ทั้งรักทั้งรบ “แพทองธาร” ถอยดูเชิง “ไชยชนก” โต้เกมชิงบ้านใหญ่ช่างเหลา | คมชัดลึก

ชิงไหวชิงพริบ แพทองธาร ถอยแก้ รธน.ปมจริยธรรม ไชยชนก ทายาทบ้านใหญ่บุรีรัมย์ ขี่กระแสเก็บแต้มแบบหล่อๆ

 

เพื่อไทย-ภูมิใจไทย ทั้งรักทั้งรบ ทีมนายใหญ่บ้านจันทร์ เริ่มยุทธการชิงบ้านใหญ่สีน้ำเงิน สะเทือนครูใหญ่บุรีรัมย์

 

พลันที่มีข่าวเพื่อไทยปมแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวดจริยธรรมผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงเกิดกระแสสังคมต้านจริยธรรมสุดซอย ปกป้อง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้รอดพ้นเกมนิติสงคราม

 

วันอังคารที่ผ่านมา แพทองธาร แถลงในฐานะนายกฯว่า พรรคร่วมรัฐบาลยังไม่ได้คิดเรื่องแก้ไข รธน.หมวดจริยธรรม เพราะรัฐบาลมีปัญหาน้ำท่วมและเยียวยาผู้ประสบภัย เป็นเรื่องเร่งด่วน

 

เมื่อได้กลิ่นกระแสต้านจริยธรรมสุดซอย ไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ทายาทครูใหญ่บุรีรัมย์ จึงตั้งโต๊ะแถลงพรรคสีน้ำเงินไม่เห็นด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวดจริยธรรม พร้อมกับยืนยันมติ สส.ภูมิใจไทย เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับเดินหน้าไปสู่การทำประชามติ 

 

ด้วยเหตุนี้ วิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ฐานะประธานวิปรัฐบาล จึงประกาศถอนร่างแก้ไข รธน.หมวดจริยธรรม

 

“หากเพื่อนไม่เอาด้วย เราต้องไปด้วยกัน  ถอยได้ก็ถอย ไม่ใช่เรื่องลำบากใจอะไร” วิสุทธิ์ ยอมรับสภาพ เพราะวันนี้ เพื่อไทยไม่ใช่พรรคใหญ่ อันดับหนึ่ง 

 

วลี “เพื่อนไม่เอาด้วย” หมายถึงภูมิใจไทย รวมไทยสร้าง และประชาธิปัตย์ แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยแก้ไข รธน.ปมรื้อจริยธรรม

 

 

 

 

พันธมิตรจำแลง

 

นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์หลายคนวิเคราะห์ว่า การเลือกตั้งทั่วไป ปี 2570 จะเกิดพันธมิตรบ้านใหญ่ ทั้งเพื่อไทย ภูมิใจไทย รวมใจไทยสร้างชาติ และกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส รวมพลังต้านค่ายสีส้ม 

 

จริงๆแล้ว ธรรมชาติของพรรคการเมือง ไม่มีใครยอมใคร ในสมรภูมิเลือกตั้ง โดยเฉพาะเพื่อไทย และภูมิใจไทย ที่มีพื้นที่อีสานเป็นเป้าหมาย ในการช่วงชิงเก้าอี้ สส. เนื่องจากภาคอีสาน มี สส.มากกว่า 130 ที่นั่ง

 

อย่างกรณีตระกูลช่างเหลา ทิ้งภูมิใจไทยอพยพเข้าเพื่อไทย ดูเหมือนเป็นเรื่องท้องถิ่น ลึกๆแล้ว สะท้อนภาพสงครามช่วงชิงบ้านใหญ่

 

ทายาทครูใหญ่ ไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นการตัดสินใจของครอบครัวช่างเหลา และอวยพรให้วัฒนาโชคดี ส่วนเอกราช ยังอยู่กับภูมิใจไทย แต่พรรคก็ไม่ได้มีมติขับออก

 

พรรคภูมิใจไทย ดูภายนอกเหมือนจะมีเอกภาพ ไร้ความขัดแย้งภายในกลุ่มบ้านใหญ่ แต่หากส่องลึกเข้าไปข้างในพรรค ก็มีรอยร้าวระหว่าง “ครูใหญ่” ที่รวบอำนาจการตัดสินใจไว้คนเดียว

 

ยกตัวอย่างการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของครูใหญ่ ที่ยึดหลัก “หัวหน้าโซน” และนายทุนพรรค ทำให้บ้านใหญ่หลายจังหวัดออกอาการไม่พอใจ

 

อีกด้านหนึ่ง นักเลือกตั้งบ้านใหญ่ มักถือว่าตัวเองเป็นดาวฤกษ์ จึงพเนจรไปเรื่อยๆ อยู่พรรคโน้นพรรคนี้ ตามเงื่อนไขบริบททางการเมือง และผลประโยชน์

 

 

 

 

ซุ้มเดอะซันมาแรง

 

การเลือกตั้ง สส.ปี 2566 พิสูจน์ให้ ทักษิณ ชินวัตร ได้ประจักษ์แล้ว อดีต สส.ที่เอาแต่โหนกระแสพรรค หรือกระแสนายใหญ่ ปรากฏว่า สอบตกระนาว

 

ดังนั้น นายใหญ่จึงมีแนวคิดรวบรวม “บ้านใหญ่” เอามาแทนอดีต สส.ที่พึ่งกระแส ไม่มีฐานมวลชนเป็นของตัวเอง 

 

ปฏิบัติการไล่ล่าบ้านใหญ่ จึงเกิดขึ้น โดยทีมงานของ “เดอะซัน” สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม 

 

ผลงานชนะเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก เขต 1 ในหน้าฉากคือ สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข แม่ทัพใหญ่เพื่อไทย แต่หลังฉากคือ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ โดยมีมือปฏิบัติการ มนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม คอยบริหารจัดการคะแนน

 

นัยว่า นายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า เลือกใช้บริการของ “เดอะซัน” สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ในการรวบรวมกองกำลัง สส. เน้นที่นักการเมืองบ้านใหญ่ ซึ่ง สส.เดือน-มนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม คือตัวแทนของเดอะซัน ในภารกิจพิเศษนี้ 

 

ตระกูลช่างเหลา เป็นแค่ยกแรกของปฏิบัติการกวาดต้อน สส.ดาวฤกษ์ เข้าเพื่อไทย นอกเหนือจากนี้ จะมีทั้งดึงคนเก่าคืนถิ่น และช่วงชิง สส.บ้านใหญ่จากพรรคอื่น