คอลัมนิสต์

เปิดมุมลับ “ภูมิธรรม” เหยื่ออธรรมสู่ “สหายใหญ่” อดีต ผบ.ร้อยทหารป่า

16 ก.ย. 2567

รมว.กลาโหม มรดก 66/23 “ภูมิธรรม” เหยื่อ 6 ตุลา บนทางปืน “สหายใหญ่” อดีต ผบ.ร้อย ทหารป่า

มรดก 66/23 ภูมิธรรม รมว.กลาโหม ยุคปรองดอง พลิกปูมชีวิตสหายใหญ่ อดีต ผบ.ร้อย ทหารป่าอีสานใต้

 

นักร้องเสียงทอง เรืองไกร ไม่เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ไม่เกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา ภูมิธรรมคงไม่เข้าป่า และถ้าไม่มีป๋าเปรม คงไม่มีนิรโทษกรรมทหารป่า

 

วันที่ 16 ก.ย.2567 ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เข้ากระทรวงกลาโหมอย่างเป็นทางการ วันแรก ได้มีพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศผสม 3 เหล่าทัพ ณ ลานอเนกประสงค์ ในศาลาว่าการกลาโหม

หากภูมิธรรม เป็นนักการเมืองธรรมดา คงไม่มีใครพูดถึงมากนัก ด้วยปูมหลังสมัยสงครามเย็น ภูมิธรรม เคยเป็นผู้นำนักศึกษาต่อสู้เผด็จการ และหนีภัยทมิฬไปเข้าป่าจับปืน จึงถูกโฟกัสมากเป็นพิเศษ

 

ภูมิธรรม เปิดใจครั้งแรกในฐานะ รมว.กลาโหม ยืนยันว่า “มั่นใจ 1,000% ผมเชื่อว่าจะสามารถร่วมมือกับเหล่าทัพต่างๆ ด้วยความเคารพกัน ยอมรับในสิ่งที่แตกต่าง และหาข้อสรุปในการทำงานร่วมกันได้อย่างดี”

 

ก่อนหน้านั้น นักร้องเสียงทอง เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส่งคำร้องทางไปรษณีย์ให้ประธาน กกต. ตรวจสอบ แพทองธาร ชินวัตร กรณีเสนอชื่อ ภูมิธรรม เวชยชัย เป็นรัฐมนตรีกลาโหม ทั้งที่เคยมีพฤติกรรมล้มล้างการปกครองฯ

 

นักสังเกตการณ์ทางการเมืองวิจารณ์ว่า เรืองไกร ไม่ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์การเมืองไทยยุคสงครามเย็น จึงไม่รู้จักคำสั่ง 66/2523 และมีการยกเลิก พรบ.คอมมิวนิสต์ฯ สมัยรัฐบาลชวน 2

สหายใหญ่ ภูมิธรรม ตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ

เหยื่ออาชญากรรมแห่งรัฐ

 

ปี 2565 ในวาระครบเหตุการณ์สังหารหมู่ 6 ตุลาคม 2519 สหายใหญ่-ภูมิธรรม เวชยชัย เล่าทวนความทรงจำในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ผ่านเพจ CARE คิด เคลื่อน ไทย

 

ช่วงการชุมนุมต้านเผด็จการ ระหว่างวันที่ 3-5 ต.ค.2519 ภายในรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ด้านนอกมีรวมตัวกันของกลุ่มกระทิงและ ตชด.

 

ภูมิธรรมเล่าว่า แกนนำนักศึกษามีมติสลายตัวในรุ่งเช้าวันที่ 6 ต.ค.2519 เพราะประเมินว่าน่าจะมีการก่อกวน และล้อมปราบ

 

“ยังไม่ทันจะสว่าง ตี 3 ก็มีการยิงใส่พวกเราแล้ว M79 ลูกแรกยิงลงกลางม็อบเลย แล้วตอนตี 4 ตี 5 ก็ยิงเข้ามา..” ภูมิธรรมเล่า

 

อ้วน ภูมิธรรม และเพื่อนนักศึกษาบางส่วนหนีตายออกจากธรรมศาสตร์ ไปหลบซ่อนตามบ้านคนที่รู้จักและไว้ใจได้ เนื่องจากคณะทหารได้ยึดอำนาจ มีคำสั่งปราบปรามจับกุมนักศึกษาหัวก้าวหน้า

 

ในที่สุด ภูมิธรรม ตัดสินใจเข้าป่าเมื่อวันที่ 14 ต.ค.2519 นั่งรถโดยสารประจำทาง จากกรุงเทพฯไปลงที่ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์

 

“...เขาก็ให้ถือหนังสือพิมพ์ไทยรัฐม้วนมือซ้าย กระเป๋าให้เหน็บปากกาบิ๊กสีฟ้าสีแดง ก็ต้องไปหาซื้อปากกา รอจนกระทั่งมีคนมาทักทาย ถ้าเขาถามทางไปบุรีรัมย์ทางนี้ใช่มั้ย เราต้องตอบว่าไม่ใช่ โคราชไปทางนี้ เป็นรหัส เหมือนหนังสายลับ”

 

หลังจากนั้น สายจัดตั้งของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) เขตงานอีสานใต้ จึงพาอ้วนข้ามพรมแดนไทย-กัมพูชา ไปอยู่ที่เมืองสำโรง จ.อุดรมีชัย

 

เรื่องลับสหายใหญ่

 

เนื่องจากปี 2519 เขมรแดง ปกครองกัมพูชา ได้จัดสถานที่ให้แก่ศูนย์การนำ พคท.อีสานใต้ ใช้พื้นที่เมืองสำโรง เปิด “โรงเรียนการเมือง-การทหาร 305” สอนทฤษฎีลัทธิมาร์กซ-เลนิน และความคิดเหมาเจ๋อตง

 

ระหว่างที่อยู่ในโรงเรียนการเมืองฯ ภูมิธรรม มีชื่อจัดตั้งว่า “สหายใหญ่” เป็นผู้บังคับกองร้อย ฝ่ายการเมือง รับผิดชอบกองร้อยโรงเรียนการเมือง-การทหาร 305 

 

ต่อมา ศูนย์การนำพรรคได้เรียกตัวสหายใหญ่ ไปประจำการหน่วยทหารพิทักษ์สหายนำที่สำนัก A30 (ปัจจุบันคือ บ้านนาหม้อ) แขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว

 

ภารกิจของสหายใหญ่คือ เป็นคนขับรถพาสหายนำอย่าง ลุงสม หรือ อุดม สีสุวรรณ กรมการเมือง พคท. ไปปฏิบัติงานในเขตเมืองลาว และบางครั้งเข้าไปเมืองจีน

 

ปี 2524 มีความขัดแย้งในพรรคพี่น้อง พคท.จึงปิดสำนัก A30 มีการอพยพผู้คนเข้ามาสู่ฐานที่มั่นน่านเหนือ และบางส่วนย้ายไปอยู่เมืองจีน

 

สหายใหญ่จึงเดินทางกลับกรุงเทพฯ เหมือนกับเพื่อนนักศึกษาอีกนับพันคนที่คืนเมือง ตามนโยบาย 66/2523 สมัยรัฐบาลเปรม