คอลัมนิสต์

ยอมเจ็บ “ชาดา” อุ้มกลุ่มคุณธรรมดัน “เผด็จ” นั่งนายก อบจ.อุทัยฯสมัยที่ 5

ยอมเจ็บ “ชาดา” อุ้มกลุ่มคุณธรรมดัน “เผด็จ” นั่งนายก อบจ.อุทัยฯสมัยที่ 5

06 ต.ค. 2567

เพื่อองค์กรบ้านใหญ่ “ชาดา” เปิดทาง “เผด็จ นุ้ยปรี” นายก อบจ.อุทัยฯ สมัยที่ 5 พิสูจน์ชัยชนะกลุ่มคุณธรรม เหนือไทยเศรษฐ์

ไร้คู่แข่ง ชาดา เปิดทาง เผด็จ นุ้ยปรี นั่งนายก อบจ.อุทัยฯ สมัยที่ 5 พิสูจน์ชัยชนะระบอบบ้านใหญ่ เหนือไทยเศรษฐ์ 

 

ส่องแบรนด์กลุ่มคุณธรรม ตระกูลนุ้ยปรี หนึ่งในหลายซุ้มบ้านใหญ่ เล่นการเมืองท้องถิ่นและระดับชาติ มาก่อนตระกูลไทยเศรษฐ์ 

 

การเลือกตั้งนายก อบจ.อุทัยธานี วันอาทิตย์ที่ 6 ต.ค.2567 คือการฉายหนังม้วนเก่าเมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 ธ.ค.2563 เผด็จ นุ้ยปรี ผู้สมัครจากกลุ่มคุณธรรม ลงสมัครเดียว และได้รับเลือกเป็นนายก อบจ. ผ่านเกณฑ์ 10%ของ กกต.

ก่อนที่ เผด็จ นุ้ยปรี จะเป็นนายก อบจ.อุทัยธานี สมัยที่ 5 ก็มีดราม่าเล็กน้อย เมื่อ มนัญญา ไทยเศรษฐ์ น้องสาว ชาดา ไทยเศรษฐ์ จะลงสนามแข่งกับเผด็จ

 

ถึงขั้นเตรียมป้ายหาเสียงไว้แล้ว ด้วยสโลแกน “มนัญญา ไทยเศรษฐ์ ทำได้ ทำจริง ทำได้ ไม่หายหน้า ยกระดับ อบจ. เพื่อชาวอุทัยฯ”

 

ในที่สุด ชาดา ไทยเศรษฐ์ ได้ร้องขอให้น้องสาวถอนตัว เพื่อรักษาระบอบบ้านใหญ่อุทัยธานี หรือ “กลุ่มคุณธรรม” ให้ดำรงอยู่ต่อไป

สโลแกนประจำตัว เผด็จ นุ้ยปรี นายก อบจ.อุทัยฯ 5 สมัย

บ้านใหญ่นุ้ยปรี

 

ยุคประชาธิปไตยครึ่งใบ(ปี 2522-2534) บ้านใหญ่อุทัยธานี หมายถึง “บ้านทรงไทย” ริมแม่น้ำสะแกกรัง ของ “เสธ.พล” พ.อ.พล เริงประเสริฐวิทย์ อดีต สส.อุทัยธานี 5 สมัย 

 

ลุ่มน้ำสะแกกรังสมัยโน้น มีตระกูลการเมืองอยู่ 3 กลุ่มคือ พ.อ.พล เริงประเสริฐวิทย์ อดีต สส.อุทัยธานี 5 สมัย, ศิริ ทุ่งทอง บ้านใหญ่ อ.หนองฉาง และศิลป์ชัย นุ้ยปรี อดีต สส.อุทัยธานี 4 สมัย

 

เผด็จ นุ้ยปรี เป็นนักการเมืองท้องถิ่นมานาน และเป็นผู้กุมฐานคะแนนให้พี่ชาย ศิลป์ชัย นุ้ยปรี มาแต่สมัยวัยรุ่น เพราะพี่ชายเป็น สส.สมัยแรกปี 2519

 

