
ขบเหลี่ยม "อนุทิน" โชว์เกรียน "นายใหญ่" จับจังหวะเชือด 44 ส้มทิ้งน้ำเงิน
ฉีกปฏิญญามาม่า "อนุทิน" โชว์เกรียน ลุ้น "นายใหญ่" จับจังหวะเชือด 44 สส.ส้ม เขี่ยทิ้งน้ำเงิน กล้าธรรมเสียบ
ฉีกปฏิญญามาม่า อนุทิน โชว์เกรียนปะทะเหลี่ยม ลุ้นนายใหญ่ จับจังหวะเชือด 44 สส.พรรคส้ม เข้าทางเขี่ยทิ้งน้ำเงิน
จับตาอย่าได้กะพริบ ฉากหน้า ครม.ตบจูบ เฮฮาปาร์ตี้ ฉากหลังเสียบกันทุกจังหวะ ปัดแข้งปัดขาชุลมุน อีกไม่นานคงแตกหัก
ครม.สัญจรที่ปักษ์ใต้ สื่อทุกสำนัก คงโฟกัสไปที่หนีความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งเรื่องเกมแก้รัฐธรรมนูญ และสงครามตัวแทนเรื่องที่ดินเขาใหญ่รุกที่ ส.ป.ก.
อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ระเบิดอารมณ์คำว่า “หน้าตัวเมีย” ตามด้วยวลี “การเมือง 500 ล้านเปอร์เซ็นต์”
กูรูการเมืองวิเคราะห์ว่า “ผู้นำหลังม่าน” คงรอจังหวะเวลาที่เหมาะสม เพราะในอนาคต จะเกิดปรากฏการณ์ “ฟัน 44 ส้ม” และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในตัวเลข สส.ทั้งสภา
สัปดาห์ที่แล้ว สำนักงาน ป.ป.ช. ทำหนังสือตีตรา "ลับ" ถึงอดีต สส.พรรคก้าวไกล 44 คน ที่ถูกร้องว่าทำผิด ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีเข้าชื่อเสนอร่างแก้ไขมาตรา 112 และกรณีใช้ตำแหน่ง สส.ยื่นศาลขอประกันตัวให้แกนนำม็อบสามนิ้ว ที่เคลื่อนไหวแก้ ม.112 และเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันฯ
สส.พรรคส้ม ทั้งที่ยังเป็น สส. และอดีต สส. ต้องเข้าคิวไปชี้แจงต่อ ป.ป.ช. และรอลุ้นฟังการชี้มูลด้วยใจระทึกยิ่ง
หากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิด และส่งเรื่องไปยังศาลฎีกา อดีต สส.ก้าวไกลทั้งหมดต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งในจำนวน 44 คนนี้ มี 25 คน ที่ยังมีสถานะเป็น สส.อยู่ในสภาชุดปัจจุบัน สังกัดพรรคประชาชน
จำนวน สส.ที่หายไปอีก 25 คน เพราะปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ทำให้เสียงในสภาลดลง และเสียง “กึ่งหนึ่งของสภา” ก็จะเหลือราว 235 เสียงเท่านั้น
ปรากฏการณ์เชือดส้ม จึงเปิดทางพรรคเพื่อไทย สามารถปรับ ครม.ได้แบบไม่เกรงใจใคร โดยเขี่ยพรรคร่วมรัฐบาล ที่ชอบรำวงออกไปได้
จับจังหวะเชือดส้ม
ปรากฏการณ์ “เชือด สส.ส้ม” นั้น ไม่น่าจะมาเกี่ยวกับเสถียรภาพรัฐบาลแพทองธาร บังเอิญว่า รัฐบาลข้ามขั้ว แดง-น้ำเงิน ปะทะกันมาหลายรอบ แรกๆ ก็ว่าแค่ละครตบจูบ แต่หลังๆ ชักจะบานปลาย
ลองมาลำดับไทม์ไลน์กรณี 44 สส.ส้ม หลังจากนั้นคณะกรรมการไต่สวนจะรวบรวมคำชี้แจง ก่อนเสนอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ลงมติ ว่าจะชี้มูลแจ้งข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการหรือไม่
ถ้าคณะกรรมการ ป.ป.ช.ลงมติชี้มูลความผิด ว่ามีการฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ด้วยคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ก็จะส่งสำนวนไปให้ศาลฎีกาพิจารณา
เมื่อศาลฎีการับคำร้อง ผู้ถูกกล่าวหาต้อง “หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว”โดยอัตโนมัติ ยกเว้นศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
อดีต สส.ก้าวไกล 44 คน ที่ถูกคณะกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด มีอยู่ 25 คน ที่เป็น สส.ในสภาปัจจุบัน สังกัดพรรคประชาชน
ดังนั้น ช่วงที่ศาลฎีการับคำร้อง และ 25 สส.ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ (กรณี ป.ป.ช.ชี้มูลครบทุกคน) จะเป็นช่วงสุญญากาศประมาณ 1 ปี
จำนวน สส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ในสภาฯ จะหายไปอีก 25 คน เหลือ สส.แค่ 468 คน เสียงกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร จะอยู่ที่ 234-235 เสียงเท่านั้น
พรรคเพื่อไทย จะมี “อำนาจต่อรอง” ในการปรับ ครม.มากขึ้น เนื่องจากต้องการเสียงสนับสนุนน้อยลง อาจตัดสินใจเขี่ย “พรรคน้ำเงิน” ออกจากรัฐบาลได้เหมือนกัน
เกมเปลี่ยนพรรคร่วม
เชื่อกันว่า หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะมีปรับ ครม.แน่นอน เพียงแต่ตำแหน่งไหน ยังจะเขย่าได้อีกนาน และอาจจะถึงขั้นปรับ “พรรคร่วมรัฐบาล” หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ผู้สันทัดกรณีทางการเมือง จึงให้จับตาการเคลื่อนไหวของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และพรรคกล้าธรรม
หลายครั้งหลายหน จะเห็นผู้กองธรรมนัส อาสารบแทนนายใหญ่ หวังกระชับความสัมพันธ์ให้แนบแน่น เผื่อต้องปรับเปลี่ยนพรรคร่วมรัฐบาล
เวลานี้ พรรคกล้าธรรม มี สส.อยู่ในมือ 24 ที่นั่งก็จริง แต่ขยับเป็น 35-40 ที่นั่งได้ หากพรรคภูมิใจไทย มี สส. 69 ที่นั่ง(สส.หยุดปฏิบัติหน้าที่ 2 คน) ถูกเขี่ยทิ้ง ก็ทดแทนได้ทันที
เรื่องวิบากกรรม สส.สีส้ม จึงมาเกี่ยวข้องกับ “เกมอำนาจ” ในรัฐบาลข้ามขั้วด้วยประการฉะนี้