คอลัมนิสต์

อหังการ์ “ทักษิณ” ท้ารบพี่ใหญ่ “คนป่า” บ่มีปืน งูเห่าแดง-ส้มหาย

อหังการ์ “ทักษิณ” ท้ารบพี่ใหญ่ “คนป่า” บ่มีปืน งูเห่าแดง-ส้มหาย

12 มิ.ย. 2567

หยามทหารเฒ่า "ทักษิณ" เดินหน้าท้ารบ คนป่าบ่มีปืน บ่มีกระสุน สปอนเซอร์หาย เพ้อฝันดูดงูเห่าสีแดงสีส้ม เสริมแกร่งพลิกเกม

สองพี่น้อง ตระกูลวงษ์สุวรรณ ปั้นพรรคอนุรักษนิยมทันสมัย

 

แตกหัก ทักษิณ เดินหน้าท้ารบ อ่านเกมทหารเฒ่า เปรียบคนป่าบ่มีปืนบ่มีกระสุน สปอนเซอร์หาย เพ้อฝันดูดงูเห่าสีส้ม เสริมแกร่งพลิกเกม  
 

มิถุนาเดือด ตัวตึงขวาจัด เชื่ออาถรรพ์บ้านป่ารอยต่อฯ ป้อมใจบันดาลแรง ซุ่มโป่งรอจังหวะรุกกลับ หวังเปลี่ยนกระดาน ฟื้นระบอบพี่ใหญ่


กูรูการเมืองแถวย่านบางโพ โผล่ออกมาปลุกกระแส ทักษิณ ชินวัตร เปิดหน้าท้าชน 3 แนวรบ โดยเฉพาะการดับเครื่องชน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ สะท้อนภาพสงครามตัวแทนชัดเจน

 

กรณี ทักษิณ ชินวัตร โยนระเบิดผลไม้พิษ คสช. ต้นเหตุคดี ม.112 เพราะเชื่อว่า นี่เป็นต้นเหตุที่ทำให้นายใหญ่ยังติดบ่วงคดีในวันนี้ กำลังจะกลายเป็นปมขัดแย้งทางการเมืองรอบใหม่
 

“ต้นไม้มีพิษ ย่อมให้ผลไม้ที่มีพิษ” เป็นวาทกรรมของฝ่ายต้านเผด็จการ ที่ต้องการยกเลิกผลพวงการรัฐประหาร 2549 ซึ่งทักษิณเป็นคนพูดประโยคนี้เป็นครั้งแรก เมื่อปี 2550

สองปีก่อน ทักษิณเผยแพร่คลิปในวันคล้ายวันเกิด ครบรอบ 73 ปี ผ่านทางเว็บไซต์ Thaksinofficial โดยสรุปว่า 
 

1.อยากกลับเมืองไทย คิดถึงอนาคตของหลาน 
 

2.ให้อภัยศัตรูเพราะถือว่าเป็นบทเรียนของคนบ้านนอก ไม่รู้จักชนชั้นนำ 


3.สงสารคุณหญิงพจมาน ที่ต้องแบกทุกเรื่อง 


4.ต้องการความเป็นอมตะ จึงสั่งเสียว่า ตายแล้วไม่ต้องเผา


“ผมเป็นนักเลงพอ จบเป็นจบ” ทักษิณพูดไว้เมื่อวันวาน คล้ายจะยอม รับในชะตากรรม และไม่อาฆาตแค้น 
 

มาถึงวันนี้ เหตุใดทักษิณ จึงไม่ยอมจบ ปลุกวาทกรรมเก่า และดูจะไม่อภัยคนบางกลุ่ม เขาได้ข้อมูลเชิงลึกอะไร และมีใครบางคนเคลียร์ดีลใหญ่ให้หรือไม่

อาถรรพ์บ้านป่า
 

อย่างที่รู้กัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กลับมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกครั้ง ตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ม.ค.2567 โดยเริ่มจากกิจกรรมพลังประชารัฐสัญจร ที่เพชรบูรณ์ และหนองคาย
 

