
ศึกรบไม่จบ "เนวิน" สะดุดกินรวบ "สว.น้ำเงิน" ไปต่อ ไขปริศนาบิ๊กบอสคุมเกมอำนาจ
ไขปริศนา "บิ๊กบอส" คุมเกมอำนาจ 3 ก๊ก อุ้ม "สว.น้ำเงิน" การเมืองกินรวบส่อวิกฤต "เนวิน" ไม่พ้นวิบาก
ถอนหายใจเฮือก เนวิน คุยไปรบไป สว.น้ำเงิน ยังไปต่อ บิ๊กบอส กระโดดอุ้ม คุมเกมอำนาจ 3 ก๊ก แดง-น้ำเงิน-ส้ม
ดีเอสไอไม่เสียหน้า แม้ปมฮั้วเลือก สว. ไม่ได้เล่นยกพวง ก็ยังตามบี้คดีฟอกเงิน เป็นบ่วงผูกขา สว.น้ำเงิน ไม่ให้เหาะเหินเกินลงกา
พลันที่มติบอร์ดกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ไม่รับคดีหลักคือ อั้งยี่ ซ่องโจร โดยหันไปรับคดีฟอกเงินอย่างเดียว ก็มีการโยงกรณี 4 ผู้ยิ่งใหญ่พบกัน กับการประชุมบอร์ด กคพ. ครั้งที่ 2
จะว่าไปแล้ว การพบกันของ ทักษิณ ชินวัตร-แพทองธาร ชินวัตร และเนวิน ชิดชอบ-อนุทิน ชาญวีรกูล ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อ 2 มี.ค.2568อาจไม่มีเรื่องคดีฮั้วเลือก สว.เลยก็ได้
อนุทิน ยืนยันว่า ทั้ง 4 คนพูดคุยกัน ก็มีแค่เรื่อง พรบ.การพนันฯ คุยเรื่องลมฟ้าอากาศ แต่ไม่ได้มีเรื่องคดีฮั้ว สว.
สายข่าวใกล้ชิดบ้านจันทร์ ก็บอกคล้ายกับ มท.หนู คุยเรื่องนโยบายเรือธงรัฐบาลแพทองธาร แต่ไม่แตะเรื่องคดีฮั้วเลือก สว.
ไขปริศนาบิ๊กบอส
มีรายงานข่าวว่า ฝั่งผู้มีอำนาจค่ายสีแดง รู้ล่วงหน้าว่า จะเสียงบอร์ด กคพ. ให้มติรับคดีฮั้วการเลือก สว. ตามความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 209 (อั้งยี่) มาตรา 116 ซึ่งต้องใช้เสียง 2 ใน 3 หรือ 15 เสียงจากกรรมการทั้งหมด 22 คน คงเป็นเรื่องยาก
ดังนั้น ในวันที่ 6 มี.ค. ที่ผ่านมา ภูมิธรรม เวชยชัย ในฐานะประธานบอร์ด กคพ. จึงถกเฉพาะคดีพิเศษเรื่องฟอกเงิน ที่ดีเอสไปทำได้ โดยไม่ต้องใช้มติบอร์ด เนื่องจากมีการประเมินว่า มูลค่าทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำผิดน่าจะเกิน 300 ล้าน
อย่างไรก็ตาม เพื่อหาเกราะคุ้มกันดีเอสไอ จึงมีการโหวตของบอร์ด กคพ. โดยมีเสียงเห็นชอบ 11 เสียง ให้ดีเอสไอดำเนินคดีฟอกเงินได้ ซึ่งใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุม
จริงๆ แล้ว มีสัญญาณว่า บอร์ด กคพ. ยากที่จะหาเสียงสนับสนุนให้รับคดีฮั้ว สว. เป็นคดีพิเศษแบบเต็มๆ เพราะต้องใช้เสียงโหวต 2 ใน 3
สัญญาณที่ว่านี้คือ นายตำรวจและอดีตนายตำรวจ 3 คน ขาดประชุมทั้ง 2 นัด ซึ่งประกอบด้วย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสอบสวนคดีอาญา และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ส่วน พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ที่มาประชุมในครั้งที่ 2 ก็โหวตไม่เห็นชอบให้ดีเอสไอรับทำคดีฟอกเงิน
จึงเป็นที่มาของข่าวลือเรื่อง “ซุปเปอร์บิ๊กเนม” หรือ “บิ๊กบอส” ยื่นมือเข้ามาช่วยประสานให้ “บอร์ด กคพ.” บางกลุ่ม ปฏิบัติการช่วยต่อท่อออกซิเจนให้ “สว.สีน้ำเงิน” ได้หายใจโล่งๆ ไปอีกระยะหนึ่ง
วิกฤตการเมืองกินรวบ
การเมืองไทยใน พ.ศ.ปัจจุบัน ยังสลัดไม่พ้น “อำนาจรัฐเร้นลึก” ไม่ต่างจากยุค 3 ป.ในนามรัฐบาล คสช.ช่วง 4 ปีแรก
นัยว่า “สว.สีน้ำเงิน” เป็นนวัตกรรมการเมืองยุค 3 ก๊กคือ แดง น้ำเงิน และส้ม โดยผู้มีอำนาจหลังม่านพยายามถ่วงดุล “เกมสภา” โดยให้แดงคุมสภาล่าง และน้ำเงินคุมสภาบน
ด้วยเหตุนี้ สว.สีน้ำเงิน จึงขยับจาก 130 คน เป็น 150-160 คน เมื่อ สว.อิสระ หรือ สว.ไร้สังกัด เชื่อข้อมูลข้างต้น จึงตบเท้าเข้ามาอยู่ใต้ชายคาซอยรางน้ำ
จุดเปราะบางของ สว.สีน้ำเงิน คือ การแต่งตั้งกรรมการในองค์กรอิสระ ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. ,ศาลรัฐธรรมนูญ, กกต. ,ผู้ตรวจการแผ่นดิน ฯลฯ ซึ่งภายใน 2 ปีนี้ จะมีการเปลี่ยนถ่ายกรรมการในองค์กรอิสระแบบยกชุด
การเมืองไทย จึงเข้าสู่โหมดวิกฤตอีกครั้ง เมื่อมีการกินรวบ “องค์กรอิสระ” ตกไปอยู่ในมือคนกลุ่มเดียว เหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2548
ดังนั้น ปฏิบัติการ “เปลี่ยนสีเสื้อ สว.” จึงอุบัติขึ้น แม้จะไม่สำเร็จในเร็ววันนี้ แต่เชื่อว่า อีก 1 ปีข้างหน้า คงได้เห็นการถ่วงดุล “น้ำเงิน-แดง” ในสภาสูง