ก่อนปี 2544 เผด็จ นุ้ยปรี ในฐานะ สจ.อุทัยฯ เขต อ.หนองฉาง ได้รับเลือกทางอ้อมเป็นนายก อบจ.สมัยแรก 

 

ด้วยความเป็นนักการเมืองสไตล์นักเลงลูกทุ่ง เผด็จ จึงผนึกตระกูลการเมือง 4-5 ตระกูล ให้มาสนับสนุนตัวเอง จนได้เป็นนายก อบจ.ต่อเนื่องมา 4 สมัย

 

นอกจากเผด็จ นุ้ยปรี ก็ยังมี “สจ.เปี๊ยก” ปภาวิชญ์ บุษวะดี ประธานสภา อบจ.อุทัยธานี ที่เป็นพันธมิตรการเมืองท้องถิ่นกับบ้านใหญ่ไทยเศรษฐ์

 

ปภาวิชญ์ บุษวะดี ยังเป็นผู้กว้างขวางในแวดวงมวยไทย เป็นเจ้าของค่ายมวย สจ.เปี๊ยกอุทัย หรือศิษย์ สจ.เปี๊ยก ที่ อ.หนองขาหย่าง จ.อุทัยธานี

 

เมืองอุทัยฯ ไม่ได้มีแค่เผด็จ นุ้ยปรี และ สจ.เปี๊ยก ยังมีบ้านใหญ่ระดับตำบลอีกมาก ซึ่งทุกคนต่างรวมตัวกันอยู่ด้วยผลประโยชน์ที่ลงตัว

 

บ้านใหญ่ไทยเศรษฐ์

 

ชาดา ไทยเศรษฐ์ รู้ดีว่า บ้านใหญ่ดอนหมื่นแสน ไม่ใช่บ้านหลังเดียวที่ใหญ่ที่สุดในลุ่มน้ำสะแกกรัง เหมือนที่เขาให้สัมภาษณ์กรณีน้องสาวถอนตัวไม่ลงสมัครนายก อบจ.

 

“จังหวัดอุทัยธานีนั้น ถือเป็นจังหวัดที่การเมืองนิ่งมาตลอด ไม่ว่าจะตั้งแต่ระดับองค์การบริหารส่วนตำบล มาจนองค์การบริหารส่วนจังหวัด ไปจนถึงระดับ สส. ซึ่งถ้าหากว่าเกิดความแตกแยกมาตั้งแต่ระดับตำบล ก็จะทำให้เกิดปัญหาในพื้นที่”

 

สมัยที่ตระกูลนุ้ยปรี บารมีเบ่งบานในระดับชาติ ชาดายังเป็นคนขายเนื้อ และหันมาเล่นการเมืองท้องถิ่นปี 2539 โดยร่วมกับตระกูล “เหลืองบริบูรณ์” ก่อตั้ง กลุ่มคุณธรรม นำทีมลงสมัครสมาชิกสภาเทศบาลเมืองอุทัยธานี และชาดาเป็นนายกเทศมนตรี

 

ปี 2550 ชาดา ไทยเศรษฐ์ ได้รับเลือกเป็น สส.อุทัยธานี สมัยแรก สังกัดพรรคชาติไทย และเริ่มรวบรวมซุ้มการเมืองท้องถิ่นให้เป็นหนึ่งในนามกลุ่มคุณธรรม

 

การเลือกตั้งนายก อบจ.อุทัยฯ ปี 2552 ชาดาหนุน เผด็จ นุ้ยปรี ลุยสนามนายก อบจ.สมัยที่ 3 และมีการจัดทัพท้องถิ่นใหม่ ไล่มาตั้งแต่ อบจ. เทศบาล และ อบต. ภายใต้ชื่อกลุ่มคุณธรรม

 

ด้วยเหตุนี้ เผด็จจึงใช้สโลแกนหาเสียงว่า “เผด็จ นุ้ยปรี คนดี..คนเดิม” มาทุกสมัย และก่อนหน้านี้ เผด็จเปรยกับคนใกล้ชิดว่า อยากวางมือ และการเป็นนายก อบจ.สมัยที่ 5 อาจเป็นวาระสุดท้ายของเขาก็ได้