คอลัมนิสต์

ส.ท.ร.แตะมือ "มินอ่องหล่าย" จีนลุย "เมียวดี" จบแก๊งคอลฯ ระทึกศึกชายแดน

ส.ท.ร.แตะมือ "มินอ่องหล่าย" จีนลุย "เมียวดี" จบแก๊งคอลฯ ระทึกศึกชายแดน

17 ก.พ. 2568

เกมเมืองบาป "มินอ่องหล่าย" เปิดทาง "หลิว จงอี้" ลุยชเวก๊กโก่ "ส.ท.ร." ตัวละครลับ จับตาศึกพม่าทวงคืนเมียวดี

ล้างเมืองบาป มินอ่องหล่าย ไฟเขียว หลิว จงอี้ ลุยเมียวดี ลึกไปกว่านั้น ทักษิณ ตัวละครลับ ร่วมมือพม่ากดดัน BGF

มือปราบหลิว ตัวแทนปักกิ่ง เกาะติดล้างเมืองบาปเมียวดี ปิดฉากศึกแก๊งคอลฯ ระวังไฟสงครามชายแดนปะทุ

ยุทธการล้างเมืองบาปเมียวดี หลิว จงอี้ มือปราบแก๊งคอลฯจากปักกิ่ง กลายเป็นประเด็นถกเถียงในโซเชียล บ้างก็ว่ารัฐบาลไทยไปอยู่ไหน บ้างก็ว่าจีนท้วงละเมิดอธิปไตยไทย

จริงๆ แล้ว ปฏิบัติการกวาดล้างแก๊งคอลฯ ฝั่งเมียวดี ปี 2568 เป็นความร่วมมือของ 3 ประเทศคือ จีน เมียนมา และไทย ที่มีลักษณะเฉพาะแบบคนการเมืองอาเซียน

ดังนั้น ความสำเร็จของหลิว จงอี้ ปฏิเสธการทูตใต้ดินไม่ได้ ตัวละครอย่าง ทักษิณ ชินวัตร หรือที่เรียกตัวเองว่า ส.ท.ร. และ พล.อ.อาวุโส มิน อ่องหล่าย มีบทสำคัญต่อการกดดัน พล.ต.ซอ ชิตตู่ ผบ.กองกำลัง BGF และผู้นำกองกำลัง DKBA

เมื่อฝั่งไทยเริ่มมาตรการ 3 ตัด ตัดไฟ ตัดน้ำมัน และตัดเน็ต ทางฝั่งเมียนมา ก็กดดันตัดน้ำมัน

กระทั่ง พล.อ.ซอ ชิตตู่ ยอมเคลียร์พื้นที่ย้ายนายทุนจีน ออกจากเมืองใหม่ไปอยู่เมืองพะอัน เมืองหลวงรัฐกะเหรี่ยง และเปิดปฏิบัติการกวาดล้างแก๊งคอลฯ
 

หลิว จงอี้ จบภารกิจปราบแก๊งคอลฯ เมียวดี

14 ก.พ.2568 หลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน ไปเนปิดอว์ เมียนมา พบรัฐมนตรีเมียนมา และไฟเขียวให้เข้าเมืองเมียวดีได้

16 ก.พ.2568 หลิว จงอี้ ข้ามแดนไปเมืองเมียวดี ประชุมร่วมกับ พล.ท.ทุน ทุน หน่อง รมว.มหาดไทย, ข่าย ทุนอู ปลัดมหาดไทย และ พล.ต.ต.วิน ซอ โม ผบ.ตร.เมียนมา เรื่องการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์

17 ก.พ.2568 หลิว จงอี้ ข้ามน้ำเมยอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ศูนย์คัดกรองเหยื่อการค้ามนุษย์ เมืองใหม่ชเวก๊กโก่ ซึ่งมีชาวจีน และชาติอื่นอยู่ในศูนย์นี้ประมาณพันกว่าคน

ที่เมืองชเวก๊กโก่ หลิว จงอี้ ได้พบ พ.ท.ติ่นวิน รอง ผบ.กองกำลัง BGF แต่ไม่ได้พบ พล.ต.ซอ ชิตตู่ ผู้นำ BGF

วันเดียวกัน พล.ต.ชิตตู่ เปิดการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ โดยระบุว่า ตนยังไม่ได้พบตัวแทนผู้นำจีน และไม่ได้คุยด้วย แต่ทาง BGF ได้เขียนจดหมายผ่านตัวแทนของฝ่ายไทยไปแล้ว

วาระของเมียนมา 

 

นับแต่กองพัน 275 ค่ายผาซอง ถูกกะเหรี่ยง KNU ตีแตก เมื่อเดือน เม.ย.2567 เมืองเมียวดีก็เป็น “เขตปลอดอำนาจเนปิดอว์” แม้จะมีเจ้าหน้าที่ ตม.เหลืออยู่บ้าง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก

พล.อ.อาวุโส มิน อ่องหล่าย อาศัยจังหวะที่จีนต้องการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในรัฐกะเหรี่ยง เปิดการเจรจากดดัน พล.ต.ซอ ชิตตู่ ที่ควบเมืองเมียวดี และเมืองใหม่ทั้งหลาย ในที่สุด ชิตตู่ก็ยินยอมให้ความร่วมมือกวาดล้างแก๊งคอลฯ

การที่ รมว.มหาดไทย และ ผบ.ตร.เมียนมา มาปรากฏตัวที่เมืองเมียวดี ย่อมเป็นการประกาศให้รู้ว่า สภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) กำลังจะทวงคืนเมืองเมียวดีอย่างเต็มรูป

ภาพเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของเมียนมา นั่งทำงานเต็มอัตราในศูนย์คัดกรองเหยื่อการค้ามนุษย์ นับว่าเป็นก้าวแรกของการทวงคืนเมียวดีแบบเนียนๆของมินอ่องหล่าย


วาระของไทย

 

รัฐบาลไทย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลเศรษฐา และรัฐบาลแพทองธาร ต่างมีความต้องการจะฟื้นฟูช่องทางการค้าขายชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ให้กลับมาสู่ภาวะปกติ

เนื่องจากทางหลวงเอเชียสาย 1 (Asian Highway1- AH-1) ถูกปิดตายมาปีเศษ หลังกองกำลัง KNU/KNLA ระเบิดสะพาน และสกัดทหารเมียนมา

ทางหลวงเอเชียสาย 1 มีระยะทาง 1,500 กม. จากเมืองเมียวดี ไปจนถึงทามู พรมแดนเมียนมา-อินเดีย ซึ่ง เป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญเส้นหนึ่งในภูมิภาค โดยเฉพาะพื้นที่เมียวดี มีการค้าบริเวณพรมแดนมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี

ปลายปีที่แล้ว สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU ,BGF และ DKBA ได้ประชุมหารือเรื่องการเปิดทางหลวงเอเชีย แต่ทาง KNU ไม่ยอมให้เปิดเส้นทาง เพราะเกรงว่า กองทัพเมียนมา จะอาศัยทางหลวงเอเชีย AH-1 เป็นช่องทางในการรุกคืบมายังเมียวดีได้

หากปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมืองบาปหมดไป ก็คงจะตามมาด้วยสงครามใหญ่ ระหว่างทหารเมียนมา และกะเหรี่ยง KNU ในหน้าแล้งนี้