จังหวะเดียวกันนี้ ลุงป้อม มอบให้ ไพบูลย์ นิติตะวัน และทีมงานยุทธ ศาสตร์ปั้นแคมเปญใหม่ “พรรคอนุรักษนิยมทันสมัย” เพื่อชิงแบรนด์พรรคอนุรักษนิยมใหม่ มาจากพรรคเพื่อไทย

จริงๆแล้ว ทักษิณ และลูกสาว อุ๊งอิ๊ง ไม่ประสงค์จะนำยี่ห้อพรรคอนุรักษนิยมใหม่ มาติดที่หน้าอาคารทำการพรรคเพื่อไทย แต่ไฟต์บังคับดีลข้ามขั้ว จึงต้องรับเอาป้ายนี้มาแขวนคอ


กระบอกเสียงของลุงป้อม เคยออกมาพูดว่า ทักษิณ และเพื่อไทย ไม่สามารถเป็นตัวแทนอนุรักษนิยมได้ เพราะพรรคนี้คือทุนสามานย์


วันที่ 21 มี.ค. 2567 สองพี่น้องตระกูลวงษ์สุวรรณ พล.อ.ประวิตร และ พล.ต.ท.พัชรวาท เป็นประธานในพิธีบวงสรวงอัญเชิญท่านท้าวมหาพรหม ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ เพื่อประกาศจุดยืนของการเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมทันสมัย 


ถัดจากนั้นไม่กี่วัน ก็มีข่าวลือรัฐมนตรีชื่อ ป.ปลา เตรียมระดมเสียงพรรคร่วมรัฐบาลและงูเห่าสีส้ม โหวตคว่ำงบประมาณฯ เพื่อเปลี่ยนตัวนายกฯ
 

การเคลื่อนไหวของ “ทหารเฒ่า” บ้านป่ารอยต่อฯ ย่อมอยู่ในสายตาของทักษิณ วันที่นายใหญ่เดินทางไปสงกรานต์เชียงใหม่ ในกระแสข่าวเปลี่ยนตัวนายกฯ จึงออกปากแซวลุงบ้านป่าว่า ‘แฮงบันดาลใจ’ 


คนป่าบ่มีปืน


จากการปั้นพรรคพลังประชารัฐในช่วงปี 2562 ทำให้ พล.อ.ประวิตร ถูกเปรียบเทียบกับทักษิณ ที่มีลักษณะคล้ายกันคือ ความเป็นพี่ใหญ่ที่คอยดูแลนักเลือกตั้งสารพัดซุ้ม


ดังนั้น จึงมีข้อมูลว่า มี สส.อีสาน พรรคเพื่อไทย 30 คน ไปพบ พล.อ.ประวิตร ที่สนามกอล์ฟกองทัพบก หรือล่าสุด ก็ยังมีคนปล่อยข่าวว่า สส.เพื่อไทย ไปพบลุงป้อมที่บ้านอัมพวัน
 

รวมถึงกรณี สส.ก้าวไกล 13 คนเข้าพบ พล.อ.ประวิตร ที่บ้านพักย่านมีนบุรี ช่วงต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตอนนี้ ก็มีข่าวงูเห่าสีส้มจำนวนหนึ่ง เตรียมเลื้อยซุกบ้านป่า
 

แหล่งข่าวในเพื่อไทยไม่ได้ให้ราคาข่าวทำนองนี้มากนัก เนื่องจากบ้านป่ารอยต่อฯในวันนี้ ไม่ได้สปอนเซอร์รายใหญ่ให้การดูแลเหมือนช่วงปี 2562-2566
 

เมื่อลุงบ้านป่าไร้สปอนเซอร์ ก็เหมือนคนป่าบ่มีปืน ก็ยากที่จะดึงดูดใจ สส.งูเห่าสีส้มให้ไหลเข้ามาสู่ชายคาบ้านป่ารอยต่อฯ