ระบอบไฮบริด ‘ทักษิณ’ ดีลรักข้ามขั้ว ‘ประวิตร’ พิชิตใจอีลิท | คมชัดลึก

ฉากทัศน์สุดพิสดาร ทักษิณ ลบแผลใจ จับตา ประวิตร-เพื่อไทย หรือจันทร์ส่องหล้า-ป่ารอยต่อสะท้อนการเมืองไฮบริด แก้วิกฤตชนชั้นอีลิท หลังพายุสีส้มถล่ม 

17 ปีที่รอคอย ทักษิณ ขอเป็นพระเอกในดวงใจอีลิท สยบความห้าวของพลพรรคเครื่องจักรสีส้ม แต่เพื่อไทยอาจมีราคาที่ต้องจ่ายสูงมาก

นักข่าวสายความมั่นคงกลุ่มหนึ่ง มักจะพูดถึงฉากทัศน์การเมือง ที่จะประเทศไปสู่ความปรองดองชั่วคราว นั่นคือ ทักษิณ ชินวัตร และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หันมาจับมือกันกอบกู้วิกฤต เมื่อกลุ่มอีลิทถูกท้าทายด้วยแสนยานุภาพกองทัพสีส้ม

การเมืองลูกผสม หรือ Hybrid Politics คือการประนีประนอมอำนาจ ภาคการเมืองที่เป็นรัฐบาลผสมแบบเก่า กับภาคราชการที่ยังอยู่ในโครงสร้างอำนาจเดิม

เหมือนยุคสงครามเย็น ชนชั้นนำหรืออีลิท ต้องพึ่งการเมืองแบบพันทาง หรือ “ระบอบเปรมาธิปไตย” มีความเป็นเผด็จการ ภายใต้ร่มธงระบอบประชาธิปไตย

พรรคก้าวไกล แตกต่างพรรคการเมืองอื่นในปัจจุบัน พรรคนี้มีอุดมการณ์เสรีนิยมก้าวหน้า มีนโยบายทลายทุนผูกขาด ปฏิรูปกองทัพ และแก้ไข ม.112 จึงไม่น่าแปลกที่ สว.ส่วนใหญ่จะดาหน้ากันขวางเส้นทางสู่ทำเนียบฯ ของ พิธา 

ในวันที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องวางมือ กลุ่มชนชั้นนำจะหันไปพึ่งพาใคร หากไม่ใช่พล.อ.ประวิตร และทักษิณ เหมือนที่นักข่าวสายความมั่นคง วิเคราะห์ฉากทัศน์ จันทร์ส่องหล้า-ป่ารอยต่อ คือระบอบไฮบริดยุคใหม่  

 

 

 

 

วันนี้ที่รอคอย
ถ้ายังจำกันได้ วันเกิด ทักษิณ ชินวัตร ปีที่แล้ว ได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอที่มีการสัมภาษณ์ทักษิณ เรื่องเส้นทางชีวิต และครอบครัว ผ่านทางเว็บไซต์ Thaksinofficial 

ทักษิณ เคยเล่าหลายครั้งว่า สาเหตุที่เขาถูกยึดอำนาจ 19 ก.ย. 2549 จนต้องมาใช้ชีวิตอยู่นอกประเทศ 17 ปี เพราะเขาเป็นคนซื่อบื้อ คนโง่ ไม่ได้เข้าไปหากลุ่มอีลิท

ในคลิปวันเกิดปีที่ผ่านมา ทักษิณยังตอกย้ำเรื่องเก่าว่า เป็นคนบ้านนอก ผ่านสังคมกรุงเทพฯ หรือสังคมของอีลิทน้อยไป

“เราจึงไม่อยู่ในสังคมอีลิท แม้ฐานะเราอยู่ในสังคมอีลิท แต่แทนที่จะเข้าไปคบสังคมอีลิท กลับไปเข้าการเมือง ก็เลยกลายเป็นคนซื่อบื้อคนหนึ่ง”

ทักษิณอธิบายว่า ในวันที่ตระกูลชินวัตร เป็นไทคูนสื่อสาร มีดาวเทียม ทีวี และมือถือทักษิณยกระดับเป็นชนชั้นอีลิทได้แล้ว แต่แทนที่จะโลดแล่นในสังคมเงาแสงเพชร เขากลับเลือกเล่นการเมือง จึงตกระกำลำบากไปใช้ชีวิตในต่างแดน

ครั้งหนึ่ง ทักษิณเคยเล่า เรื่องลึกๆ ทั้งก่อนและหลังรัฐประหาร 2549 ตอนหนึ่งพูดว่า “ผมเป็นนักเลงพอ จบเป็นจบ”

การเดินทางกลับไทยในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ทักษิณ อาจจะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติ ธรรม แต่ลึกๆ แล้ว เขาอาจภูมิใจที่ได้กลายเป็นพระเอกขี่ม้าขาว มาช่วยอีลิทสู้กับกองทัพสีส้ม 

 

 

ระบอบไฮบริด
หลังเลือกตั้ง 14 พ.ค. 2566 ทักษิณหรือโทนี่ พูดในรายการแคร์ทอล์คว่าด้วยเรื่องการดิสรัปต์พรรคเพื่อไทย และชมลูกสาวว่า อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร มีน้ำใจนักกีฬามาก สนับสนุนพรรคชนะอันดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาล 

วันที่ 24 พ.ค. 2566 แพทองธาร ชินวัตร กล่าวในงานสัมมนาพรรคเพื่อไทยว่า เราพร้อมที่จะสนับสนุนพรรคที่ชนะอันดับหนึ่งเสมอ เราไม่มีรอหวังส้มหล่น เราจะช่วยให้พรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ

เมื่อการเมืองเดินทางมาทางตัน เพราะ สว.ตั้งกำแพงขวาง และพรรคก้าวไกลไม่ยอมลดเพดานแก้ไข ม.112 ทักษิณ อาจต้องเก็บแผนดิสรัปต์เพื่อไทยไว้ก่อน

เช่นเดียวกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ออกมาโยนหินถามทางเรื่องพรรคเสรีรวมไทย พร้อมจะจับมือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะ พล.อ.ประวิตร ไม่ใช่คนทำรัฐประหาร แค่ถูกเชิญมาร่วมรัฐบาลเฉยๆ

สมมติว่า ฉากทัศน์การเมืองหลังก้าวไกลถอยไปเป็นฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทยจับมือพรรคพลังประชารัฐ จัดตั้งรัฐบาล เหตุผลที่ พล.อ.ต.เสรีพิศุทธ์ หยิบยกขึ้นมาพูดข้างต้นนั้น แกนนำเพื่อไทยอาจจะต้องหยิบยืมมาใช้เช่นกัน