คอลัมนิสต์

เด็กวัด “มงคล” ผงาด “ประธาน สว.” จากสหายซ้ายรามฯสู่ทางสายสิงห์

โชคชะตาเด็กวัด มงคล นั่งประมุข สว. วาดสภาสามัญชน ผ่านสมรภูมิซ้ายรามฯ-ป่าเขา พลิกผันสู่วิถีมหาดไทย และถนนการเมืองสายบุรีรัมย์

มาจากก้อนดิน มงคล ประมุข สว.คนใหม่ วาดฝันปั้นสภาสามัญชน นี่คือพลังบ้านใหญ่สีน้ำเงิน 150 เสียง ผงาดยึดสภาสูง สว.พันธุ์ส้มต่ำ 20

 

โชคชะตา เด็กหนองโดน ผาดโผนในดงอาชีวะ ผ่านสมรภูมิซ้ายรามฯและป่าเขา ก่อนพลิกผันสู่เส้นทางมหาดไทย และถนนการเมืองสายบุรีรัมย์

 

เป็นไปตามความคาดหมาย 159 เสียงมาเต็ม หนุน มงคล สุระสัจจะ นั่งประธานวุฒิสภา ตามโผบ้านใหญ่สีน้ำเงิน 

 

ฉากและชีวิต มงคล สุระสัจจะ โลดโผนในวัยเยาว์ ก่อนโชคชะตาจะพามาพบ เนวิน ชิดชอบ และกลายเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตข้าราชการมหาดไทยตัวเล็กๆคนหนึ่ง

 

มงคล บอกกับคนใกล้ชิดว่า ขอทำงานเพื่อบ้านเมืองเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต เพราะอายุ 72 ปีแล้ว ด้วยวิถีข้าราชการเกษียณที่อยู่ในไร่เพื่อนคุณ อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ก็ไม่คิดจะก้าวมาสู่ถนนการเมือง หากไม่มีคำร้องขอจากผู้ใหญ่

 

จ้อน มงคล ในช่วงชีวิตวัยแสวงหา เป็นซ้ายรามคำแหง ก่อนเข้าป่า หลัง 6 ตุลา

 

ช่วงหนึ่งที่มงคล แสดงวิสัยทัศน์ กล่าวถึงปูมหลังตนเองว่า “ชีวิตผมมาจากก้อนดินก้อนทราย เป็นเด็กวัด เรียนอาชีวะ ผมเข้าใจความยากจนข้นแค้นความเป็นคนไม่มีเส้นมีสาย ผมเติบโตมาในระบบราชการ ด้วยการทำงานอย่างหนัก เต็มความรู้ความสามารถ ผมมีปรับการในการประสานงาน กับประชาชน คลุกคลีกับประชาชนในชนบทตลอดชีวิต”

ขาโจ๋สู่ซ้ายลูกพ่อขุน

 

 

 

ช่วงปี 2511-2515 “จ้อน” มงคล เด็กวัดยากจนจาก อ.หนองโดน จ.สระบุรี จับพลัดจับผลูย้ายเรียนอาชีวะที่โรงเรียนการช่างนครนายก ได้แค่ปีเดียว เพราะเกเรมาก จึงมาจบ ปวช.ที่โรงเรียนพานิชยการพระนครศรีอยุธยา

 

มีวุฒิแค่ ปวช. แถมยากจน มงคลจึงไม่คิดฝันจะคว้าใบปริญญา กระทั่งมีการเปิดตลาดวิชาที่รามคำแหง จึงตัดสินใจเข้าเรียนในคณะรัฐศาสตร์

 

ปี 2516 จากขาโจ๋อาชีวะ มงคลได้พบโลกใบใหม่เมื่อเข้าไปเรียนรามคำแหง ยุคสายลมเดือนตุลาพัดผ่าน

 

“ในรั้วราม เปลี่ยนจิ๊กโก๋เกเรไร้สาระ อันเนื่องมาจากประสบการณ์ใหม่ๆ ได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ เสรีภาพของรามคำแหง ทำให้ผมพบทางเลือกที่จะเดินร่วมกับเพื่อนๆ ทำกิจกรรมเพื่อมวลชน..”

 

ปี 2517 มงคล ได้ทำกิจกรรมร่วมกับ “กลุ่มพัฒนาการศึกษาชนบท”(กพ.กช.) และเดินเข้าค่ายฝึกกำลังคน ในหมู่บ้านชาวปกากะญอ(กะเหรี่ยง) ที่บ้านแม่แฮใต้ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่

 

แกนนำของค่ายฝึกกำลังคนห้วยแม่แฮ สมัยโน้นคือ “เหนียว” ธงชัย สุวรรณวิหค หรือที่รู้จักในนาม สหายช่วง แห่งเทือกเขาบรรทัด

 

เบื้องหลังค่ายฝึกกำลังคนห้วยแม่แฮ ก็คือ การเผยแพร่ความคิดก้าวหน้าของซ้ายรามคำแหง หลังเหตุการณ์ 6 ตุลา มงคลสมาชิกค่ายฝึกกำลังคน จึงเข้าป่าจับปืนทางภาคใต้

สิงห์ทองสู่สิงห์น้ำเงิน

 

 

ออกจากเทือกภูบรรทัด มงคลกลับมาเรียนหนังสือต่อ จบแล้วก็เข้าเป็นปลัดอำเภอ และรับราชการครั้งแรกสังกัดมหาดไทย วันที่ 8 ม.ค.2522

 

ปี 2549 มงคลมารับราชการเป็นรอง ผวจ.ศรีสะเกษ ซึ่งเวลานั้น ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากการสร้างเขื่อนราษีไศล มาตั้งเวทีชุมนุมเรียกร้องค่าชดเชยกรณีน้ำท่วมไร่นา ที่หน้าศาลากลางจังหวัด ผวจ.ศรีสะเกษ จึงมอบให้มงคลไปแก้ปัญหาม็อบราษีไศล

 

“ผมก็ไปในแบบของผม นุ่งกางเกงยีนส์ ใส่เสื้อผ้าฝ้ายเก่าๆ พกขลุ่ยไปอันหนึ่ง แล้วขึ้นไปเล่นดนตรีกับเขา ปรับทุกข์ผูกมิตร กินข้าวกินเหล้า เสมือนหนึ่งเป็นเพื่อนเป็นญาติพี่น้อง”

 

กลยุทธ์ปรับทุกข์ผูกมิตร ก็เป็นประสบการณ์ตรงที่มงคลได้มาจากการไปอยู่ค่ายฝึกกำลังที่ห้วยแม่แฮ และเข้าป่าจับปืนที่ปักษ์ใต้

 

เนวิน ชิดชอบ ชื่นชอบฝีมือการทำงานของมงคล จึงดึงตัวมาเป็น ผวจ.บุรีรัมย์ และผลักดันให้ผู้ว่าฯจ้อน เป็นอธิบดีกรมพัฒนาชุมชน และขยับขึ้นเป็นอธิบดีกรมการปกครอง

 

จุดเปลี่ยนในชีวิตของมงคล ก็คือการพานพบกับเนวิน ชิดชอบ สมัยเป็น ผวจ.บุรีรัมย์ หลังเกษียณอายุราชการ มงคลก็ไปเป็นที่ปรึกษานายก อบจ.บุรีรัมย์ และหัวหน้าคณะทำงาน รมช.มหาดไทย ทรงศักดิ์ ทองศรี

 

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวยอดนิยม