คอลัมนิสต์

รีแบรนด์ลุงหยุม “ประวิตร” ฮึดสู้ปั้น “ไพบูลย์” พรรค 3 ป.สู่พรรคนิติสงคราม

รีแบรนด์ลุงหยุม “ประวิตร” ฮึดสู้ปั้น “ไพบูลย์” พรรค 3 ป.สู่พรรคนิติสงคราม

05 ก.ย. 2567

แปลงโฉม พปชร. พล.อ.ประวิตร ไม่ถอดใจ รีแบรนด์พรรค 3 ป. สู่พรรควงษ์สุวรรณ เปิดเกมนิติสงคราม

รีแบรนด์ลุงหยุม ประวิตร ฮึดสู้ปั้นพรรคนิติสงคราม เสาหลักอนุรักษนิยมใหม่ วางไพบูลย์ คุมทัพสู้ศึกนอกสภา

 

แปลงโฉมพลังประชารัฐ จากพรรคสืบทอดอำนาจ 3 ป. กลายเป็นพรรควงษ์สุวรรณ ลุงป้อมยังสู้ต่อ ไม่ปิดบ้านป่ารอยต่อฯ

 

วันศุกร์ที่ 6 ก.ย.2567 พรรคพลังประชารัฐ จึงจัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญ เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคเพิ่มเติม ทดแทนกรรมการที่ลาออกไป

ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารพรรค พปชร. มี 19 คน แยกเป็นสาย พล.อ.ประวิตร 13 คน และสาย ร.อ.ธรรมนัส 6 คน

 

พลันที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประกาศอิสรภาพจากบ้านป่า ได้นำ สส. 20-22 คน ไปร่วมรัฐบาลแพทองธาร ซึ่งกรรมการบริหารพรรค 6 คนสายผู้กอง ก็ได้ยื่นหนังสือลาออกไปแล้ว

 

มีรายงานว่า ไพบูลย์ นิติตะวัน จะขยับเป็นเลขาธิการพรรคแทน ร.อ.ธรรมนัส เพราะช่วงที่ผ่านมา บทบาทไพบูลย์ ไม่ต่างจากยาสามัญประจำบ้านป่า และได้รับความไว้วางใจจาก พล.อ.ประวิตร และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ

 

คาดว่า พล.อ.ประวิตร ยังรับตำแหน่งหัวหน้าพรรค และ พล.ต.อ.พัชรวาท เป็นประธานที่ปรึกษาพรรค ซึ่งจะทำให้พลังประชารัฐ กลายเป็นพรรคของตระกูล “วงษ์สุวรรณ” ไปโดยปริยาย

 

สำหรับ ไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตหัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ไม่ใช่นักเลือกตั้งแบบผู้กองธรรมนัส ไม่ช่ำช่องกลยุทธ์เอาชนะในสนาม สส. แต่มีความเชี่ยวชาญเรื่องกฎหมาย

 

เมื่อลุงป้อมเลือก ไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นเลขาธิการพรรค ย่อมหมายถึงการเลือกเกมนิติสงครามนอกสภาฯ เป็นเรื่องหลัก ส่วนการเป็นฝ่ายค้านในสภาฯ เป็นเรื่องรอง

 

ไร้มือยุทธศาสตร์เลือกตั้ง

 

เนื่องจากระยะใกล้นี้ ยังไม่มีการเลือกตั้ง สส. พรรค พปชร. พล.อ.ประวิตร จึงไม่จำเป็นใช้เลขาธิการพรรคแบบผู้กองธรรมนัส 

 

เวลานี้ นักการเมืองเก๋าเกมที่ยืนเคียงข้างลุงป้อม ก็จะมีเหลือแค่ สันติ พร้อมพัฒน์ , ตรีนุช เทียนทอง วราเทพ รัตนากร และชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์

 

จะว่าไปแล้ว ผลงานในการเลือกตั้ง สส.ปี 2566 ที่อยู่ในความรับผิดชอบของบุคคลที่เอ่ยชื่อมาข้างต้นนี้ก็ไม่ดีนัก

 

สันติ พร้อมพัฒน์ รับผิดชอบภาคเหนือตอนล่าง 7 จังหวัด ได้ สส.เพชรบูรณ์ 6 คน

 

ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รับผิดชอบภาคกลางแถวลุ่มน้ำเจ้าพระยา-ป่าสัก ได้ สส.สิงห์บุรี 1 คน

 

ตรีนุช เทียนทอง หรือวราเทพ รัตนากร แค่เอาตัวรอดในจังหวัดของตัวเอง  ยังไม่สามารถไปอุ้มผู้สมัคร สส.จังหวัดใกล้เคียงเข้าสภาฯได้

 

ส่วน “จ๊อบ” สามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้รับหน้าที่เป็นกระบอกเสียงลุงป้อม ได้พยายามปล่อยข่าวมาหลายหนแล้ว กรณีเชื้อเชิญ สส.ต่างพรรคไปพบลุงบ้านในป่า แต่เอาเข้าจริงแล้ว ก็มีแต่อดีต สส.สอบตก

 

บทเรียนเด็กลุงป้อม

 

สมัยเลือกตั้ง สส.ปีที่แล้ว พล.อ.ประวิตร ก็ใช้ทีมนายทหารฝ่ายเสนาธิการ เข้ามาบริหารจัดการผู้สมัคร สส.ในหลายพื้นที่

 

“เสธ.โย” พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์  ลูกรักของลุงป้อม มีภารกิจส่งทรัพยากรให้ผู้สมัคร สส. และหลังเลือกตั้ง ก็ทำหน้าที่ในการดีลกับ สส.ของพรรค

 

พล.อ.กฤษณ์โยธิน โตมาในสายบูรพาพยัคฆ์ พล.ร.2 รอ. และถูกดึงมาช่วยงานมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ฝ่ายหารายได้

 

“บิ๊กณัฐ” พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกลาโหม ลูกรักสายบูรพาพยัคฆ์ ที่ทำงานกลั่นกรองทั้งเรื่องงาน เรื่องพรรค และภารกิจส่วนตัว

 

ช่วงเลือกตั้ง ลุงป้อมส่ง พล.อ.ณัฐ ไปรับผิดชอบสนามเมืองกาญจนบุรี โดยประสานทีมบ้านใหญ่ชายแดนตะวันตก ซึ่งเป็นสมรภูมิที่พรรค พปชร.ตั้งความหวังไว้สูงมาก แต่ก็พ่ายแพ้ยกจังหวัด

 

นี่เป็นบทเรียนของอดีตนายทหาร ที่ไม่เคยลุยสนามเลือกตั้ง ไม่ทันเกมบ้านใหญ่ จึงสูญเสียทรัพยากรไปจำนวนมาก

 

พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นอีกคนหนึ่งที่ลุงป้อมดึงเข้ามาดูแลพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่ง พล.อ.ธัญญา ก็ไม่ต่างจาก พล.อ.ณัฐ ที่ทำงานพลาดเป้า

 

สส.อีสาน พปชร. 7 คน ล้วนเป็น สส.สมัยแรก แต่พื้นฐานพวกเขาเป็นนักการเมืองท้องถิ่น มีเครือข่าย มีทุน จึงเอาตัวรอดเข้ามาได้ แต่วันนี้ ยังเหลืออยู่กับลุงป้อม 4 คน