คอลัมนิสต์

แค้นบ้านใหญ่ “ธนาธร-ปิยบุตร” โละทิ้ง “สภาสูง” บ้านสีแดงล่า สว.สำรอง

ชัยชนะขั้วอนุรักษ์ ธนาธร ยุทธการ สว.ประชาชน ล้มเหลว ปิยบุตร โละทิ้งสภาสูง เสนอสภาเดี่ยว หนี สว.ร่างทรง คสช. ปะ สว.บ้านใหญ่สีน้ำเงิน

ผิดแผน ธนาธร ยุทธการ สว.ประชาชน ล้มเหลว พ่ายค่ายกลจัดตั้งสายสีน้ำเงินฝั่ง ปิยบุตร เสนอโละทิ้งสภาสูง งัดสภาเดี่ยว สู้เกมสภาขั้วอนุรักษ์

 

บ้านสีแดงปรับแผน หลังพ่ายบ้านสีน้ำเงิน เดินเกมล่า สว.สำรอง 100 คน เชื่อ กกต.สอย สว.ไม่ตรงปก 20-30 คน ดันสำรองอันดับต้นๆเข้าสภาสูง

 

เชื่อกันว่า ช่วงต้นสัปดาห์หน้า กกต.จะประกาศรับรองผลการเลือก สว.ชุดที่ 13 จำนวน 200 คน โดยยึดหลักปล่อยไปก่อนแล้วสอยทีหลัง ซึ่งแกนนำพรรคก้าวไกลก็เรียกร้องให้ กกต.รับรอง สว.ชุดใหม่โดยเร็วเช่นกัน

กล่าวสำหรับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เก็บตัวเงียบ หลังการเลือก สว.ปิดฉากลงไป พร้อมชัยชนะของบ้านสีน้ำเงิน

 

ช่วงหลังสงกรานต์ที่ผ่าน ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และคณะก้าวหน้าเปิดแคมเปญ สว. “1 บ้าน 1 ผู้สมัคร” รณรงค์ให้ผู้รักประชาธิปไตย เสียสละทุนทรัพย์และเวลาลงมาสมัคร สว.กันเยอะๆ เพื่อป้องกันการบล็อกโหวต สว.

 

ก่อนวันเลือก สว.ระดับประเทศ ธนาธร คาดหวังจะได้ สว.ประชาชน อย่างน้อย 70 คน จากทั้งหมด 200 คน แต่ผลการเลือก สว.ที่ผ่านมา กลับได้ สว.ประชาชน ประมาณ 20 คน

 

ล่าสุด ปิยบุตร แสงกนกกุล ให้สัมภาษณ์ว่า ไทยทดลองใช้ระบบ 2 สภาฯ มากว่า 90 ปีแล้ว ไม่ตอบโจทย์ จึงควรที่จะมีแค่สภาผู้แทนฯหรือ “สภาเดี่ยว”

 

“ผมมีจุดยืนมาตลอดว่าประเทศไทยถึงเวลาแล้ว ที่ควรจะมีสภาผู้แทนราษฎรเพียงสภาเดียว” ปิยบุตรย้ำ

 

พลันที่ได้ฟังปิยบุตรเสนอเรื่องสภาเดี่ยว ก็มีเสียงวิจารณ์โต้กลับว่า ขี้แพ้ชวนตี เพราะก่อนหน้านั้น คณะก้าวหน้าก็เข้าร่วมเล่นเกมเลือก สว.ตามกติกาสุดพิสดาร

 

บทเรียนส้มรุ่นใหญ่

 

ถ้าจำกันได้ คืนก่อนวันเลือก สว. ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้เขียนจดหมายถึงผู้สมัคร สว.ฝ่ายประชาธิปไตย ด้วยความกังวลเรื่องหักหลังกันเอง

 

“กฎกติกาออกแบบมาให้เราแตกแยกกันเอง ทะเลาะเบาะแว้งกันเอง ไม่ไว้วางใจกัน ใครทรยศเพื่อนได้เข้ารอบ ได้เป็น สว.”

 

แล้วสิ่งที่ธนาธรหวาดหวั่นก็กลายเป็นจริง ผู้สมัคร สว.ประชาชน หรือขั้วประชาธิปไตย ได้เข้าสู่สภาสูงต่ำกว่าเป้า บ้างก็ว่า 18-20 คน เพราะผู้สมัครบางคนหักหลังเพื่อน

 

หทัยรัตน์ พหลทัพ บรรณาธิการสำนักข่าว The Isaan Record ผู้สมัคร สว. กลุ่ม 18 วิชาชีพสื่อมวลชน เปิดใจผ่านสื่อหลายสำนักทำนองว่า สว.ประชาชนไม่โหวตตามที่ตกลงกันไว้ เธอจึงตกรอบแรก

 

“ดิฉันต้องได้ 18 คะแนน ต้องผ่านรอบแรก ถ้าตามที่ตกลงกันไว้อย่างผู้ใหญ่ แต่นี่มีการหักหลังกัน”

 

สรุปว่า ความล้มเหลวของผู้สมัคร สว.ขั้วประชาธิปไตย มาจากผู้สมัคร สว.ส่วนใหญ่มีการเอาตัวรอด ทิ้งเพื่อนเก่าไปหาเพื่อนใหม่ แต่สุดท้ายก็สอบตก เพราะสู้คะแนนจัดตั้งไม่ได้

 

ตามล่า สว.สำรอง

 

มิเพียงขั้วประชาธิปไตยที่ผิดหวัง “บ้านใหญ่สีแดง” ก็มีการสรุปบทเรียนเหมือนกัน และมีปฏิบัติการเรียกผู้ที่ถูกขึ้นบัญชี สว.สำรอง 100 คน ไปพูดคุยบ้างแล้ว โดยเจาะจงผู้ที่ได้สำรองอันดับ 1-3 ของแต่ละกลุ่มอาชีพ

 

สาเหตุที่บ้านสีแดง ต้องออกมาล่า สว.สำรอง เพราะล้มเหลวจากการเลือก สว.ระดับประเทศ โดยมี สว.สายสีแดง เพียง 7-8 คน 

 

มีเรื่องเล่ากันในแวดวง สส.บ้านใหญ่สีแดงว่า “นายใหญ่” ประเมินผิด คิดว่าการจัด ตั้งแต่ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ยุ่งยาก จึงอ่านเกมข้ามช็อต หวังมารวบรวมเสียงโหวตเตอร์ระดับประเทศ

 

ปฏิบัติการลับของบ้านใหญ่สีแดงก็ล้มเหลว เพราะโหวตเตอร์จากต่างจังหวัด มีเจ้าของหมดแล้ว แถมส่งคนไปเจรจากับ “บ้านใหญ่สีน้ำเงิน” ก็ได้คำตอบว่า เต็มแล้ว

 

นัยว่า นายใหญ่ใช้บริการคนใกล้ตัวคือ “ส.” อดีตคนถือกระเป๋าเงิน และ “พ.” น้องรัก ซึ่งไม่ชำนาญกลยุทธ์เลือกตั้ง จึงทำงานล้มเหลว

 

สภาสูงชุดใหม่ กลายเป็นขั้วประชาธิปไตยหรือบ้านสีส้ม ตกอยู่อาการเดียวกับบ้านใหญ่สีแดง แอบลุ้นให้ กกต.สอย สว.บ้านใหญ่สีน้ำเงิน เพื่อได้ สว.หน้าใหม่มาอยู่ในสังกัด

ข่าวที่น่าสนใจ