
กล้าชน "ธรรมนัส" เบียดไหล่บ้านใหญ่ "น้ำเงิน" ตั้งเป้าพรรคกล้าโต 60 ที่นั่ง
กล้าโตข้ามคืน "ธรรมนัส" ยี่ห้อนี้การันตีพรรค "บ้านใหญ่" ตั้งเป้า 60 ที่นั่ง กล้าชนเบียดไหล่ "น้ำเงิน"
ร้อนแรง ธรรมนัส ยี่ห้อนี้การันตี พรรคบ้านใหญ่ กล้าโตชั่วข้ามคืน ตั้งเป้า 60 ที่นั่ง เบียดพรรคสีน้ำเงิน
วิถีผู้กองเมืองพะเยา ผ่านด่านทดสอบมาเยอะ จะคัมแบ็ครัฐมนตรีหรือไม่ คงเป็นเรื่องวาสนาฟ้าลิขิต
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทีมข่าวเนชั่นทีวี ได้เปิดใจ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม เล่าเรื่องการสร้างพรรคการเมืองที่เปิดตัวคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ไปแล้ว
ร.อ.ธรรมนัส ยืนยันว่า พรรคกล้าธรรม ไม่ใช่พรรคอะไหล่ หรือพรรคเฉพาะกิจ โดยวางยุทธศาสตร์พรรค ที่จะให้มีสมาชิกพรรค และว่าที่ผู้สมัคร สส.ครบทุกจังหวัด
“..ตั้งเป้าจะให้ได้ สส. 50-60 คน ในการเลือกตั้งครั้งหน้า” ผู้กองธรรมนัส ประเมินสถานการณ์ของพรรคกล้าธรรม ในปี 2570
หากยึดตามแนววิเคราะห์การเมือง 3 ก๊ก ในสมรภูมิเลือกตั้ง สส.ครั้งหน้า พรรคสีแดงและพรรคสีส้ม คงยืนลำดับหัวแถว ได้ สส.เกินร้อยที่นั่ง ใครจะยืนที่ 1 หรือที่ 2 ต้องดูกระแสในช่วงนั้น
ส่วนพรรคสีน้ำเงิน คงไม่หนีไปจากเดิมก็ประมาณ 60-70 ที่นั่ง เมื่อกุนซือพรรคกล้าธรรม ลั่นคำโตๆ ขอแจ้งเกิด 60 ที่นั่ง เท่ากับว่า สองพรรคนี้คงวิ่งเบียดไหล่กันเข้าป้ายเป็นลำดับที่ 3 อย่างแน่นอน
เบื้องต้น พรรคกล้าธรรม มี สส.ในสภาฯ 24 คน แยกเป็น สส.เขต 20 คน และ สส.บัญชีรายชื่อ 4 คน
สส.บัญชีรายชื่อ ประกอบด้วย เชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ ,กฤดิทัช แสงธนโยธิน ,บัญชา เดชเจริญศิริกุล และปรีดา บุญเพลิง
ขุมกำลังพรรคบ้านใหญ่
วิถีพรรคกล้าธรรม เป็นแนวพรรคบ้านใหญ่ ไม่ใช่พรรคกระแส จึงให้ความสำคัญกับ สส.เขต เหมือนกับพรรคภูมิใจไทย
เฉพาะ สส.เขต ในสภาฯ 20 คน ที่อพยพมาจากพรรคพลังประชารัฐ สามารถจำแนกเป็นรายภาค ดังนี้
ภาคเหนือ 8 คน : ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา, อนุรัตน์ ตันบรรจง สส.พะเยา,จีรเดช ศรีวิราช สส.พะเยา, ไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร ,เพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ สส.กำแพงเพชร, นเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ สส.เชียงใหม่,ปกรณ์ จีนาคำ สส.แม่ฮ่องสอน และภาคภูมิ บูลย์ประมุข สส.ตาก
สมรภูมิภาคเหนือตอนล่าง ยังเปิดกว้างสำพรับพรรคผู้กอง ไม่ว่าจะเป็นพิจิตร, พิษณุโลก และตาก
ภาคอีสาน 3 คน : จำลอง ภูนวนทา สส.กาฬสินธุ์, รัชนี พลซื่อ สส.ร้อยเอ็ด และอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ
สนามเลือกตั้งภาคอีสาน ในวันที่กระแสเพื่อไทย ไม่ได้แรงจัดเท่ากับปี 2554 ฉะนั้น กล้าธรรมที่วางแผนปั้น สส.เขตฐานแน่น ก็แจ้งเกิดได้อีกพอสมควร
ภาคกลาง 6 คน : ชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ สส.ราชบุรี, จตุพร กมลพันธ์ทิพย์ สส.ราชบุรี, บุญยิ่ง นิติกาญจนา สส.ราชบุรี, สะถิระ เผือกประพันธุ์ สส.ชลบุรี,องอาจ วงษ์ประยูร สส.สระบุรี และอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา
ภาคกลางน่าจะเป็นพื้นที่เป้าหมายหลักของพรรคกล้าธรรม เพราะตลาด สส.เปิดกว้าง ไม่มีพรรคไหนผูกขาด
ภาคใต้ 3 คน : สัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส ,อามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส และชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา
14 จังหวัดปักษ์ใต้ ไม่ต่างจากสมรภูมิภาคกลาง ที่เปิดกว้าง และ ร.อ.ธรรมนัส ก็น่าจะมุ่งมั่นปักธงกล้าธรรม อย่างน้อย 7-8 ที่นั่งก็ควรจะได้บ้าง
ตอกเสาเข็มท้องถิ่น
การเลือกตั้งนายก อบจ.ที่เพิ่งผ่านไป ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้ส่งผู้สมัครนายก อบจ. 4 จังหวัดคือ สุราษฏร์ธานี พงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว, นราธิวาส อับดุลลักษณ์ สะอิ ,หนองบัวลำภู ศรัณยา สุวรรณพรหม และสมุทรสงคราม เจษฎา ญาณประภาศิริ
ปรากฏว่า พรรคกล้าธรรมได้ 2 จังหวัดคือ ศรัณยา สุวรรณพรหม ว่าที่นายก อบจ.หนองบัวลำภู และเจษฎา ญาณประภาศิริ ว่าที่นายก อบจ.สมุทรสงคราม
ไม่นับ สจ.จอย-ณภาภัช อัญชสาณิชมน ว่าที่นายก อบจ.ปราจีนบุรี ที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้กองเป็นการส่วนตัว
สำหรับ “กำนันศักดิ์” พลาดเป้าไม่เข้าป้าย แต่ก็มี สส.สุราษฏร์ พรรครวมไทยสร้างชาติ 2 คนอยู่ในมือ และนับรวมเป็น สส.กล้าธรรม ที่ฝากเลี้ยงไว้ที่ รทสช.
การตอกเสาเข็ม อบจ.ได้ ถือเป็นบันไดขั้นแรกที่จะต่อยอดไปสู่สนามการเมืองระดับชาติ