สู้เป็นอยู่เป็น ‘สุทิน’ ทิ้งแดงตาสว่าง สร้าง ‘คลังแสง’ ขวัญใจพลังจารีต
ในวงล้อมขุนศึก สุทิน ปรับตัวได้เร็ว คลังแสง ลูกชาวนา สู้เป็นอยู่เป็น จากก๊วนแดงตาสว่าง กลายเป็นเสนาบดีขวัญใจสายพลังจารีต
ได้คำตอบ สุทิน นั่งกลาโหมเพื่อใคร คลังแสง ลูกชาวนาเปลี่ยน จากขุนพลเสื้อแดง กลายเป็นเสนาบดีขวัญใจสายจารีต
เพื่อไทยยุคปรองดอง สุทิน ปรับตัวได้เร็ว เพราะโตมาจากนักพูด มีลักษณะประนีประนอมสูง แม้จะเคยร่วมก๊วนแดง 3 ส.ตาสว่าง
พิธีกรรายการข่าวทีวีบางช่อง อาจจะรู้สึกผิดหวังในตัว สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีกลาโหม ที่เปลี่ยนจุดยืน และวิธีคิดต่อกองทัพ และความมั่นคง ต่างจากสมัยรับบทดาวสภา ฝ่ายค้าน
อย่างเมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2566 สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีกลาโหม ได้กล่าวในพิธีเปิดการศึกษาหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 66 ด้วยความเป็นนักพูด รัฐมนตรีสุทิน ก็บรรยายเรื่องภัยคุกคามใหม่ ทั้งเรื่องความขัดแย้งของคนในประเทศ ยาเสพติด สิ่งแวด ล้อม และความยากจน
ประหนึ่งว่ารัฐมนตรีสุทิน สวมบทวิทยากร กอ.รมน. และคล้ายจะตอกย้ำว่า รัฐบาลเศรษฐา ไม่มีวันที่จะยุบ กอ.รมน.
แน่นอน สิ่งที่สุทินพูดกับนักศึกษา วปอ.รุ่นที่ 66 ย่อมแตกต่างจากทอล์กโชว์การเมือง-คลังแสงของประชาชน ที่วิทยาลัยแปซิฟิก อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม เมื่อปี 2564
ขวัญใจพลังจารีต
เชื่อว่า คนเสื้อแดงปีกแนวคิด-อุดมการณ์ รวมถึงด้อมส้ม ฟังสุทิน คลังแสง พูดถึงภัยคุกคามใหม่ในส่วนที่ว่าด้วยภัยจากความขัดแย้งทางความคิด ก็คงไม่สบอารมณ์
“มุมมองทางความคิดต่อสถาบันหลักของชาติ รวมถึงความคิดของความเป็น ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งก็เห็นว่ามีความคิดที่ลึกซึ้งไปหลายรูปแบบ และมีการขยายตัวทางแนวความคิดอย่างน่ากลัว เครื่องมือในโลกโซเชียลไปไกลมาก และไปเร็วมาก”
รัฐมนตรีสุทินชี้ว่า ภัยที่เผยแพร่ทางความคิด ปรากฏชัดในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา นั่นเป็นภัยคุกคามทางการเมือง
ด้วยสปีชที่ว่าด้วยภัยคุกคามใหม่ ทำให้คอลัมนิสต์อาวุโสท่านหนึ่งถึงกับเขียนชมสมุหกลาโหมคลังแสงว่า “..พูดกันตรงๆ ในพรรคเพื่อไทย รัฐมนตรีที่ส่อแววมีผลงานเป็นสาระเพื่อชาติบ้านเมืองต่อไปในอนาคตมากที่สุด ผมยกให้ นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีกลาโหม”
ส่องไปในโซเชียล ปรากฏว่า มวลชนส่วนหนึ่งในฝ่ายอนุรักษนิยม ต่างชื่นชมรัฐมนตรีสุทิน และไม่ระแวงแคลงใจเรื่องในอดีต
อดีตก็คืออดีต
ยุคสมัยแดงทั้งแผ่นดิน สุทิน คลังแสง ก็ไม่ต่างนักการเมืองสังกัดค่ายเพื่อไทย ที่ให้การสนับสนุนการรวมกลุ่มของคนเสื้อแดงในหมู่บ้านต่างๆ
ช่วงปี 2555-2556 สุทิน และสุนัย จุลพงศธร จัดรายการทอล์กการเมือง “เจาะสภา” ทางช่องเอเชียอัพเดท สถานีโทรทัศน์เพื่อคนเสื้อแดง
นอกจากนี้ สุทิน คลังแสง ยังออกเดินสายร่วมเวทีเสวนากับ 3 ส.ตาสว่าง คือ สมยศ พฤกษาเกษมสุข, สุรชัย แซ่ด่าน และ สุนัย จุลพงศธร ในนามแดงอิสระ
อย่างไรก็ตาม สุทินก็คือนักเลือกตั้ง ไม่ได้เป็นนักกิจกรรมทางเมืองเชิงอุดมการณ์ เหมือนสุรชัย แซ่ด่าน หรือสมยศ พฤกษาเกษมสุข
หลังรัฐประหาร 2557 สุทินจึงไปหันตั้งคณะรำวงย้อนยุคสวรรค์บ้านนา รอเวลาเลือกตั้งใหม่ ส่วน สุรชัย แซ่ด่าน และสุนัย จุลพงศธร ก็เดินทางไปใช้ชีวิตในต่างแดน
การแยกทางกันเดินของมิตรสหายแดงตาสว่าง สะท้อนความแตกต่างระหว่างแดงนักเลือกตั้ง กับแดงปีกซ้าย
ไม่แปลกเลยที่ สุทิน คลังแสง จะลุกขึ้นมาตอบโต้คนของพรรคก้าวไกล ในเวทีหาเสียงเลือกตั้งซ่อม สส.กทม.เขต 9 เมื่อปี 2565 กรณีที่มีการกล่าวหาว่า เพื่อไทยสู้ไป กราบไป
“บางคนกล่าวหาสู้ไปกราบไป คุณไม่รู้จริง นี่คือสู้เป็น ถ้าสู้ไม่เป็น คือวิ่งไปให้เขาฆ่าตาย ก็เราถูกฆ่าตายไม่รู้กี่รอบ เราปรับตัวมา ไม่รู้กี่รอบ เราสู้เป็น เราเลยไม่ตายวันนี้..”
สุทิน คลังแสง และพลพรรคเพื่อไทย กำลังจะบอกกับกองเชียร์เสื้อแดงว่า การเกิดขึ้นของรัฐบาลดีลข้ามขั้ว และปรากฏการณ์ 22 สิงหา ก็คือพวกเขาสู้เป็น และอยู่เป็น