คอลัมนิสต์

พิษคดีตากใบ “พล.อ.พิศาล” ชิงทิ้ง สส. “เพื่อไทย” เล่นเกมร้อนเสี่ยงสุมไฟใต้

พิษคดีตากใบ “พล.อ.พิศาล” ชิงทิ้ง สส. “เพื่อไทย” เล่นเกมร้อนเสี่ยงสุมไฟใต้

15 ต.ค. 2567

++ เสี่ยงสุมไฟใต้รอบใหม่ “พล.อ.พิศาล” ชิงหนีคดีตากใบ ทิ้ง สส. แต่ “เพื่อไทย” ไม่รอด ปมบาดแผลตากใบ เสี่ยงจุดไฟใต้ลุกโชน

พิษคดีตากใบ พล.อ.พิศาล ชิงลาออกป้องเพื่อไทย จับตาปฏิบัติการสลัดทิ้ง สส.คนดัง เสี่ยงสุมไฟใต้ครั้งใหม่

 

นับถอยหลัง 25 ต.ค.2567 คดีตากใบหมดอายุความ แต่บาดแผลและความเจ็บปวดยังดำรงอยู่ และผู้ที่สูญเสียไม่มีวันลืม

 

โศกนาฏกรรมตากใบ เกิดขึ้นเมื่อ 25 ต.ค.2547 สมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร โดยมีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ 84 คน ซึ่งคดีดังกล่าวกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง

หลังจากศาลจังหวัดนราธิวาส ได้ออกหมายจับข้าราชการระดับสูงที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ จำนวน 7 ราย และหนึ่งในนั้นคือ “บิ๊กอ๊อด” พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 และ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งได้หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ

 

เช้าวันอังคารที่ 15 ต.ค.2567 สรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า พล.อ.พิศาล ได้ยื่นหนังสือลาออกจาก สส.บัญชีรายชื่อ และสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้ว มีผลตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา

 

วันเดียวกัน ที่ศาลจังหวัดนราธิวาส เป็นวันนัดสอบคำให้การครั้งที่ 2 หลังจากเลื่อนมาจากครั้งแรกที่ไม่มีจำเลยไปศาล และศาลสั่งออกหมายจับ ปรากฏว่าก็ยังไม่มีใครไปปรากฏตัวที่ศาล

 

จำเลยคดีนี้ที่ศาลประทับรับฟ้องมี 7 คน ล้วนเป็นอดีตข้าราชการระดับสูง คาดว่ายังหลบหนีหมายจับ และมีเจตนาหลบเลี่ยงเพื่อให้คดีหมดอายุความ ในวันที่ 25 ต.ค.นี้

 

 

บาดแผลหรือตราบาป

 

โศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่งผลให้ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ต้องจบชีวิตราชการ พร้อมบาดแผลคดีตากใบ

 

เมื่อปี 2555 พล.อ.พิศาล ได้ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา เกี่ยวกับเหตุการณ์ตากใบว่า “ไม่มีใครอยากให้ใครตาย ผมออกมาอนาคตหมดเลย เหลืออีก 8 ปีจะเกษียณ ไม่เหลืออนาคตอะไรเลย ไม่ได้ฝันอะไรมากมายไปกว่านี้”

 

เส้นทางชีวิตราชการทหารของ “บิ๊กอ๊อด” พล.อ.พิศาล หลังเรียนจบโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 9 และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ารุ่นที่ 20 ก็ไปรับราชการในพื้นที่ภาคใต้ตั้งแต่ปี 2523

 

สมัยรัฐบาลทักษิณ บิ๊กอ๊อดเป็นผู้ช่วยคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการ ขึ้นตรงกับ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ผบ.ทบ.ในขณะนั้น

 

ปี 2547 พล.อ.พิศาล ชาวเชียงใหม่ ขยับเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 โดยการสนับสนุนของ พล.อ.ชัยสิทธิ์ และจากนั้นไม่นาน เกิดเหตุควบคุมการชุมนุมของชาวบ้านด้านหน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส ลุกลามบานปลาย มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผบ.ทบ.ขณะนั้น ได้ลงนามให้ พล.อ.พิศาลไปช่วยราชการที่กองทัพบก ก่อนจะถูกโยกเข้ากรุไปเป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ประจำสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม

 

ในอ้อมอกเพื่อไทย

 

ปี 2554 สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ พล.อ.พิศาล โผล่เป็นที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ (ธีระ วงศ์สมุทร) เนื่องจากรู้จักกันเป็นการส่วนตัวกับธีระ ตั้งแต่สมัยรับราชการเป็นอธิบดีกรมชลประทาน

 

หลังจากนั้น พล.อ.พิศาลก็หายไปจากพรรคเพื่อไทย กระทั่ง ต้นปี 2565 พล.อ.พิศาล ไปปรากฏตัวในงานเปิดตัว “จ่ายุทธ” ยุทธศักดิ์ ชูประเสริฐ ว่าที่ผู้สมัคร สส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย พร้อมกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี

 

ปี 2566 พล.อ.พิศาล เป็นผู้สมัคร สส.ระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 27 พรรคเพื่อไทย จึงเดินทางไปช่วยหาเสียงให้จ่ายุทธ ผู้สมัคร สส.ปทุมธานี และหลังเลือกตั้ง บิ๊กอ๊อดได้รับเลือกเป็น สส.บัญชีรายชื่อ

 

ช่วงการจัดตั้งรัฐบาลเศรษฐา สุทิน คลังแสง ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม ก็มีข่าว พล.อ.พิศาล ติดโผที่ปรึกษา รมว.กลาโหม ซึ่งคอการเมืองอาจลืมชื่อของอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ไปแล้ว สุดท้ายบิ๊กอ๊อด ก็ไม่ได้เป็นที่ปรึกษา รมว.กลาโหม

 

จังหวะที่เปลี่ยนผ่านจากรัฐบาลเศรษฐา เป็นรัฐบาลแพทองธาร ศาลจังหวัดนราธิวาส ก็ประทับรับฟ้อง 7 ผู้ต้องหาคดีตากใบ และหนึ่งในนั้นคือ พล.อ.พิศาล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย

 

แม้วันนี้ บิ๊กอ๊อดจะชิงลาออกจาก สส.เหมือนชิงดับไฟก่อนไหม้ลามพรรค แต่บาดแผลตากใบ ก็คงเขย่าขวัญนายกฯแพทองธาร และพรรคเพื่อไทยไปอีกนาน