ปั้นแบรนด์ "สมคิด" ยุทธการดับฝันโทนี่
พรรคสร้างอนาคตไทยปักหมุดชื่อ "สมคิด" แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เน้นเศรษฐกิจเพียวๆ ไม่มีสีไม่มีขั้ว เหมือนโทนี่ปั้นอุ๊งอิ๊งนำเศรษฐกิจดิจิตอลมาฟื้นฟูประเทศ คอลัมน์...ท่องยุทธภพ โดย... ขุนน้ำหมึก
ปักหมุดสร้างอนาคตไทย "สมคิด" ชื่อนี้เปรียบสินค้าขึ้นห้าง แบรนด์อินเตอร์ขายได้ในตลาดบน ผ่านประสบการณ์การเมืองสองยุค ทั้งรัฐบาลทักษิณ และรัฐบาลประยุทธ์
ตอบโจทย์คนเบื่อขัดแย้ง ยี่ห้อ "สมคิด" เน้นเศรษฐกิจเพียว ๆ เจาะตลาดคนชั้นกลางในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ แต่ไม่ทิ้งรากหญ้า
วันที่ 20 เม.ย.2565 พรรคสร้างอนาคตไทย จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ที่ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค ประกาศบนเวทีว่า "เราจะเชิญนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคสร้างอนาคตไทย.."
วิเชียร ชวลิต กรรมการบริหารพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวย้ำว่า "เราจะเสนอนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ อันดับหนึ่ง และนายอุตตม สาวนายน เป็นอันดับสอง ส่วนอันดับสาม จะประเมินสถานการณ์ในตอนนั้นอีกครั้ง" และการเปิดตัว "สมคิด" พรรคจะรอจังหวะเวลาที่พร้อมกว่านี้ มีทีมแข็งแกร่ง มีฐานมวลชน
แกนนำพรรคสร้างอนาคตไทย วางโพสิชั่นนิ่งไว้เป็นพรรคทางเลือก พรรคแห่งความหวังในการฟื้นฟูประเทศจากมหาวิกฤติโควิด ตอบโจทย์คนที่เบื่อความขัดแย้ง และเน้นเศรษฐกิจเพียว ๆ
พรรคสร้างอนาคตไทย จะเป็นศูนย์รวมมือบริหารอาชีพ ผสมผสานเทคโนแครต ชูจุดขายกู้วิกฤติปากท้อง และฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤติโควิด โดยมีจอมยุทธ์กวง-สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นผู้นำทัพ
การเปิดตัวของพรรคสร้างอนาคตไทย อาจแตกต่างจากหลายพรรค ที่ขายภาพทีมนักบริหารอาชีพ ไม่ชูจำนวนนักเลือกตั้ง อดีต ส.ส.มีใครบ้าง หรือนักการเมืองท้องถิ่นกี่คน
'แสงสว่างแห่งยุคสมัย'
"สมคิด" เป็นลูกคนไทยเชื้อสายจีน มีชื่อในวัยเยาว์ว่า หั่งกวง แซ่จัง จึงถูกเลี้ยงมาแบบจีนอย่างเข้มข้น บรรพบุรุษของเขาเป็นพ่อค้าธรรมดา ที่ไม่ประสบความสำเร็จในการสร้างตัวในยุคหลังสงครามโลกเหมือนคนอื่น ๆ
เหตุที่พ่อตั้งชื่อว่า หั่งกวง เพราะช่วงที่สมคิดลืมตาดูโลก กิจการของพ่อเขาใกล้จะเจ๊งเต็มที พ่อจึงตั้งชื่อว่าหั่งกวง ซึ่งหมายถึงแสงสว่าง พ่อคงหวังจะให้มีแสงสว่างนำทางครอบครัวในยามยากลำบาก
แล้ววันหนึ่ง เฮียกวง-สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้มาร่วมงานกับทักษิณ ชินวัตร เป็น 1 ใน 23 ผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย เมื่อปี 2541 อาศัยความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์และการจัดการด้านการตลาด ร่วมปลุกปั้นนโยบายประชานิยม ซึ่งเป็นเรื่องแปลกใหม่จับต้องได้ ทำให้พรรคการเมืองน้องใหม่ชนะการเลือกตั้งปี 2544 กวาด ส.ส. เข้าสภาได้ 248 คน
สมคิดกลายเป็นขุนพลเศรษฐกิจคนสำคัญของรัฐบาลทักษิณ แม้มีการปรับ ครม.นับสิบครั้ง แต่เฮียกวงยังมั่นคงบนเก้าอี้ รมว.คลัง สลับกับรองนายกรัฐมนตรี ต่อเนื่องไปจนถึงรัฐบาลทักษิณหลังเลือกตั้งปี 2548 ที่พ่วงเก้าอี้ รมว.พาณิชย์ เป็นบางช่วง
ชื่อเสียงของทักษิณโดดเด่นเป็นขวัญใจคนรากหญ้า ขุนพลเศรษฐกิจอย่างเฮียกวง ก็พลอยมีชื่อชั้นในเวทีไทยและเวทีโลก จนเกิดภาพทับซ้อนกันระหว่างนายห้างใหญ่กับเฮียกวง มีเรื่องเล่าจากแกนนำไทยรักไทยว่า ครั้งหนึ่งทักษิณเคยออกปากถามสมคิดว่า "วัดรอยเท้าผมหรือ"
เกจิการเมืองมองว่า การที่โทนี่หรือทักษิณส่งลูกสาวลุยสมรภูมิเลือกตั้ง ชูธงเรื่องกอบกู้เศรษฐกิจไทย ก็ต้องเจอเฮียกวง ยอดฝีมือที่รู้ตื้นลึกหนาบางค่ายชินวัตรเป็นอย่างดี
'ขอยืนแถวหน้า'
ทั้งยุครัฐบาลทักษิณ และยุครัฐบาลประยุทธ์ "สมคิด" ก็รับบทเบอร์รอง แต่นับจากวันนี้ไป เฮียกวงกับพรรคสร้างอนาคตไทย ก็จะต้องผลิตนโยบายใหม่ ๆ ให้โดนใจชาวบ้าน และนำไปสู่ชัยชนะในสนามเลือกตั้ง
สำหรับคณะกรรมการบริหารพรรคสร้างอนาคตไทยชุดแรก แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ปีกคนใกล้ชิดอย่างอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค ,สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค, รักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ กรรมการบริหาร, สันติ กีระนันท์ เหรัญญิกพรรคพรรค และวิเชียร ชวลิต กรรมการบริหารพรรค
ปีกนักเลือกตั้งที่ยังมีจำนวนไม่มากนัก นำโดยสุพล ฟองงาม อดีต ส.ส.อุบลราชธานี และนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง
เบื้องแรก สนธิรัตน์ได้เดินสายไปพบปะอดีต ส.ส. และอดีตผู้สมัคร ส.ส.มาแล้ว ทั้งในภาคอีสาน และภาคใต้ คาดว่าหลังจากนี้ คงมีการคัดสรรตัวผู้สมัคร ส.ส.ในขอบเขตทั่วประเทศ
นัยว่า สองกุมาร-อุตตมและสนธิรัตน์ คงจะปั้นแบรนด์สร้างอนาคตไทยให้เป็นศูนย์รวมเทคโนแครต วัดใจตลาดการเมืองแบบไทย ๆ เพราะประเมินว่า คนรุ่นใหม่เบื่อการเมืองเน่า และการแบ่งขั้วขัดแย้งไม่เลิกรา ดังนั้น พรรคสร้างอนาคตไทยตอบโจทย์ตรงนี้ได้