คอลัมนิสต์

รบไปคุยไป ‘ภูมิธรรม’ สอนน้อง ‘ก้าวไกล’ ศึกนี้ใหญ่หลวง

รบไปคุยไป ‘ภูมิธรรม’ สอนน้อง ‘ก้าวไกล’ ศึกนี้ใหญ่หลวง

29 พ.ค. 2566

อดีตซ้ายรุ่นพี่ อ้วน 'ภูมิธรรม' ส่งสัญญาณเจรจาใหม่ 'ก้าวไกล' เดินหน้าแบ่งเก้าอี้รัฐมนตรี ต่อรองประธานสภาฯ เกมจัดตั้งรัฐบาลดูจะราบรื่น แต่ระวังคลื่นใต้น้ำ

เตือนน้องส้ม อ้วน ภูมิธรรม ส่งสัญญาณเจรจาใหม่ ก้าวไกลเดินหน้าแบ่งเก้าอี้รัฐมนตรี ต่อรองประธานสภาผู้แทนฯ เหมือนจะราบรื่นแต่ระวังคลื่นใต้น้ำ

 

คนแดนไกลทวีตข้อความปฏิเสธดีลลับ ยืนยัน อุ๊งอิ๊ง หนุนพิธาเป็นนายกฯ ศึกชิงเก้าอี้ประมุขสภาล่าง คงลดดีกรีความร้อนแรงลงชั่วคราว

ความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลผสม 8 พรรค จะมีการพูดคุยกันอีกครั้งในวันที่ 30 พ.ค.2566 ที่พรรคประชาชาติ นัยว่า คงจะมีการเจรจาเรื่องโควตาเก้าอี้รัฐมนตรี แต่เก้าอี้ประธานสภาผู้แทนฯ จะเป็นการพูดคุยกันเองของเพื่อไทย และก้าวไกล

 

ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย บอกว่า ยังไม่มีการแบ่งเก้าอี้รัฐมนตรี ตอน นี้มีแต่ข่าวที่ปรากฏผ่านสื่อ แต่พรรคแกนนำยังไม่ได้พูดอย่างเป็นทางการ 

 

“ให้ทุกอย่างคุยกันภายในห้อง ทั้งตำแหน่งประธานสภา และตำแหน่งรัฐมนตรี เพื่อจะได้เห็นภาพชัด..ทางที่ดีจึงต้องอยู่ในห้องเจรจา ไม่ใช่ให้ใครไปพูดข้างนอก” เสี่ยอ้วน กล่าว

 

แม้แกนนำเพื่อไทยอย่างภูมิธรรม จะย้ำว่าให้ทุกอย่างอยู่ในห้องเจรจา แต่ก็มีรายงานข่าวเรื่องการจัดสรรโควต้ารัฐมนตรีและกระทรวงต่างๆ โดยพรรคก้าวไกล จะขอรับผิดชอบด้านความมั่นคง อย่างกลาโหม มหาดไทย รวมถึงคลัง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อุตสาห กรรม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

 

พรรคเพื่อไทย จะได้กระทรวงด้านเศรษฐกิจ อาทิพาณิชย์ คมนาคมเกษตรและสหกรณ์ พลังงาน ต่างประเทศ และสาธารณสุข

 

คนปล่อยข่าวยังอ้างถึงสูตร 14+1 คือพรรคก้าวไกลจะได้เก้าอี้รัฐมนตรี 14+1 รวมตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขณะที่พรรคเพื่อไทยจะได้เก้าอี้รัฐมนตรี 14+1 รวมตำแหน่งประธานสภา

 

อย่างไรก็ตาม กลางดึกวันที่ 28 พ.ค.นี้ ทักษิณ ชินวัตร ได้สื่อสารผ่านทวิตเตอร์ว่า “ผมงงมากกับดีลลับที่คุณชูวิทย์พูด ทั้งๆ ที่น้องอิ๊งก็ยืนยันที่สนับสนุนคุณพิธา เป็นนายกฯ และผมเองก็ไม่ได้พบตัวแทนพรรคไหนเลย แม้กระทั่งโทรศัพท์ก็ไม่มี งงจริงๆ ครับ”

 

วิจารณ์สามัคคีวิจารณ์

 

ย้อนไปสมัยเป็นพรรคฝ่ายค้านร่วมกัน อ้วน ภูมิธรรม เป็นคนหนึ่งที่ออกมาเปิดวิวาทะกับแกนนำพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ก็เจอเสี่ยอ้วนสอนมวยมาแล้ว

 

เมื่อเดือน ส.ค.2564 มีกรณีพรรคก้าวไกล โจมตีพรรคเพื่อไทยที่สกัดไม่ให้อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ  ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯสมัยโน้น ภูมิธรรม ต้องโพสต์เฟซบุ๊คชี้แจงว่า

 

“เลขาฯ ก้าวไกลต้องเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ อย่าใช้วิธีเล่าที่คลาด เคลื่อนข้อเท็จจริงฝ่ายเดียว..ไม่งั้นคงทำงานกันยาก”

 

เสี่ยอ้วนรู้สึกว่า เสี่ยต๋อม ชัยธวัช ไม่มีมารยาท “การพูดนอกห้องประชุมถือว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษ..อย่าใช้วิธีนี้กับมิตร”

 

ด้วยมีประสบการณ์ตรงจากสมัยที่เป็นฝ่ายค้านมากับก้าวไกล จึงทำให้แกนนำพรรคเพื่อไทยหลายคน รวมถึงเสี่ยอ้วนมักจะออกมาพูดว่า ไม่ควรนำเรื่องในห้องเจรจามาปล่อยข่าว    

 

บทเรียนของซ้ายเก่า

 

ด้อมส้มจำนวนไม่น้อย มักประเมินคนเดือนตุลา ในพรรค พท.อย่างเสี่ยอ้วน ภูมิธรรมหมอมิ้ง และหมอเลี้ยบ เป็นคนตกยุค ไม่แหลมคม ไม่ก้าวหน้าเท่ากับแกนนำพรรคสีส้ม

 

สำหรับ ภูมิธรรม เวชยชัย อดีตแกนนำพรรคนักศึกษาปีกซ้ายในจุฬา เคยเขียนบทความรำลึกเหตุการณ์ 14 ตุลาว่า “..เรายังคงยืนอยู่ในจุดเดิมที่ยังไม่เห็นสังคมที่เป็นธรรม สังคมที่ยังไม่มีการกระจายโอกาสให้กับทุกคนอย่างทั่วถึง และสังคมที่ยังคงมีความเหลื่อมล้ำที่อาจจะสูงกว่าเดิมด้วยซ้ำ”

 

นักเคลื่อนไหวคนรุ่นใหม่ มักประทับตราคนเพื่อไทยว่า สู้ไปกราบไป ไม่กล้าเปลี่ยน แปลงเหมือนพรรคก้าวไกล แต่เสี่ยอ้วนก็พยายามอธิบายเรื่องการต่อสู้ ที่ต้องคำนึงถึงสภาพความจริงทางสังคม

 

เนื่องจากยุคหนึ่ง คนเดือนตุลาก็ประสบชะตากรรม ถูกปราบปรามและหนีตายไปอยู่ในป่าเขาหลายปี ก่อนจะกลับคืนเมือง มาเริ่มต้นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยตามวิถีรัฐสภา