ยิ้มซ่อนดาบ ‘ชลน่าน’ โชว์หวาน ‘ภูมิธรรม’ เลี้ยงกระแส รอถึงทางตัน
อ่านพิชัยสงคราม ชลน่าน ประสาน ภูมิธรรม โชว์หวานเลี้ยงกระแส ทิศทางคดีหุ้นไอทีวี จะชี้อนาคตว่าที่นายกฯในฝันด้อมส้ม เพื่อไทยทิ้งก้าวไกลไม่ได้ ก็รอให้ทางตัน
เกมลากยาว ชลน่าน ประสาน ภูมิธรรม โชว์หวานเลี้ยงกระแส ประคองอารมณ์กองเชียร์ เพราะรู้หนทางข้างหน้า พิธา ไม่รอดทิศทางกรณีหุ้นไอทีวีของ พิธา กำลังจะกลายเป็นคดีที่ชี้อนาคตว่าที่นายกฯในฝันของด้อมส้ม
เมื่อเพื่อไทยทิ้งก้าวไกลไม่ได้ กลัวกระแสตีกลับ ก็ต้องนั่งรอส้มหล่น
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค ประสานเสียงหนุนก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาล ไม่มีดีลลับดีลลวง แต่คนจำนวนไม่น้อยก็ยังรู้สึกคลางแคลงใจ
วันที่ 6 มิ.ย.2566 จะมีการประชุมคณะกรรมการประสานงานในช่วงเปลี่ยนผ่าน ว่าด้วยการติดตามการทำงานของคณะกรรมการฯ ว่าแต่ละเรื่องมีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง
วันที่ 7 มิ.ย.2566 มีการประชุมระดับหัวหน้าพรรค 8 พรรค ไม่มีการพูดคุยเรื่องประธานสภาฯ และการจัดสรรตำแหน่งฝ่ายบริหาร ดังนั้น การประชุมร่วมทั้งสองวันดังกล่าว จึงไม่ต่างจากอีเวนท์เลี้ยงกระแสรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตย
ขณะที่ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ จะเดินทางไปยื่นเอกสารเพิ่มเติมของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมจะสอบถาม กกต.ว่า พิธาได้ขายหุ้นออกไปแล้วหรือไม่ หลังมีรายงานว่า พิธา ได้ขายหุ้นไอทีวี จำนวน 42,000 หุ้น ออกไปแล้วเมื่อปลายเดือน พ.ค.2566
อีกด้านหนึ่ง ไอทีวี ที่มีคดีฟ้องกับสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี คดีนั้นไปถึงศาลปกครองสูงสุด และมีแนวโน้มว่า ไอทีวีมีสิทธิ์กลับมาดำเนินกิจการใหม่ในเดือน กค.นี้ หากกลุ่มถือหุ้นใหญ่ไอทีวีชนะคดีนี้ ก็คงส่งผลต่อคดีพิธาถือหุ้นไอทีวี ในระดับสำคัญยิ่ง
ด้วยอนาคตทางการเมืองของพิธา แขวนไว้กับ 2 ด่านคือ ปมหุ้นไอทีวี และด่าน สว. ข่าวเรื่องดีลลับข้ามขั้ว จึงมีคนให้น้ำหนักมากกว่าการจัดฉากแถลงข่าวโชว์หวาน ของก้าวไกลและเพื่อไทย
หวานอมเปรี้ยว
สิ่งที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว และแกนนำพรรคเพื่อไทย ตระหนักรู้ร่วมกันว่า ผลการเลือกตั้ง 14 พ.ค.2566 เป็นมติมหาชนที่ต้องการเห็นการเมืองใหม่ หากเพื่อไทยทำอะไรที่สวนกระแสมหาชน ก็คงหาที่อยู่ที่ยืนยาก ในเส้นทางการเมืองข้างหน้า
ผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เพื่อไทย ได้ สส.เขต ภาคเหนือ 25 คน และ ส.ส.เขต ภาคอีสาน 73 คน รวมแล้วถือว่าเป็นร้อยละ 90 ของ สส.เขต 112 คน
สส.เหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองอาวุโส ที่มีดีเอ็นเอทางการเมืองคนละขั้วกับว่าที่ สส.หน้าใหม่ พรรคก้าวไกล ซึ่งหากได้ร่วมงานกันจริงๆ ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ก็คงกระอักกระอ่วนใจพอสมควร
ว่าที่ สส.เพื่อไทยนั้น เป็นดีเอ็นเอเดียวกับ สส.ภูมิใจไทย และพลังประชารัฐ พูดง่ายๆก็คือ พวกเขายังคุ้นชินกับการเมืองเก่า
แกนนำเพื่อไทย จึงต้องปล่อยให้ก้าวไกลเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลให้สุดทางก่อน หากทำไม่สำเร็จ เพื่อไทยในฐานะพรรคอันดับ 2 ก็มีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาลได้
คนเดือนตุลา
ในสายตาของเอฟซีเพื่อไทย มักจะมองว่า อ้วน-ภูมิธรรม เวชยชัย เป็นเนื้อแท้พรรคสีแดง ต่างจากอ๋อย-จาตุรนต์ ฉายแสง ที่ถูกจัดให้ไปอยู่กับพรรคสีส้ม เนื่องจากเสี่ยอ๋อย มักจะให้สัม ภาษณ์เอาใจด้อมส้มมากกว่าติ่งแดง
กรณีเสี่ยอ้วน ให้สัมภาษณ์นักข่าวช่องไทยพีบีเอส เจอคำถามนำที่ว่า ถ้าถึงทางตันจริงๆ เพื่อไม่ให้เดินไปถึงการมีนายกฯคนนอก หรือรัฐบาลแห่งชาติ การจับขั้วกับพรรครัฐบาลเดิม โดยไม่มีพรรคก้าวไกล ในสมการจะดีกว่าหรือไม่
เสี่ยอ้วนตอบว่า การดำเนินการใดๆ ต้องอาศัยช่องทางตามรัฐธรรมนูญ จะเปลี่ยนผ่านอย่างไร จะสลับขั้วอย่างไร ต้องคิดให้ละเอียด เพราะมีเจตจำนงของประชาชนเป็นที่ตั้ง
จะว่าไปแล้ว เสี่ยอ้วนก็ตอบชัดว่า จะสลับขั้ว หรือทำอะไร ต้องคิดอย่างรอบคอบ เพราะประชาชนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง
ลึกๆแล้ว แกนนำเพื่อไทยบางคน อาจภาวนาให้เจอทางตัน พิธาไปต่อไม่ได้ และก้าวไกลเลือกเองที่จะถอย เพราะพรรคสีส้มยังมีเวลาและรอได้