรรค แต่ไม่ปรากฏตัวของแกนนำ ผู้ริเริ่มก่อตั้ง ทิศทาง แนวทางของพรรค รู้แต่ว่า เป็นพรรคสำรอง สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนทำงานในระดับพื้นที่ก็ตัดสินใจยาก ทำงานลำบากจะบอกว่าอยู่พรรคนั้น พรรคนี้ก็ลิ้นจุกปาก จะเดินหน้าหรือถอยก็ให้คำตอบอะไรไม่ได้
มันกึ๊กๆ กั๊กๆแบบว่า “จั๊งซี้มันต้องถอน” พล.อ.ประยุทธ์ จะทิ้งพี่ พล.อ.ประวิตรก็ไม่ได้ ตัวเองก็ขาลอย สส.ในมือก็ไม่มีจึงจำต้องเดินตามเส้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขีดไว้
ไม่ว่าจะเป็นการขับเคลื่อนผ่าน ดร.เสกสกล หรือการปรากฏตัวของไทยสร้างสรรค์ ไทยชนะ เป็นอาการอันสะท้อนเป็นรูปธรรมของความอิหลักอิเหลื่อในทางการเมือง มองไปทางพลังประชารัฐ 150 ที่นั่งจะเอามาจากไหน ตรงไหนจะชนะเพิ่ม เหนือ-อีสาน เพื่อไทยก็ตีตราจอง กรุงเทพก็ไม่ง่าย รักษาของเดิมไว้ได้หรือเปล่า ภาคใต้ 14 คน ก็ไม่รู้ว่าจะถูกตีคืนจากประชาธิปัตย์หรือไม่ หรือพรรคภูมิใจไทย จะตีรุกคืบมาเพิ่ม
นี่คือเนื้อในที่ พล.อ.ประยุทธ์ลังเลใจว่าจะวางตำแหน่งตนเองไว้ตรงไหน คำตอบของคำถามอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพียงคนเดียว