
สุดทางฝัน ‘พิธา’ ไม่ลดเพดาน ม.112 พิงด้อมส้ม ชนด่าน ‘สว.’ ขวาจัด
เหมือนรู้ชะตากรรม พิธา ฝ่าด่าน สว.ขวาจัด ชักธงต้านแก้ ม.112 ประจันหน้าด้อมส้มที่ไม่เอาการเมืองเก่า จับตาคนแดนไกล รอพลิกเกม เล่นรัฐบาลสูตรใหม่
เปิดหน้าแลกหมัด พิธา พาพลพรรคสีส้มเข้าสภา เผชิญหน้าทัพ สว.สายอนุรักษนิยม ไม่ลดเพดานแก้ ม.112 เป็นไงเป็นกัน เดิมพันอนาคตประเทศไทย
ด่าน สว.ชี้ชะตา พิธา ธงต้านแก้ ม.112 โบกไสวเหนือฝั่งทัพฝ่ายขวา ประจันหน้าด้อมส้มที่ชูธงประชาชน ทลายกำแพงการเมืองเก่า
วันที่ 27 มิ.ย.2566 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถือฤกษ์วันคลอดรัฐธรรม นูญฉบับคณะราษฎร 2475 นำ สส.ชุดใหม่ 149 คน เข้ารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภา
วันดังกล่าว พิธา ได้ชี้แจงเกี่ยวกับการแก้ไข ม.112 และเชื่อว่าประเด็นดังกล่าว จะไม่เป็นเหตุให้เส้นทางการจัดตั้งรัฐบาลสะดุด
“การแก้ไข ไม่ใช่การยกเลิก เท่าที่ได้คุยกับวุฒิสภา ก็ทำให้เขาเข้าใจมากขึ้นว่าการรักษาปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับประเทศไทยที่กำลังเปลี่ยนผ่าน”
หากประเมินจากความเคลื่อนไหวของกลุ่ม สว.สายอนุรักษนิยม ก็พบว่า ประเด็นแก้ไข ม.112 กำลังถูกหยิบยกมาเป็นเหตุผลสำคัญ ในการไม่โหวตเลือกพิธา เป็นนายกฯ
พิธาตอบชัดว่า ถ้า สว.นำเอาเรื่องแก้ไข ม.112 มาเป็นข้ออ้างขวางเส้นทางสู่นายกฯ ก็เท่ากับเป็นการนำเสียงของประชาชน ปะทะกับสถาบันโดยตรง ไม่เหมาะสมและอันตราย
ก่อนหน้านั้น ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ได้ยืนยันว่า จะไม่ลดเพดานการแก้ไข ม.112 และเรื่องนี้สามารถพูดคุย และหาทางออกได้ในสภา
บังเอิญจังหวะนี้ ก็มีคนร้องศาลรัฐธรรมนูญ สั่งพิธา และพรรคก้าวไกล ให้เลิกล้มการแก้ไข ม.112 ด้วยเหตุที่มุ่งหวังประโยชน์ทางการเมือง และเจตนาไม่บริสุทธ์ หวั่นนำไปสู่ประชาธิป ไตยแบบอื่น
ดังนั้น ประเด็นแก้ไข ม.112 จึงเข้ามาแทนที่ปมหุ้นไอทีวี อย่างมีนัยยะสำคัญ เนื่องจาก มี สว.กลุ่มหนึ่ง ได้ออกมาเคลื่อนไหวต้านพิธา และโยงเรื่องแก้ ม.112 อันเป็นเหตุผลสำคัญที่ สว.โหวตหนุนพ่อส้มไม่ได้
ธงนำฝ่ายขวา
แม้ พิธา จะยืนยันว่า มั่นใจในเสียงสนับสนุนจาก สว. และเพียงพอต่อการโหวตรับรองให้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ข้อมูลจาก สว. ก็เหมือนหนังคนละม้วน
จับสัญญาณจาก พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ สมาชิกวุฒิสภา สายตรง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ชัดเจนว่า สว.ส่วนใหญ่ไม่แตกแถว และ สว.สายอนุรักษนิยม มีความกังวล 3 กรณี
1.พรรคก้าวไกล แกนนำจัดตั้งรัฐบาล ยืนกรานจะแก้ไข ม.112 ทั้งที่ สว.ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย และการเขียนในเอ็มโอยู 8 พรรคร่วมรัฐบาล จะไม่มีการแก้ไข ม.112 ก็ไม่มีความหมาย
2.กรณี หยก เยาวชนนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่ง สว.ค่อนข้างเป็นห่วง โดยเฉพาะถ้าพรรคก้าวไกล ได้รับผิดชอบกระทรวงศึกษาธิการ หลังพิธา เป็นนายกฯ
3.การเคลื่อนไหวของนักศึกษากลุ่มหนึ่ง ที่มีแนวคิดทำประชามติแยกปาตานีเป็นเอกราช อันส่งผลสะเทือนทั้ง 3 จังหวัดแดนภาคใต้ ฝ่ายความมั่นคงยอมรับไม่ได้
ที่สำคัญ สว.หลายคนที่แสดงตัวไปก่อนหน้านี้ ประมาณ 16-17 คน ว่าจะโหวตเลือก พิธา เป็นนายกฯ ก็มีอาการลังเล และบางคนก็ถอยกลับมาอยู่กับ สว.ส่วนใหญ่
ป้อม-คนแดนไกล
ฉากทัศน์หลัง พิธา ไม่ผ่านด่าน สว. ก็ต้องมีความวุ่นวายด้านนอกสภา เพราะมีทั้งม็อบด้อมส้ม กับม็อบหนุน สว. เป็นสิ่งที่ฝ่ายความมั่นคงประเมินและเตรียมการดูแลความสงบเรียบร้อย
สำหรับฝ่ายการเมือง พรรคเพื่อไทย จะเดินเกมต่อไปอย่างไร หากพรรคก้าวไกล ยอมถอยมาก้าวหนึ่ง และให้เพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลใหม่
ขณะที่ขั้วรัฐบาลเดิม ก็ยังฝันที่จะให้เกิดรัฐบาลพลิกขั้ว โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ ตามสูตรรัฐบาลก้าวข้ามความขัดแย้ง
นัยว่า ลุงป้อมให้ทีมงานเตรียมการยกร่างพระราชกำหนดเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ ให้สมกับเป็นรัฐบาลก้าวข้ามความขัดแย้ง ฟื้นฟูความสามัคคีภายในชาติ เดินหน้าประเทศไทย
นัยว่า หลังจากมี พ.ร.ก.ความสมานฉันท์ฯ ทักษิณก็จะเดินทางกลับเมืองไทย โดยสวัสดิภาพ นี่เป็นฉากทัศน์ของกลุ่มมันสมอง ของบ้านป่ารอยต่อฯวางเอาไว้
สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนี้ จะเป็นจริงได้ ก็หมายถึงว่า ทั้งลุงป้อมกับคนแดนไกล ได้มีการเจรจากันจนได้ข้อยุติแล้ว แต่ถ้าเจรจากันไม่จบ ก็บอกได้คำเดียวว่า เกมตั้งรัฐบาลไม่ว่าสูตรไหน เกมนี้ยืดเยื้อยาวนานแน่