คอลัมนิสต์

เป้าสงสัย “อนุทิน” เกมหักซ้อนหัก “เพื่อไทย” ฝันสะดุดด่านโหด สว.สีน้ำเงิน

เป้าสงสัย “อนุทิน” เกมหักซ้อนหัก “เพื่อไทย” ฝันสะดุดด่านโหด สว.สีน้ำเงิน

26 ก.ย. 2567

กลเกมแก้รัฐธรรมนูญ “อนุทิน” เป้าสงสัยหักซ้อนหัก “เพื่อไทย” กลืนเลือด เจอด่านโหด สว.สีน้ำเงิน ดับฝันแดง-ส้ม แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ

เกมลึก อนุทิน เป้าสงสัยหักซ้อนหัก เพื่อไทยถอย สว.สีน้ำเงิน ดับฝันแดง-ส้ม แก้รัฐธรรมนูญ ทั้งรายมาตราและทั้งฉบับ

 

เพื่อไทย กลืนเลือดยอมถอย พักยกแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ปมจริยธรรม เพื่อรักษาเสถียรภาพรัฐบาลดีลข้ามขั้ว

 

พลันที่เจอแรงต้านแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยยอมถอย แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จึงแถลงร่วมกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลว่า จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ปากท้องและยาเสพติด ถือเป็นภารกิจเร่งด่วน

อดีต สว.ยุค คสช.วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองในสัปดาห์นี้ว่า พรรคเพื่อไทย ถูกหัก 2 เรื่องซ้อนคือ พรรคร่วมรัฐบาล ไม่เอาด้วยกับเพื่อไทย กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ปมรื้อหมวดจริยธรรม ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

 

อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ตกเป็นเป้าว่า “กลับลำ” จึงชิงออกตัวว่า ไม่ได้กลับลำ

 

อีกเรื่องหนึ่ง กรรมาธิการ สว.ขัดแย้ง สส. กรณี พรบ.ประชามติ ต้องตั้ง กมธ.ร่วมสองสภา เสียเวลาไปอีก 2-3 เดือน

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่า กรณีของกรรมาธิการ สว.เห็นแย้ง สส.ในร่าง พรบ.ประชามติ หลายคนก็โฟกัสไปที่ เนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่พรรคสีน้ำเงินทันที

 

นายใหญ่และแกนนำเพื่อไทย รู้อยู่แก่ใจว่า ใครอยู่เบื้องหลังเกมหักซ้อนหัก ยอมกลืนเลือด จำใจถอยเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเดินหน้าแก้ปัญหาน้ำท่วม และเยียวยาผู้ประสบภัย

 

 

เครือข่ายอนุรักษ์ระแวง

 

กรณีพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชน แตะมือยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ในประเด็นที่ใกล้เคียงและสอดคล้องกัน โดยเฉพาะหมวดจริยธรรม ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ส่งผลให้เครือข่ายอนุรักษนิยม วิตกกังวล

 

กระแสต้านในสังคมขยายวงกว้าง โดยมองว่า มุ่งแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์นักการเมืองบางกลุ่ม

 

เหนืออื่นใด เครือข่ายอนุรักษนิยมนั้น ระแวงพรรคเพื่อไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตั้งแต่การจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว จึงมีข่าวปล่อยพรรคแดงแอบจับมือพรรคส้มเป็นระยะๆ

 

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าให้สัมภาษณ์ว่า แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับนั้น มีความยุ่งยาก จึงมาโฟกัสที่การแก้ รธน.แบบรายมาตรา รายประเด็น

 

ธนาธร ไม่อำพรางแนวคิดที่ต้องการลดขอบเขตอำนาจองค์กรอิสระ ทั้งศาลรัฐธรรมนูญ และ ป.ป.ช.

 

ยิ่งฟังธนาธรพูดอย่างนี้ ยิ่งทำให้ชนชั้นนำระแวงค่ายสีแดงมากขึ้น ดังนั้น การถอยจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของเพื่อไทย

 

แม้ก่อนหน้านั้น จะมีกระแสข่าว “ผู้ใหญ่ค่ายสีแดง” ได้ปรึกษาหารือกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว จึงสั่งลุยแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา โดยมี “หัวหน้าพรรคใหญ่” เป็นคนแรก ที่เสนอให้แก้ปมจริยธรรม

 

ฤทธิ์เดช สว.สีน้ำเงิน

 

มีรายงานว่า หลังเจอแรงต้านเรื่องแก้รายมาตรา แกนนำพรรคเพื่อไทย จึงจะกลับไปใช้แนวทางเดิมคือ การแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร. )

 

จากนั้นจึงยกร่างใหม่กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายลูกทั้งหมด ซึ่งรวมถึงกฎหมายพรรคการเมือง และ ป.ป.ช. ต่อไป เพื่อลดแรงกระเพื่อมทางการเมือง

 

 

กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ คาดว่าใช้เวลาภายในกรอบ 3 ปี โดยขณะนี้กำลังรอการแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ ที่ผ่านชั้นสภาฯแล้ว อยู่ในชั้นพิจารณาของวุฒิสภา

 

หากกฎหมายประชามติฉบับใหม่ มีผลบังคับใช้ รัฐบาลจึงเริ่มทำประชามติครั้งแรก ช่วงต้นปี 2568 พร้อมกับการเลือกตั้งนายก อบจ.ทั่วประเทศ

 

ล่าสุด การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ปรากฏว่า ที่ประชุมกรรมาธิการ สว. ไม่เอาร่างที่ สส.ให้ใช้เสียงข้างมาก “ชั้นเดียว” และมีการกลับมติให้ใช้เสียงข้างมาก “สองชั้น” ด้วยมติเกือบเอกฉันท์คือ 17 ต่อ 1

 

เท่ากับ พ.ร.บ.ประชามติ ฝั่ง สว.เห็นแย้ง สส. จึงตั้งกรรมาธิการร่วม 2 สภา เพื่อหาทางออก จึงต้องใช้เวลาเพิ่มอีก 2-3 เดือน คาดว่า จะไม่ทันการเลือกตั้งนายก อบจ.ต้นปีหน้า

 

เมื่อ สว.เสียงข้างมาก หรือ สว.สีน้ำเงิน แสดงอิทธิฤทธิ์ให้เห็นอย่างนี้ ก็เหมือนปิดประตูตายเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ให้ทันตามกรอบเวลา 3 ปี

 

ในทางการเมือง อ่านทางได้ไม่ยาก ยังไงท่าที-การโหวตของ สว.สีน้ำเงิน ย่อมเดินไปในแนวเดียวกับภูมิใจไทย