คอลัมนิสต์

ลดอหังการ์ “ทักษิณ” กินทีละคำ “200 เสียง” ดันบ้านใหญ่ปิดจุดอ่อนเหนือ-อีสาน

ลดอหังการ์ “ทักษิณ” กินทีละคำ “200 เสียง” ดันบ้านใหญ่ปิดจุดอ่อนเหนือ-อีสาน

21 พ.ย. 2567

มนต์ขลังไม่เหมือนเดิม “ทักษิณ” กินทีละคำ “200 เสียง” รู้ตัว “แพทองธาร” เรตติ้งไม่สูงลิ่ว เพื่อไทยไม่แลนด์สไลด์

ลดอหังการ์ ทักษิณ ขอพอเพียง 200 เสียง แพทองธาร เรตติ้งไม่สูงลิ่ว เพื่อไทยไม่แลนด์สไลด์ แต่วาดฝันอันดับหนึ่ง

 

กางแผนที่ทั่วไทย ทักษิณ รู้ประมาณตน ขอปักหมุดทวงคืนเก้าอี้ สส.ที่หายไปให้ได้ครบ ก็ทะลุเป้า 200 เสียง

 

การตั้งเป้า 200 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ทำให้หลายคนประหลาดใจ ทำไม ทักษิณ ชินวัตร ผู้เคยทุบสถิติคว้า 377 ที่นั่ง สมัยพรรคไทยรักไทย จึงหดเป้าลงเยอะขนาดนั้น

หากกลับไปมองการเลือกตั้งปี 2566 พรรคเพื่อไทย ออกแคมเปญหาเสียง “เพื่อไทยแลนด์สไลด์ 310 เสียง” แต่ทำได้จริงแค่ 141 เสียง เป็นผลการเลือกตั้งที่ย่ำแย่ นับแต่ก่อตั้งพรรคไทยรักไทยเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว

 

การเพลี่ยงพล้ำในการเลือกตั้งหนที่แล้ว ทำให้นายใหญ่ และแกนนำเพื่อไทย ต้องคิดใหม่ ทำใหม่

 

ด้วยเหตุนี้ ทักษิณ ชินวัตร จึงไปประกาศบนเวทีปราศรัยช่วย ศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัคร นายก อบจ.อุดรธานี เมื่อเย็นวันที่ 14 พ.ย.2567

 

“รับรองคราวหน้าไม่มีแพ้ ประเมินแบบผู้สันทัดกรณีเลือกตั้งคราวหน้า เพื่อไทยไม่มีต่ำกว่า 200 เสียง”

 

เดาใจทักษิณที่วางเป้า 200 ที่นั่ง น่าจะคิดถึงการเลือกตั้งปี 2554 ซึ่งประสบความสำเร็จใจปลุกกระแสนารีขี่ม้าขาว กวาดเก้าอี้ สส.ได้ 265 ที่นั่ง

 

เมื่อถึงยุคนารีชื่อ แพทองธาร ชินวัตร ดูทรงแล้วไม่เปรี้ยงเหมือนยิ่งลักษณ์ มิหนำซ้ำ ยังมีพรรคประชาชน เป็นคู่แข่งที่น่ากลัว

 

ฉะนั้น การตั้งเป้า 200 เสียง จึงสอดรับกับสภาพเป็นจริง และนายใหญ่รู้จักประมาณตน ลดอหังการ์เคยยิ่งใหญ่ได้ 377 เสียง ลงไปเยอะ

ปิดจุดอ่อนเหนือ-อีสาน

 

สมัยที่แล้ว เพื่อไทยได้ สส.เขต 112 ที่นั่ง ต้องสูญเสียเก้าอี้ สส.ในภาคเหนือและภาคอีสานให้พรรคคู่แข่งมากเกินไป จึงต้องกลายเป็นอันดับ 2 รองจากพรรคประชาชน

 

ภาคเหนือ เป็นที่มั่นบ้านเกิดของตระกูลชินวัตร โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบน เพื่อไทยชนะยกจังหวัดมาโดยตลอด

 

เพื่อไทยชนะยกจังหวัดเพียง 3 จังหวัดคือ น่าน , แพร่ และอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นจังหวัดเล็ก มี สส. 3 คน

 

สนามเชียงใหม่ เหลือแค่ 2 ที่นั่ง เชียงราย 5 ที่นั่ง ลำปาง 1 ที่นั่ง และลำพูน 1 ที่นั่ง ซึ่งจังหวัดเหล่านี้ เพื่อไทยชนะยกจังหวัดมาตลอด

 

เมื่อ ทักษิณ กลับมาแล้ว คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะดึงฐานเสียงเก่ากลับมา โดยอาศัยสมรภูมิ นายก อบจ. ต้นปีหน้า เป็นบททดสอบบารมีนายใหญ่

 

ส่วนเหนือตอนล่าง สมศักดิ์ เทพสุทิน ประสาน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า คงทวงคืนเก้าอี้ สส.ที่หายไปกลับคืนมาได้

 

ข้ามทางไปทางภาคอีสาน หากเพื่อไทยไม่พลาดท่าเสียที่นั่งในอีสานไปมากถึง 58 ที่นั่ง ก็คงเป็นพรรคอันดับหนึ่ง ชนะพรรคประชาชน

 

ปี 2562  อีสานตอนบน-ตอนกลาง เพื่อไทยชนะยกจังหวัด 10 จังหวัด แต่ปี 2566 เหลือแค่ 2 จังหวัดคือ เลย และหนองบัวลำภู 

 

เวลานี้ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และมนพร เจริญศรี ได้จัดทัพบ้านใหญ่เกือบเต็มพื้นที่ภาคอีสานแล้ว หากเลือกตั้งเมื่อใด ก็พร้อมรบเต็มที่

 

ดึงบ้านใหญ่คืนบ้านเก่า

 

โจทย์ยากของทักษิณ และแกนนำพรรคเพื่อไทย หากต้องการ 200 เสียงในการเลือกตั้งสมัยหน้า ต้องแก้ไข 3 จุดยุทธศาสตร์เป็นการเร่งด่วน

 

สมรภูมิแรก กรุงเทพมหานคร ที่เหลือ สส.เพียง 1 ที่นั่ง ซึ่งสนามนี้เป็นโจทย์ยาก เพราะผลแพ้ชนะว่าด้วยเรื่องกระแสล้วนๆ

 

สมรภูมิที่สอง ภาคกลาง รวมทั้งลุ่มเจ้าพระยา-ป่าสัก แม่กลองและสุดเขตแดนประจิมทิศ

 

ทักษิณเคยใช้บริการ “บ้านใหญ่” ยึดครองพื้นที่เหล่านี้ ปัจจุบัน เพื่อไทย เหลือแค่กาญจนบุรี ที่ได้ 4 ที่นั่ง , ปทุมธานี 1 ที่นั่ง , สระบุรี 1 ที่นั่ง และลพบุรี 1 ที่นั่ง

 

สมรภูมิที่สาม ภาคตะวันออก พรรคประชาชน(ก้าวไกล) กวาดยกภาค ขณะที่เพื่อไทยก็แพ้ย่อยยับ

 

เฉพาะภาคกลางและภาคตะวันออก ทักษิณต้องเจรจาดึงบ้านใหญ่ให้กลับมาบ้านเก่า จึงจะเพิ่มจำนวน สส.ที่ขาดหายไปได้