คอลัมนิสต์

หน้ามืด ‘มินอ่องหล่าย’ สั่งบินถล่ม ‘เมียวดี’ ทิ้งระเบิดวันเดียว 250 ลูก

หน้ามืด ‘มินอ่องหล่าย’ สั่งบินถล่ม ‘เมียวดี’ ทิ้งระเบิดวันเดียว 250 ลูก

21 เม.ย. 2567

สงครามยกสุดท้าย มินอ่องหล่าย งัดกลยุทธ์บินถล่มเมืองเมียวดี วันเดียวทิ้งระเบิด 250 ลูก บีบหม่องชิดตู่ เลือกข้าง SAC อุ้มทุนจีนสีเทา

เลือดเข้าตา มินอ่องหล่าย งัดกลยุทธ์บินถล่มเมืองเมียวดี วันเดียวทิ้งระเบิด 250 ลูก บีบหม่องชิดตู่ จะเลือกข้างไหน SAC หรือ KNU


ทอ.เมียนมาทิ้งระเบิดไม่เลือกเป้าหมาย ทหารกะเหรี่ยง KNLA ร่นถอยจากทางหลวงสายเอเชีย 1 เปิดทางทัพใหญ่บุกทวงคืนเมียวดี


สถานการณ์ชายแดนแม่สอดยังวิกฤต เมื่อมีข่าวทหารเมียนมา 3 กองพลเคลื่อนทัพใกลถึงเมืองเมียวดี หลังทหารกะเหรี่ยง KNLA ต้องล่าถอยจากแนวต้านที่เมืองกอกะเร็ก
 

พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ประธานสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) ไม่ยอมเสียเมืองเมียวดีให้ฝ่ายต่อต้าน จึงสั่งการให้กองทัพอากาศเมียนมา ส่งเครื่องบินรบเปิดปฏิบัติการ ‘ระเบิดถล่มเมือง’ วันเดียวทิ้งระเบิด 250 ลูก 


กัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม แสดงความกังวลกลัวว่า การทิ้งระเบิดแบบห่าฝนจะทำให้เกิดทฤษฎี ‘เมียวดีโดมิโน’ เกิดขึ้นตลอดแนวชายแดนไทย-เมียนมา 


เนื่องจากเมืองเมียวดี เป็นพื้นที่เดียวที่ยังเป็นการก้ำกึ่งที่มีการควบคุมระหว่างฝ่ายต่อต้านหรือรัฐบาลเมียนมา (SAC) ทำให้รัฐบาลเมียนมาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เมียวดีคืน 


หากยุทธการระเบิดถล่มเมืองประสบชัยชนะ สส.กัณวีร์ เกรงว่าจะลุกลามไปทุกเมืองบริเวณชายแดนที่อยู่ติดกับไทย ที่ถูกฝ่ายต่อต้านยึดไปแล้ว 
 

ยุทธการระเบิดเมือง
หลังรอเวลามา 10 วัน ทหารเมียนมาไม่ยอมธงขาว ฝ่ายสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง(KNU) จึงรุกครั้งสุดท้าย เพื่อสถาปนาเมืองเมียวดีเป็นอิสระจากการปกครองของสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) 


เช้าตรู่วันที่ 20 เม.ย. 2567 กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) องค์กรป้องกันแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNDO) และกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF) เปิดฉากบุกโจมตี พัน.ร.275 สังกัด พล.ร.เบา 44 ซึ่งกระจายกำลังอยู่บริเวณด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 (ฝั่งเมียวดี) บ้านเหย่ปู่ เมืองเมียวดี จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ตรงข้ามบ้านวังตะเคียนใต้ ม.7 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 1.5 กม.


การสู้รบดำเนินไปอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน(20 เม.ย.67) แต่ทหาร KNLA,KNDO และ PDF ยังเผด็จศึกไม่ได้ เพราะทหารเมียนมา ขอการสนับสนุนจากเครื่องบินทิ้งระเบิด และ ฮ.ติดอาวุธ 


ผู้สื่อข่าวชาวเมียนมาอ้างสถิติที่รวบรวมได้จากชาวบ้านในพื้นที่ว่า ช่วงการสู้รบ 12 ชั่วโมง กองทัพเมียนมาได้ปฏิบัติการทางการอากาศด้วยเครื่องบินรบ MiC29 และ  Harbin Y-12 ทิ้งระเบิดเกือบ 250 ลูก รอบสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 2 ฝั่งเมืองเมียวดี


สมทบด้วยเฮลิคอปเตอร์ MI-35 ที่บินมายิงจรวดจากอากาศสู่พื้น สลับกับการทิ้งระเบิด ทั้งวันทั้งคืน


มีข้อน่าสังเกตว่า ทหารเมียนมาเกือบ 200 นาย กองพัน 275 ที่ถอนตัวออกจากค่ายผาซอง มาปักหลักอยู่บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ตอนแรกดูเหมือนว่า จะยอมจำนน และขอข้ามเข้ามาลี้ภัยในฝั่งไทย


ในที่สุด ทหารเมียนมากลุ่มนี้กลับปักหลักสร้างบังเกอร์คล้ายสร้างป้อมค่ายใหม่ ใช้เวลาอยู่ในจุดดังกล่าวมากกว่า 10 วัน 


สาเหตุที่ทหารเมียนมา ไม่ยอมแพ้ เพราะรู้ว่า กองทัพเมียนมาได้เปิดยุทธการ ‘อ่องเซยะ’ โดยเคลื่อนกำลังทหาร 3 กองพล มาตามทางหลวงเอเชียหมายเลข 1 (AH1) มุ่งหน้าสู่เมืองเมียวดี

 

หมองชิดตู่ ตัวแปรสงครามเมียวดี ถูกเมียนมา ขู่ถล่มเมืองใหม่ชเวโก๊กโก่

บีบหม่องชิดตู่
ดังที่ทราบกัน เมืองเมียวดี ประตูการค้าชายแดนที่ใหญ่ที่สุดของไทย-เมียนมา และเป็นที่ตั้งของธุรกิจสีเทา โดยเฉพาะอาชญากรรมไซเบอร์ของกลุ่มคนจีนหรือทุนจีนสีเทา 


พ.อ.ซอชิดตู่ หรือหม่องชิดตู่ เป็นผู้ควบคุมเมืองเมียวดี รวมถึงเมืองใหม่ชเวโก๊กโก่ และเมืองใหม่เคเคพาร์ค จึงตกเป็นเป้าหมายของทางการจีนในการกดดันให้กะเหรี่ยง KNA ปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ และกลุ่มทุนจีนสีเทา


พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย จึงใช้ความพยายามดึงจีนเข้ามาเกี่ยวข้องกับสงครามในเมียวดี เหมือนครั้งที่จีนหนุน 3 กองทัพชาติพันธุ์ ‘โกก้าง-ตะอาง-อาระกัน’ ในรัฐฉานเหนือ ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์


เลาก์ก่ายโมเดล อาจเป็นต้นแบบ ‘เมียวดีโมเดล’ เพื่อจัดการทุนจีนสีเทา  ฉะนั้น สงครามชิงเมียวดี ส่อเค้าจะกลายเป็นศึกยืดเยื้อ และมีแนวโน้มมหาอำนาจจะเข้ามามีเอี่ยวในศึกชิงขุมทรัพย์เมียวดี