คอลัมนิสต์

แดงพิดโลกชนะ “บู้ จเด็ศ” ชี้กลยุทธ์ “บ้านใหญ่” ปัจจัยชี้ขาดฟาดส้มร่วง

15 ก.ย. 2567

คว้าชัยเลือกซ่อม สส.พิษณุโลก “บู้ จเด็ศ” หักปากกาโพล ปัจจัยชี้ขาด กลยุทธ์บ้านใหญ่ ไม่ใช่กระแสแพทองธาร

หักปากกาโพล บู้ จเด็ศ คว้าชัยเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก ปัจจัยชี้ขาดคือบ้านใหญ่ ไม่ใช่กระแสแพทองธาร

 

ชัยชนะแดงพิดโลก คือกลยุทธ์แบบบ้านใหญ่ สมศักดิ์ ประสานนายก อบจ. มนต์ชัย ผนึกกำลังนายกเล็กเปรมฤดี สกัดพลังสีส้ม 

 

ศึกเลือกซ่อม สส.พิษณุโลก ในวันอาทิตย์ที่ 15 ก.ย.2567 พูดได้คำเดียวว่า หักปากกาโพล เมื่อ “บู้” จเด็ศ จันทรา พรรคเพื่อไทย เบอร์ 2 ได้ 34,272 คะแนน ชนะ “โฟล์ค” ณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์ เบอร์ 1 พรรคประชาชน ได้ 28,907 คะแนน (ผลนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ)

ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองพิษณุโลก บู้ จเด็ศ เป็นผู้สมัคร สส.คนแรกของพรรคทักษิณ ที่ปักธงสีแดงได้ในเขต 1 อ.เมืองพิษณุโลก ในรอบ 23 ปี 

 

นับแต่การเลือกตั้ง สส.พิษณุโลก ปี 2544-2566 พรรคของทักษิณ ไม่เคยมี สส.ที่เขต 1 และบู้ จเด็ศ จึงเป็น สส.พิษณุโลก คนแรก ค่ายสีแดง

 

ผลการเลือกตั้ง สส.พิษณุโลก เขต 1 ปี 2566 “หมออ๋อง” ปดิพัทธ์ สันติภาดา ได้ 40,842 คะแนน ได้รับเลือกเป็น สส.สมัยที่ 2 และมีคะแนนทิ้งห่างอันดับ 2 พลังประชารัฐ และอันดับ 3 เพื่อไทย เกือบเท่าตัว

 

สำหรับการเลือกตั้งซ่อม สส. ที่ไม่มีเลือกตั้งล่วงหน้า หรือเลือกตั้งนอกเขต ประกอบกับมีผู้มาใช้สิทธิ์เพียงร้อยละ 50 พรรคประชาชน จึงต้องยอมรับความปราชัย

มนต์ชัย นายก อบจ.พิษณุโลก ปัจจัยชัยชนะ

เบื้องหลังเพื่อไทยชนะ

 

ปัจจัยแรก “บู้” จเด็ศ จันทรา เป็นผู้สมัคร สส.ที่มีความโดดเด่นในตัวเอง มีจุดขายทั้งรูปร่างหน้าตา พูดจาปราศรัยดี และทำงานจิตอาสามานาน คนเมืองพิษณุโลกรู้จักเขาดี

 

ตอนที่บู้ จเด็ศ ไปลงสมัคร สส.ที่เขต 3 (อ.วังทอง อ.เนินมะปราง) ทั้งที่ไม่มีฐานเสียง ยังแพ้ พงษ์มนู ทองหนัก คนสนิทของ จุติ ไกรฤกษ์ พรรครวมไทยสร้างชาติ แค่ 900 คะแนน

 

ปัจจัยที่สอง สมศักดิ์ เทพสุทิน รับบทผู้อำนวยการเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก เขต 1 ซึ่งในวันที่เพื่อไทยเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล จึงมีบารมีพอที่จะพูดคุยกับบ้านใหญ่ระดับท้องถิ่นทุกซุ้มในพิษณุโลกให้มาช่วยเพื่อไทย 

 

ที่ปฏิเสธไม่ได้คือ ค่าย 2 ส.ยุคเพื่อไทย (สุริยะ-สมศักดิ์) มีทรัพยากรพร้อมรบประชิดตัว

 

ปัจจัยที่สาม การเปิดตัว มนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายก อบจ.พิษณุโลก กลุ่มพลังพิษณุโลก สนับสนุนบู้ จเด็ศ ในสองวันสุดท้ายของการหาเสียง ถือเป็นไม้เด็ดของเพื่อไทย

 

เนื่องจากมนต์ชัย เพิ่งชนะหนูนา-สิริพรรณ คุณประจักษ์นุกูล เด็กหมออ๋อง มาหมาดๆ  ในศึกนายก อบจ.พิษณุโลก 

 

เฉพาะเขต อ.เมืองพิษณุโลก มนต์ชัย ได้ 49,896 คะแนน ชนะหนูนา-สิริพรรณ ที่ได้ 41,596 คะแนน (สำหรับเขต 1 มีเพียง 9 ตำบลของ อ.เมือง)

 

ปัจจัยที่สี่ เปรมฤดี ชามพูนท นายกเทศมนตรีเทศบาลนครพิษณุโลก 5 สมัยหัวหน้าคณะลูกนเรศวร ยอมเสียสละ ไม่ให้ลูกสาว ณัฐทรัชต์ ชามพูนท ลงสนาม แต่หนุนบู้ จเด็ศ เต็มที่

 

การเลือกตั้ง สส.พิษณุโลก ปีที่แล้ว ณัฐทรัชต์ ชามพูนท สวมเสื้อเพื่อไทย ลงเขต 1 ได้ 18,180 คะแนน นี่คือต้นทุนของค่ายสีแดง

 

ปัจจัยที่ห้า กระแสนายกฯแพทองธาร และรัฐบาลเพื่อไทย มีผลต่อการตัดสินใจของคนเมืองสองแคว ที่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้ไม่มาก

 

สงครามอุดมการณ์

 

ลักษณะพิเศษของสมรภูมิเลือกซ่อมหนนี้ คือการต่อสู้ 2 ขั้ว 2 แนวทางคือ เสรีนิยมก้าวหน้ากับอนุรักษ์นิยม

 

สมัยหนึ่ง พรรคเพื่อไทยเป็นตัวแทนของปีกเสรีนิยม แต่การที่มีรัฐบาลข้ามขั้ว จึงทำให้แดงกลายพันธุ์ เบื้องหลังเวทีปราศรัยใหญ่ของเพื่อไทยพิษณุโลก จึงมีนักการเมืองท้องถิ่นบ้านใหญ่ ทั้งแดง เหลือง และอดีต กปปส.

 

เมื่อการเลือกตั้งปีที่แล้ว หิมาลัย ผิวพรรณ และธวัชชัย กันนะพันธุ์ อดีตนายก อบจ.พิษณุโลก ส่ง ธนิท กิตติจารุรักษ์ ลงสมัครเขต 1 ได้ 10,229 คะแนน จึงเชื่อว่า เอฟซีลุงตู่จำนวนหนึ่งคงไปเลือก บู้ จเด็ศ 

 

นี่คือปัจจัย และตัวแปรที่ทำให้ค่ายเพื่อไทย ได้รับชัยชนะเหนือค่ายส้มชนิดพลิกความคาดหมาย