คอลัมนิสต์

สีเสื้อเปลี่ยน “จตุพร-นกเขา” เหนื่อย “คปท.” ม็อบจุดไม่ติดมือตบนกหวีดหาย

นิเวศการเมืองสีเสื้อเปลี่ยน "จตุพร-ทนายนกเขา" ลุ้นเหนื่อย คปท.จุดม็อบไม่ติด มือตบนกหวีดหมดแรง

ม็อบจุดไม่ติด จตุพร-ทนายนกเขา ลุ้นเหนื่อย คปท.จุดม็อบไม่ติด มวลชนถดถอย มือตบหมดพลัง นกหวีดหมดแรง

 

นิเวศการเมืองเรื่องสีเสื้อเปลี่ยน คนเสื้อเหลือง-มวลชนนกหวีด แปรสภาพเป็นเอฟซีลุงตู่ และด้อมส้ม เหลือแค่กองทัพธรรมเป็นเสาหลัก

 

ปฏิบัติการทดสอบพลังมวลชนของเครือข่ายต้านระบอบชินวัตร เมื่อเย็นวันเสาร์ที่ 7 ก.ย.2567 ที่ลานอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว จบลงด้วยความเห็นของกูรูการเมืองท้องถนนว่า “จุดไม่ติด”

จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ได้ออกตัวผ่านเฟซบุ๊คไลฟ์ก่อนหน้าวันทำกิจกรรมต้านระบอบชินวัตรว่า

 

“แม้ภาคประชาชนยังไม่พร้อมในการต่อสู้และลงถนนชุมนุม แต่ถ้าระบบการเมืองในสภาใช้พวกมากลากไปและปกป้องผลประโยชน์ของชาติไม่ได้ จึงต้องใช้ระบบนอกสภามาทำหน้าที่แทน”

 

จะว่าไปแล้ว จตุพร พรหมพันธุ์ และ นิติธร ล้ำเหลือ นั่งทอล์คการเมืองรายวัน ก็มีคนติดตามชมมากพอควร มินับสำนักข่าวออนไลน์บางแห่ง พยายามปั่นกระแสต้านระบอบทักษิณ ภาค 2 ก็มียอดคนดูในยูทูปเพิ่มขึ้น

 

ปรากฏว่า ในวันทำกิจกรรมต้านระบอบชินวัตรเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีผู้ร่วมชุมนุมเพียง 300-400 คน สะท้อนว่า มวลชนในโซเชียลไม่พร้อมจะลงถนน

 

อย่างไรก็ตาม แกนนำ คปท. นำโดย พิชิต ไชยมงคล และนัสเซอร์ ยีหมะ ได้ประกาศนัดหมายชุมนุมมวลชนที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ข้างทำเนียบรัฐบาล ในวันอังคารที่ 17 ก.ย.นี้

 

นิเวศการเมืองเปลี่ยน

 

หลังรัฐประหาร 2557 และการเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่เมื่อปี 2562 ได้ทำให้ระบบนิเวศเชิงการเมืองเรื่องเสื้อสีเปลี่ยนไป มีการเคลื่อนย้ายของมวลชน จากเสื้อสีหนึ่งไปสู่อีกสีเสื้อหนึ่ง

 

ประการแรก คนเสื้อเหลือง และมวลชนนกหวีดจำนวนไม่น้อย แปรสภาพเป็นเอฟซีลุงตู่ และเอฟซีพรรครวมไทยสร้างชาติ

 

ประการที่สอง การเลือกตั้ง สส.ปี 2566 คนเสื้อเหลือง และมวลชนนกหวีดบางส่วน ในภาคตะวันออกและภาคใต้ เข้าคูหาเลือกพรรคก้าวไกล(พรรคประชาชน) เพราะเบื่อการเมืองเก่า

 

ประการที่สาม การโคจรมาพบกันของ ตู่-จตุพร พรหมพันธุ์ และ ทนายนกเขา-นิติธร ล้ำเหลือ มีคำถามมากมายในหมู่มวลชนนกหวีด

 

ดังนั้น การชุมนุมของ คปท.และพันธมิตร ตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ.2567 เรียกร้องกระบวนการยุติธรรมเกิดความเท่าเทียมกรณีทักษิณไม่อยู่ในเรือนจำแม้แต่วันเดียว จนพักการชุมนุมไปเมื่อปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา จึงมีมวลชนเข้าร่วมไม่มากนัก

 

มิหนำซ้ำ การชุมนุมของ คปท.ได้รับความสนใจจากสื่อหลักน้อยมาก แม้จะมีจตุพร พรหมพันธุ์ และทนายนกเขา นั่งจ้อจองกฐินนายใหญ่ชั้น 14 รายวัน

 

ไส้ในกลวง

 

ว่ากันตามตรง นิติธร ล้ำเหลือ , พิชิต ไชยมงคล และ นัสเซอร์ ยีหมะ ก็ทราบดีว่า การชุมนุมปักหลักพักค้างยกแรก 6 เดือนเศษ หากไม่มี “กองทัพธรรม” ก็ไปต่อยาก

 

มวลชนกองทัพธรรม มีจำนวนไม่มาก แต่เป็นผู้ที่มีวินัย ใจสู้ และพึ่งพาตนเอง ไม่ต้องมีท่อน้ำเลี้ยงมาจากไหน ก็อยู่ยาวอยู่เย็นได้แรมปี

 

กองทัพธรรมในม็อบ คปท.ปีนี้ มีแม่ทัพคือ หมอเขียว-ใจเพชร กล้าจน ซึ่งเป็นผู้นำดาวรุ่งดวงใหม่ในปีกสันติอโศก ซึ่งมารับหน้าที่แทนรุ่นพี่อย่าง ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อฟ้าดิน

 

หมอเขียว-ใจเพชร กล้าจน ยังมีบทบาทเป็นหัวหน้าพรรคสัมมาธิปไตย ซึ่งได้ยื่นขอจดทะเบียนพรรคการเมืองต่อ กกต.มาตั้งแต่เดือน มี.ค.2566 และมีที่ตั้งสำนักงานใหญ่ในราชธานีอโศก บ้านเลขที่ 777 หมู่ 10 ต.บุ่งไหม อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี

 

ดังนั้น มวลชนกองทัพธรรมที่มาร่วมชุมนุมในกรุงเทพฯ จึงเดินทางมาจากราชธานีอโศกเป็นสำคัญ ซึ่งในวันที่ 17 ก.ย.นี้ ก็ยังเป็นผู้ชุมนุมหลักจากกลุ่มสันติอโศกหรือกองทัพธรรม