ส่องเส้นทาง ‘ทูตปู’ อาวุธคู่กาย ‘ทักษิณ’ จากพลังธรรมถึงเพื่อไทย
ยุคไทยรักไทยเฟื่องฟู มีผู้ชาย 2 คนเป็นเงาตามตัวทักษิณ หนึ่งในนั้นคือ ทูตปู มาริษ เสงี่ยมพงษ์ วันนี้เขากลับมาเป็น รมว.ต่างประเทศ รัฐบาลเศรษฐา
30 ปี ทูตปู มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รับใช้คู่กาย ทักษิณ จากพลังธรรม ไทยรักไทย และเพื่อไทย ตรงสเปคเถ้าแก่ใหญ่ พร้อมลุย ตอบโจทย์ทดแทนปานปรีย์ ยุคไทยรักไทยเฟื่องฟู มีผู้ชาย 2 คนเป็นเงาตามตัวทักษิณ หนึ่งในนั้นคือ ทูตปู มาริษ จึงอย่าได้แปลกใจ
หากวันนี้เขาจะกลับมาเป็น รมว.ต่างประเทศเล่ากันว่า วงในบ้านจันทร์ส่องหล้า ช็อกกับข่าว ดร.ตั๊ก-ปานปรีย์ พหิทธานุกร ลาออกจาก รมว.ต่างประเทศแบบกระทันหัน พอตั้งหลักได้ จึงโยนชื่อ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ เป็นว่าที่เจ้ากระทรวงบัวแก้วคนใหม่ ออกมาสู่สาธารณชน
คนในพรรคเพื่อไทยทราบดีว่า 'ทูตปู มาริษ เสงี่ยมพงษ์' มาช่วยงาน เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่แรกๆ แต่มีตำแหน่งทางการคือ ที่ปรึกษา รมว.ต่างประเทศ (ปานปีย์) และเพิ่งพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 28 เมษายน ที่ผ่านมา หลัง ดร.ตั๊กลาออกสายฟ้าแลบ
วันที่นายกฯเศรษฐา แถลงขอโทษ 'ดร.ตั้ก ปานปรีย์' ได้ส่งซิกว่า เพื่อไทยได้เตรียมสรรหาตัว รมว.บัวแก้วคนใหม่ว่า ‘อยู่ในแวดวงการทูต แวดวงการเมือง ทำงานข้างหลังพรรคเพื่อไทยมาตลอด’ ทำให้คนนึกถึง นพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ และ ทูตปู-มาริษ ตัวเต็งเป็น รมว.ต่างประเทศคนใหม่ ในที่สุด 'เศรษฐา' ได้เคาะชื่อ 'ทูตปู' ที่โปรไฟล์การทำงานในอดีต อาจไม่หรูเริดเท่ากับ ดร.ตั๊ก ปานปรีย์ แต่ตอบโจทย์ทักษิณ ชินวัตร เพราะเป็นคนที่ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2537
เริ่มต้นที่พรรคพลังธรรมสมัยรัฐบาลชวน 1 พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หัวหน้าพรรคพลังธรรม ได้ชักชวนทักษิณ อัศวินคลื่นลูกที่สามให้เข้ามารับตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ เวลานั้น 'มาริษ เสงี่ยมพงษ์' เป็นข้าราชการหนุ่ม ทำงานที่กรมสารนิเทศกระทรวงบัวแก้ว ได้ส่ง 'ทูตปู' ไปเป็นทีมงานหน้าห้องทักษิณ
แม้ทักษิณจะอยู่ในตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศช่วงสั้นๆ แต่ก็ประทับใจฝีไม้ลายมือในการทำงานของข้าราชการรุ่นใหม่ไฟแรงคนนี้ ช่วงที่ทักษิณเตรียมการก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ทูตปูก็ยังติดต่อกับนักธุรกิจโทรคมนาคมคนดัง และเป็นที่ปรึกษาในการให้ข้อมูลเรื่องเกี่ยวกับต่าง ประเทศ
กระทั่งทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี ในปี 2544 ทูตปูได้เข้ามาประจำการหน้าห้องนายกรัฐมนตรี ตึกไทยคู่ฟ้า ในฐานะสตาฟฟ์การเมืองที่ทำหน้าที่ดูแลเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะงานด้านการต่างประเทศ
เฟื่องฟูไทยรักไทย
23 ปีที่แล้ว นักข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลไทยรักไทย จะคุ้นเคยกับ ‘พี่ปู’ เป็นอย่างดี เพราะนายกฯทักษิณ มีคนติดตามเป็นเงาตามตัวอยู่ 2 คนคือ ผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ และมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ทั้งคู่เสมือนเป็นเลขานุการส่วนตัวของทักษิณ
หลังรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ทูตปูก็กลับไปทำงานในกระทรวงบัวแก้ว และเว้นว่างจากทำเนียบรัฐบาลไปอีกหลายปี ปี 2554 สมัยยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ ทูตปูมาเป็นทีมงานด้านการต่างประเทศให้ยิ่งลักษณ์ แต่ทำงานหลังฉากในทำเนียบรัฐบาล ไม่ได้เดินตามเป็นเงาเหมือนสมัยทักษิณ
เหตุที่ 'ทูตปู มาริษ' ไม่ได้ทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศเต็มตัว ต้องมาทำงานการเมืองในรัฐบาลทักษิณ และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทำให้เส้นทางการรับราชการในกระทรวงบัวแก้ว ไม่ได้เป็นทูตในประเทศใหญ่ๆ และเกษียณอายุราชการ ในตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงออตตาวา เมื่อพลิกอ่านประวัติการทำงานของ 'มาริษ เสงี่ยมพงษ์' ย่อมมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นธรรมดา เพราะหากนำไปเปรียบเทียบกับ 'ดร.ตั๊ก ปานปรีย์'
'ทูตปู มาริษ' เป็น รมว.ต่างประเทศ จะได้รับการยอมรับจากข้าราชการบัวแก้วมากน้อยแค่ไหน คงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เนื่องจากบทเรียนจากรัฐบาลไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย สไตล์การบริหารประเทศแบบเถ้าแก่ใหญ่ ต้องการรัฐมนตรีต่างประเทศที่กล้าได้กล้าเสีย และรับคำสั่งตรงโดยไม่ต้องสื่อสารทางอ้อมเหมือนกรณีปานปรีย์
ทั้งหมดนี้ 'ทูตปู' จึงตอบโจทย์บ้านจันทร์ส่องหล้าด้วยประการทั้งปวง เพราะเห็นกันมาแต่เป็นข้าราชการหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง