คอลัมนิสต์

ส.ท.ร.สุดที่รัก "ทักษิณ" อนุรักษ์ใหม่ ปลอบ "เสื้อแดง" ดีลลับไปต่อ ปชต.ไม่มีสีส้ม

ส.ท.ร.สุดที่รัก "ทักษิณ" อนุรักษ์ใหม่ ปลอบ "เสื้อแดง" ดีลลับไปต่อ ปชต.ไม่มีสีส้ม

17 มี.ค. 2568

ส.ท.ร.สุดที่รัก "ทักษิณ" ปลอบขวัญ "เสื้อแดง" ในนามอนุรักษ์นิยมใหม่ ดีลลับไปต่อ ประชาธิปไตยไม่มีสีส้ม

ดีลเดิมไปต่อ ทักษิณ ปลอบขวัญเสื้อแดง บริบทการเมืองเปลี่ยน เดินสายอนุรักษ์ใหม่ ประชาธิปไตยไม่มีสีส้ม


เหนือตอนล่าง จุดอ่อนเพื่อไทย สส.พลาดเป้า บ้านใหญ่ไม่แคร์ชินวัตรทักษิณยังไม่สิ้นมนต์ แต่ความขลังก็ลดลงเยอะ

วันจันทร์ที่ 17 มี.ค. 2568 ทักษิณ ชินวัตร พร้อมด้วย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และอดีตแกนนำ นปช. เดินทางไปพบคนเสื้อแดงภาคเหนือล่าง ที่ จ.พิษณุโลก ตามนัดหมาย

คนเสื้อแดงจาก 8 จังหวัดภาคเหนือตอนล่างคือ พิษณุโลก, พิจิตร,อุตรดิตถ์, กำแพงเพชร, ตาก, นครสวรรค์, อุทัยธานี และสุโขทัย ทยอยมาถึงหอประชุมอนุสรณ์ 100 ปี มหาวิทยาลัยพิษณุโลก ต.สมอแข อ.เมืองพิษณุโลก จ.พิษณุโลก ตั้งแต่ตอนใกล้เที่ยง โดยทีมงานจัดโต๊ะจีนไว้ 180 โต๊ะ รองรับมวลชน 1,200 คน

อดีตนายกฯ ทักษิณ มาถึงสถานที่จัดงานตอนบ่ายโมง และให้สัมภาษณ์ว่า มาวันนี้ไม่ใช่การปลุกระดมให้เกิดความขัดแย้งทางการเมือง และไม่ใช่การหาเสียง

“ติดหนี้ไว้นาน ที่เคยสัญญาว่ากลับมา ก็จะมาเจอบ้าง วันนี้ขยับตัวได้ จึงมาเยี่ยมเยียน...ต่อไปก็จะมีการเดินสายเยี่ยมเยียนเป็นภูมิภาคอีก เพราะตอนสมัยที่ตนอยู่ดูไบ ก็มีการประสานมาว่าจะให้ผมไปพูดที่นั่นที่นี่..”

มีข้อน่าสังเกตว่า งานนี้มีแต่อดีตแกนนำ นปช. 4-5 คน ที่มารอต้อนรับนายใหญ่ ส่วน สส.เพื่อไทยนั้น ติดประชุมสภาผู้แทนฯ และทาง “สส.บู้” จเด็ศ จันทรา สส.พิษณุโลก ก็ได้แจ้งผ่านสื่อว่า เป็นภารกิจส่วนตัวของอดีตนายกฯ ทักษิณ

ทักษิณ มามาดนิ่ม ปลุกปลอบคนเสื้อแดง ต้องเปลี่ยน

เสื้อแดงยุคอนุรักษ์ใหม่

 

บนเวทีที่มหาวิทยาลัยพิษณุโลก ทักษิณ ชินวัตร ใช้เวลาพูดคุยไม่นานนัก โดยจะเน้นคำว่า เพราะคิดถึงพ่อแม่พี่น้อง จึงมาเยี่ยมมาหา

