สงครามมวลชน ‘ปิยบุตร’ สายล่อฟ้า ฝ่ายขวาต้าน ‘พิธา’ คืนชีพ
เกมอำนาจ 'ปิยบุตร' ผู้เชื่อมั่นมวลชนคือวีรชนที่แท้จริง จะอุ้ม 'พิธา' ฝ่าข้ามกำแพงอนุรักษนิยม แต่ระวังสะดุดปมแก้ ม.112 เข้าทางฝ่ายขวาจัด ปลุกต้านว่าที่นายกฯด้อมส้ม
รุกในถอย ปิยบุตร ผู้เชื่อมั่นมวลชนคือวีรชนที่แท้จริง จะอุ้ม พิธา ฝ่าข้ามกำแพงอนุรักษนิยม เข้าสู่ตึกไทยคู่ฟ้า
สายล่อฟ้า ปิยบุตร มุ่งปักธงปฏิรูปสถาบัน แก้ ม.112 จะเข้าทางฝ่ายขวาจัด ปลุกระดมพลังเสื้อเหลืองต้าน พิธา เป็นนายกฯ สัญญาณรบดังขึ้นแล้ว
สุดสัปดาห์นี้ โซเชียลร้อนด้วยคลิปอดีตแกนนำพันธมิตรฯ ปลุกต้านพิธาและพรรคก้าวไกล ใน tiktok ถึงขั้นพร้อมเป็นผู้นำมวลชนลงท้องถนนอีกครั้ง ขณะที่พรรคก้าวไกล ยังมั่นใจในพลังมวลชน 14 ล้านเสียง บวกเพื่อไทยอีก 10 ล้านกว่าเสียง จะเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็ก
3 ปีที่แล้ว ช่วงนั้นเริ่มมีแฟลชม็อบ เมื่อคนรุ่นเจนแซดต้านการยุบพรรคอนาคตใหม่ ปิยบุตร แสงกนกกุล จึงโพสต์เฟซบุ๊คว่าด้วยเรื่องห้วงเวลาปฏิวัติ (Revolutionary Moment)
“การปฏิวัติจะบังเกิดได้ในห้วงเวลาประวัติศาสตร์ที่ประชาชนจำนวนมหาศาลเกิดความรู้สึกนึกคิดร่วมกันในสองมิติ ได้แก่ มิติแห่งความโกรธแค้น และมิติแห่งความหวัง”
ชั่วโมงนี้ คนไทยส่วนใหญ่มีอารมณ์ร่วมกันที่ต้องการจะเห็นรัฐบาลแห่งความความหวัง และอยากให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี
นักวิชาการหลายคนแอบกังวล หากสถานการณ์พลิกผัน พิธาถูกสอย หรือไม่ผ่านด่าน สว. อารมณ์แห่งความหวัง เปลี่ยนเป็นโกรธแค้น อะไรก็เกิดขึ้นได้
ทุกย่างก้าวของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่ว่าจะไปทำกิจกรรมที่ไหน จะมีมวลชนเข้าร่วมมากมาย อย่างเช่นวันที่ 4 มิ.ย.2566 พิธา ร่วมเดินพาเหรดในกิจกรรมบางกอกไพรด์ 2023 ซึ่งมีมวลชนเข้าร่วมนับหมื่นคน
ศาสดากรัมชี
ก่อนจะมีการยุบพรรคอนาคตใหม่ ปิยบุตร แสงกนกกุล ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการสร้างพรรคมวลชน โดยระบุว่า ความคิดของ อันโตนิโอ กรัมชี (Antonio Gramsci) นักลัทธิมาร์กซ ชาวอิตาเลียน คือแรงบันดาลใจในการสร้างพรรคอนาคตใหม่
“ความคิดของกรัมชี่ สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการต่อสู้ทางการเมืองในสังคมไทย โดยเฉพาะช่วงยามหัวต่อหัวเลี้ยวเช่นนี้”
อันโตนีโอ กรัมชี เป็นนักทฤษฎีมาร์กซิสต์บริสุทธิ์ ที่ได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้เผยแพร่ลัทธิมาร์กคนสำคัญในยุคศตวรรษที่ 20
“วิธีคิดของกรัมชีมองว่า การยึดอำนาจรัฐด้วยกำลังทางกายภาพเช่น กำลังทหาร มวลมหาประชาชน หรือที่เรียกว่า สงครามขับเคลื่อนพื้นที่ (War of Movement) แค่นั้นไม่สำเร็จหรอก ถ้าคุณไม่ได้เปลี่ยนความคิดคน ดังนั้น กรัมชีจึงบอกว่าต้องทำงานผ่าน สงครามทางความคิด (War of Position) ด้วย”
จากวันที่มีการยุบพรรคอนาคตใหม่ มาถึงวันที่พรรคก้าวไกล ได้รับชัยชนะ มี สส. 151 เสียง เหนือพรรคเพื่อไทยที่มี 141 เสียง นักคิดปีกซ้ายบางคนถึงกับอุทานว่า นี่คือการยึดอำนาจรัฐ ด้วยบัตรเลือกตั้ง
ระวังสายล่อฟ้า
หากเปรียบเทียบระหว่าง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กับ ปิยบุตร แสงกนุกกุล คงเหมือนนักปฏิรูปกับนักปฏิวัติ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า คนส่วนใหญ่ชื่นชอบพิธา เพราะบุคลิกประนีประนอม ไม่มีท่าทีแข็งกร้าว
ตรงกันข้ามกับ ปิยบุตร ในฐานะเลขาธิการคณะก้าวหน้า ที่มักแสดงท่าทีและจุดยืนทางการเมือง เข้าข่ายล่อแหลม และล่อเป้าฝ่ายตรงข้าม
อย่างเช่น ปิยบุตร ไม่พอใจพิธาและแกนนำพรรคก้าวไกล ทำ MOU กับพรรคร่วมรัฐบาล โดยมีการเพิ่มข้อความที่ว่า “ต้องไม่กระทบกับรูปแบบของรัฐและการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการดำรงอยู่ในสถานะอันเป็นที่สักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ขององค์พระมหากษัตริย์”
ปิยบุตร มองว่า ถ้อยคำข้างต้นอาจเป็นบ่วงรัดคอ ที่ทำให้พรรคก้าวไกล ต้องประสบปัญหาในการเสนอร่างแก้ไข มาตรา 112 เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯในอนาคต
วิธีคิดแบบนี้ของปิยบุตร กลายเป็นสายล่อฟ้า และถูกนำไปขยายผลในกลุ่มอนุรักษนิยม ซึ่งขณะนี้ มีการปลุกระดมปกป้อง ม.112 ผ่านโซเชียลอย่างกว้างขวาง
แอพ tiktok เป็นเครื่องมือยุคโซเชียล ด้อมส้มใช้ในการเลือกตั้งอย่างได้ผล ปีกขวาจัดก็ใช้แอพนี้เหมือนกัน เพื่อปลุกพลังเสื้อเหลืองให้กลับมาอีกครั้ง