
ดีลแลกประเทศ "ทักษิณ" ไฟต์บังคับโหนอนุรักษ์ "เนวิน" พ่อมหาจำเริญ ถนัดตบจูบ
พรรคส้มแฉดีลแลกประเทศ "ทักษิณ" ไฟต์บังคับดีลอนุรักษ์ "เนวิน" พ่อมหาจำเริญ ถนัดเล่นฉากตบจูบ
ไฟต์บังคับ ทักษิณ รับสภาพรัฐบาลข้ามขั้ว เนวิน รับบทพ่อมหาจำเริญต้องเดินต่อ ตามบทละครแนวตบจูบ
พรรคสีส้มรู้ทัน เปิดแคมเปญซักฟอกดีลแลกประเทศ แฉดีลลับฉีกสัญญาใจแดง-ส้ม แค้นนี้ต้องชำระ
ในที่สุด วิป 3 ฝ่ายได้ข้อสรุปเรื่องวันเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยกำหนดไว้ 2 วันคือ 24-25 มี.ค. และ 26 มี.ค. เป็นวันลงมติ
พรรคประชาชน จงใจใช้แคมเปญซักฟอกว่า “ดีลแลกประเทศ” ที่ต้องการให้ประชาชนเชื่อว่า มีข้อตกลงลับที่ส่งผลเสียต่อประเทศ โดยโยงไปถึงการกลับมาของบุคคลในครอบครัวของแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ฉะนั้น คำว่า บุคคลในครอบครัว จึงอาจมีการพาดพิงถึง 2 อดีตนายกฯคือ ทักษิณ ชินวัตร และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ที่มาของ “ดีลแลกประเทศ” นั้น มาจากคำให้สัมภาษณ์ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในวันที่ผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ไปออกรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ
“วาระหลักๆ มันไม่ใช่เรื่องการพัฒนาประเทศ แต่เป็นวาระเรื่องพาคุณทักษิณกลับบ้าน ย้ำอีกครั้งว่า พอไปเกิดดีลแบบนี้ ทำให้การแก้ปัญหาที่โครงสร้างมันเป็นไปไม่ได้เลย”
ธนาธร พูดถึงการจัดตั้งรัฐบาลใต้เงาดีลข้ามขั้ว และพวกเขารู้เสียใจมากที่ไม่ได้จับมือพรรคเพื่อไทย จัดตั้งรัฐบาลผสมฝ่ายประชาธิปไตย
ทักษิณ ก็รู้อยู่แก่ใจถึงเบื้องหลังการจัดตั้งรัฐบาลผสมสูตรพิสดาร ที่เป็นเสมือนไฟต์บังคับ “ดีลลับ” ต่างจากรัฐบาลไทยรักไทยในอดีต
ด้วยเหตุนี้ ทักษิณจึงไประบายความอึดอัดผ่านวลี “พ่อมหาจำเริญ” บนเวทีเสื้อแดงพิษณุโลก เมื่อไม่กี่วันมานี้
พ่อมหาจำเริญสีน้ำเงิน
ในวันที่ ทักษิณ ไปพูดกับคนเสื้อแดงภาคเหนือล่างที่มหาวิทยาลัยพิษณุโลก มีการหลุดคำพูดว่า “พ่อมหาจำเริญ” ถึง 2 ครั้ง
ครั้งแรก ช่วงที่ทักษิณบอกเล่าถึงการทำงานในรัฐบาลผสมสูตรพิสดาร ที่มีพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรค หลายขั้วสี
ครั้งที่สอง ทักษิณพาดพิงการทำงานของข้าราชการในกระทรวงทบวงกรมต่างๆ
สังเกตจากการขึ้นเวทีปราศรัยในหลายครั้ง ทักษิณจะบอกเล่าสาเหตุความล่าช้าในการทำงานของรัฐบาลแพทองธาร เพราะเป็นรัฐบาลผสม
“พรรคเรามีขนาดเล็กลง มีรัฐมนตรีดูแลกระทรวงน้อยลง เป็นรัฐบาลผสมบางทีทำงานกันไม่ค่อยคล่องตัว พยายามทั้งนวดทั้งบีบให้ช่วยกัน...พ่อมหาจำเริญช่วยทำงานหน่อยเถอะ ไม่อย่างนั้นบ้านเมืองไปไม่ได้”
ภายใต้ไฟต์บังคับ “ดีลลับอนุรักษ์นิยม” ทักษิณก็ต้องอดทนทำงานร่วมกับพรรคการเมืองต่างขั้วสี
พ่อมหาจำเริญในที่นี้จะเป็นใครไปไม่ได้ หากไม่ใช่ เนวิน ชิดชอบ และอนุทิน ชาญวีรกูล
นักข่าวถามประเด็นความสัมพันธ์พรรคเพื่อไทย-พรรคภูมิใจไทย และถูกถามนำว่า อยู่กันแบบตบจูบตลอด อดีตนายกฯ ทักษิณ ตอบแบบอารมณ์ดีว่า “..ก็ไม่เป็นไร มันก็ออกรสชาติดีนะ มีรสชาติดี”
ย้อนไปเมื่อค่ำวันที่ 14 มี.ค.2568 ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ ทักษิณ ยอมรับว่า อนุทิน-เนวิน เข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า ได้พูดคุยกันหลายเรื่อง
“ในฐานะเป็นคนแก่ทางการเมือง มีคนแวะเข้าไปขอคำปรึกษา เคยเป็นหัวหน้าพรรค เขาเคยเป็นลูกพรรค เป็นเรื่องธรรมดาไม่มีอะไร”
พ่อมหาจำเริญในเครื่องแบบ
นอกจากพรรคร่วมรัฐบาลอย่างภูมิใจไทย ทักษิณยังต้องเผชิญหน้ากับ “พรรคข้าราชการ” ซึ่งมีความแข็งแกร่งมากขึ้นในยุค 3 ป.ครองเมืองมา 8 ปี
ดังนั้น ทักษิณจึงหลุดคำว่า “พ่อมหาจำเริญ ใช้เงินหน่อยเถอะ” กรณีที่เขาอ้างว่า พบเม็ดเงินจำนวนมากอยู่ในกระทรวงต่างๆ แต่นำออกมาใช้ล่าช้า ค้างอยู่ในท่อ พยายามแนะนำให้เร่งนำออกมาใช้โดยเร็ว
เหมือนวันที่ทักษิณไปทำบุญที่นครศรีธรรมราช โดยช่วงที่ปราศรัยกับชาวบ้าน ทักษิณชี้ว่า “...ทำไมงานมันถึงไม่ออก ก็พบว่ายังมีเงินค้างท่อในระบบงบประมาณจำนวนมาก โดยที่ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน ก็ผลักดันออกไปได้...จากนี้ไปนายกฯจะผลักดันให้เงินออกสู่ประชาชนให้มากที่สุด เพื่อให้เศรษฐกิจมันฟื้นโดยเร็ว”
วิธีคิดแบบพรรคข้าราชการคือ Routine Government ขณะที่ทักษิณต้องการให้ “พ่อมหาจำเริญ” กล้าคิดนอกกรอบ