คอลัมนิสต์

คุยไปรบไป "เนวิน" ดอดพบ "ทักษิณ" ก่อนซักฟอกอิ๊งค์ ไร้เคลียร์ใจ-รุกคดีฮั้ว สว.

คุยไปรบไป "เนวิน" ดอดพบ "ทักษิณ" ก่อนซักฟอกอิ๊งค์ ไร้เคลียร์ใจ-รุกคดีฮั้ว สว.

05 มี.ค. 2568

อดีตมันจบไปนานแล้ว "เนวิน" พบ "ทักษิณ" ครั้งที่ 3 ไม่มีเคลียร์ใจ ไม่แตะคดีฮั้ว สว. คุยไปรบไป จนกว่าวันนั้นจะมาถึง

ครั้งสุดท้ายหรือไม่ เนวิน มุดบ้านจันทร์พบ ทักษิณ ถกเรื่องนโยบายรัฐบาล ไม่มีเคลียร์ใจ  ไม่แตะประเด็นฮั้ว สว. 

 

อดีตมันจบไปนานแล้ว ปัจจุบันในฐานะผู้นำหลังม่าน 2 พรรคใหญ่ค้ำรัฐบาลแพทองธาร คงคุยไปรบไป จนกว่าจะยุบสภา

สัปดาห์ที่แล้ว มีข่าว ทักษิณ ชินวัตร และ แพทองธาร ชินวัตร มีนัดเคลียร์ใจกับ เนวิน ชิดชอบ และ อนุทิน ชาญวีรกูล ที่โรงแรมพูลแมน คิงพาวเวอร์ แต่นักข่าวรู้ก่อน เลยต้องเลื่อนหมายลับออกไป

ล่าสุด อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมาบอกนักข่าวว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 มี.ค. 2568 ได้พาเนวิน ชิดชอบ เข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อพูดคุยกับทักษิณ และนายกฯ แพทองธาร

หัวข้อพูดคุยกันในวันนั้น มี 2 เรื่องคือ เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ และพนันออนไลน์ ไม่มีการเคลียร์ใจใดๆทั้งสิ้น ซึ่งอนุทินยืนยันว่า ไม่ใช่การพบกันครั้งสุดท้ายแน่นอน

ขณะที่ทีมงานเนชั่นทีวี ได้ข้อมูลอินไซด์มาว่า ทักษิณ ส่งสัญญาณว่า “ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ขอให้พูดคุยกันตรงๆ อย่าตุกติก”

หลังจากนั้น ทั้ง 4 คนได้พูดคุยปมคาใจ 4 เรื่องคือ

 

  • 1.การแก้ไขรัฐธรรมนูญ
  • 2.สถานบันเทิงครบวงจร
  • 3.การพนันออนไลน์
  • 4.กฎหมายเช่าที่ดิน 99 ปี

 

แหล่งข่าวสายบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า เมื่อออกจากบ้านจันทร์ส่องหล้า เนวินก็เปิดประเด็นรัฐบาลจะทิ้งโมโตจีพี แต่จะหันไปทุ่มเทกับการแข่งฟอร์มูล่าวันแทน เนื่องจากครูใหญ่จับสัญญาณบางอย่างจากวงสนทนาที่บ้านจันทร์ได้

ท่วงทำนอง “คุยไปรบไป” ของครูใหญ่บุรีรัมย์สะท้อนว่า ความสัมพันธ์ของเนวินกับทักษิณ เปลี่ยนจากนายใหญ่กับลูกน้องเก่า เป็นผู้มากบารมีหลังม่านที่อยู่เบื้องหลังขั้วสีการเมือง
 

ภาพนายใหญ่กับลูกน้อง ปี 2548 ซึ่งในวันนี้ เนวิน-ทักษิณ สัมพันธ์ไม่เหมือนเดิม

สีแดงไม่ใช่เบี้ยล่าง


บริบทการเมืองไทยยุค “สามก๊ก” แดง น้ำเงิน และส้ม การแย่งชิงอำนาจทางการเมืองยังดำเนินไปอย่างเข้มข้น ชิงไหวชิงพริบ หักเหลี่ยมเฉือนคม แต่ไม่ถึงขั้นแตกหัก

อย่างเฉพาะคู่ขัดแย้ง “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” นับแต่มีการจัดตั้งรัฐบาลแพทองธาร ปรากฏว่า สองพรรคงัดข้อต่อรองกันตลอด ทั้งเรื่องเขากระโดง ที่ดินอัลไพน์ สนามกอล์ฟที่ปากช่อง เขาใหญ่ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แก้กฎหมายประชามติ แก้รัฐธรรมนูญ และปมฮั้วเลือก สว.

ดังนั้น การพบกันครั้งที่ 3 ณ บ้านจันทร์ส่องหล้า ระหว่างนายใหญ่และครูใหญ่ จึงไม่ใช่เกมเกี้ยเซี้ย แต่เป็นเกมต่อรอง

เนื่องจากครูใหญ่มีกองกำลัง “สว.สีน้ำเงิน” อยู่ในสภาสูง การตรากฎหมายของรัฐบาล จำเป็นต้องอาศัยเสียงสนับสนุนจาก สว. 

แม้ชั่วโมงนี้ นายกฯแพทองธาร จะถูกฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเพียงคนเดียว แต่พรรคเพื่อไทยแก้เกมด้วยการบีบวันอภิปรายเหลือเพียง 1 วัน 

มิหนำซ้ำ ผู้นำหลังม่านพรรคเพื่อไทย คาดโทษพรรคร่วมรัฐบาลว่า หากพรรคไหนโหวตไม่ครบ โดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนเพียงพอ จะเป็นสาเหตุในการปรับ ครม.ในส่วนของพรรคนั้น 

เหนืออื่นใด การเดินเกม “ล้ม สว.” ผ่านคดี “โพยฮั้ว” ในมือดีเอสไอยังดำเนินต่อไป และกดดันค่ายสีน้ำเงิน ไม่ให้เหลิงอำนาจจนเกินไป

น้ำเงินเล่นตามดีลอำนาจ


พลันที่มีข่าวหลุดออกไปว่า เนวินพบทักษิณ ตอนค่ำวันที่ 4 มี.ค. ฉะนั้น ตอนสายวันที่ 5 มี.ค. อนุทิน ชาญวีรกูล จึงตอบคำถามนักข่าวประเด็นนี้ว่า ได้คุยกันทุกเรื่อง ทั้งร่าง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร และร่าง พ.ร.บ.การพนันออนไลน์ รวมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

มท.1 ยอมรับว่า ไม่มีการเคลียร์ใจ เพราะตนคุยกับนายทักษิณ เป็นประจำอยู่แล้ว ไม่คุยโทรศัพท์ก็คุยไลน์ ไม่เคยมีอะไรที่เป็นปัญหา

ท่าทีต่อนายใหญ่ของอนุทินดังที่กล่าวมาข้างต้น สะท้อนความเป็นนักประนีประนอม แต่มีจุดอ่อนคือ ขาดจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน

ต่างจากครูใหญ่เนวิน ที่ต้องการสร้างภูมิใจไทยให้เป็นพรรคหลัก ไม่ใช่ “พรรคตัวแปร” อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

จะว่าไปแล้ว ครูใหญ่เนวินมีกองกำลังในสภาสูง และต่อรองกับพรรคนายใหญ่ได้ ก็เพราะมี “ดีลลับ” กำกับการแสดงอยู่
 

ดังนั้น ท่วงท่าคุยไปรบไป จะดำเนินไปถึงจุดแตกหักวันไหน ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ เพราะการเมืองไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้