ที่ขาดไม่ได้คือ บอกเล่าว่าตนเองได้ทำอะไรไปบ้าง หลายประเด็นก็เป็นเรื่องเก่าที่เคยเล่าบนเวทีหาเสียงนายก อบจ.ในหลายจังหวัด

มีข้อสังเกตจากเวทีมวลชนที่พิษณุโลก มีความต่างเวทีหาเสียงนายก อบจ.ที่เพิ่งจบไป

ประการแรก ทักษิณได้พยายามอธิบายถึงการเมืองช่วงเปลี่ยนผ่าน นิยามคำว่า คนเสื้อแดงคือนักสู้ประชาธิปไตย อาจไม่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน

แม้ไม่ได้บอกชัดๆ แต่บางประโยคที่พูดบนเวที ก็อนุมานได้ว่า คนเสื้อแดงมีหน้าที่และอุดมการณ์ ไม่ต่างจากลูกเสือจิตอาสา ซึ่งการจะชูธงแดนเด่นจ๋าแบบในอดีต คงไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว

ประการที่สอง หลังการเลือกตั้งนายก อบจ. ทักษิณคงเข้าใจสภาพที่เป็นจริงของคนเสื้อแดง และมนต์ขลังทักษิณที่ไม่เหมือนเดิม

ดังนั้น ทัวร์เยี่ยมคนเสื้อแดง จึงถูกวางโปรแกรมแบบเรียบง่าย โดยมีณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ,วรชัย เหมะ และโด่ง อรรถชัย อนันตเมฆ เป็นผู้ประสานกับ สส.หรืออดีต สส.ในพื้นที่ จัดส่งมวลชนมาร่วมงาน

เหนือตอนล่าง-จุดค่ายสีแดง

 

ในมิติการเลือกตั้ง สส. นับแต่มีการเลือกตั้ง สส.ปี 2562 เฉพาะสนามภาคเหนือตอนล่าง พรรคเพื่อไทยเสียแชมป์ เสียที่นั่ง สส.ให้แก่พรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังประชารัฐ

การเลือกตั้งปี 2566 สถานการณ์เพื่อไทยดีขึ้นมาบ้าง เพราะมีพื้นที่ จ.สุโขทัย ,จ.พิษณุโลก และ จ.อุตรดิตถ์ ได้ สส.เป็นกอบเป็นกำ

พิษณุโลก มี สส. 3 คนคือ จเด็ศ จันทราเขต นพพล เหลืองทองนาราและพิมพ์พิชชา ชัยศุภกิจเจริญ

สุโขทัย มี สส. 4 คนคือ พรรณสิริ กุลนาถศิริ ชูศักดิ์ คีรีมาศทอง ประภาพร ทองปากน้ำ และจักรวาล ชัยวิรัตน์นุกูล

อุตรดิตถ์ มี สส. 3 คนคือ กฤษณา สีหลักษณ์ วารุจ ศิริวัฒน์ และรวี เล็กอุทัย

ส่วนนครสวรรค์ เคยมี สส. 2-3 คน ปรากฏว่า เหลือคนเดียวคือ ทรงศักดิ์ ส่งเสริมอุดมชัย

สำหรับจังหวัดที่ไม่มี สส.เพื่อไทย ประกอบด้วยพิจิตร ตาก กำแพงเพชรและอุทัยธานี

จะว่าไปแล้ว การเมืองในภาคเหนือตอนล่าง “บ้านใหญ่” ยังแข็งแกร่ง เมื่อซุ้มบ้านใหญ่ หันหลังให้ทักษิณไปสังกัดค่ายสีน้ำเงิน หรือค่ายบ้านป่า ก็ทำให้จำนวน สส.ลดลงไปด้วย

อย่างไรก็ตาม ทักษิณคงฝากความหวังไว้กับพรรคกล้าธรรม ของ ร.อ.ธรรมนัส ที่จะอุดช่องโหว่ในสนามภาคเหนือตอนล่าง