คอลัมนิสต์

ดีลแลกประเทศ "ทักษิณ" ไฟต์บังคับโหนอนุรักษ์ "เนวิน" พ่อมหาจำเริญ ถนัดตบจูบ

ดีลแลกประเทศ "ทักษิณ" ไฟต์บังคับโหนอนุรักษ์ "เนวิน" พ่อมหาจำเริญ ถนัดตบจูบ

19 มี.ค. 2568

พรรคส้มแฉดีลแลกประเทศ "ทักษิณ" ไฟต์บังคับดีลอนุรักษ์ "เนวิน" พ่อมหาจำเริญ ถนัดเล่นฉากตบจูบ

ไฟต์บังคับ ทักษิณ รับสภาพรัฐบาลข้ามขั้ว เนวิน รับบทพ่อมหาจำเริญต้องเดินต่อ ตามบทละครแนวตบจูบ

 

พรรคสีส้มรู้ทัน เปิดแคมเปญซักฟอกดีลแลกประเทศ แฉดีลลับฉีกสัญญาใจแดง-ส้ม แค้นนี้ต้องชำระ

ในที่สุด วิป 3 ฝ่ายได้ข้อสรุปเรื่องวันเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยกำหนดไว้ 2 วันคือ 24-25 มี.ค. และ 26 มี.ค. เป็นวันลงมติ

พรรคประชาชน จงใจใช้แคมเปญซักฟอกว่า “ดีลแลกประเทศ” ที่ต้องการให้ประชาชนเชื่อว่า มีข้อตกลงลับที่ส่งผลเสียต่อประเทศ โดยโยงไปถึงการกลับมาของบุคคลในครอบครัวของแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

ฉะนั้น คำว่า บุคคลในครอบครัว จึงอาจมีการพาดพิงถึง 2 อดีตนายกฯคือ ทักษิณ ชินวัตร และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ที่มาของ “ดีลแลกประเทศ” นั้น มาจากคำให้สัมภาษณ์ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในวันที่ผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ไปออกรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ

“วาระหลักๆ มันไม่ใช่เรื่องการพัฒนาประเทศ แต่เป็นวาระเรื่องพาคุณทักษิณกลับบ้าน ย้ำอีกครั้งว่า พอไปเกิดดีลแบบนี้ ทำให้การแก้ปัญหาที่โครงสร้างมันเป็นไปไม่ได้เลย”

ธนาธร พูดถึงการจัดตั้งรัฐบาลใต้เงาดีลข้ามขั้ว และพวกเขารู้เสียใจมากที่ไม่ได้จับมือพรรคเพื่อไทย จัดตั้งรัฐบาลผสมฝ่ายประชาธิปไตย

ทักษิณ ก็รู้อยู่แก่ใจถึงเบื้องหลังการจัดตั้งรัฐบาลผสมสูตรพิสดาร ที่เป็นเสมือนไฟต์บังคับ “ดีลลับ” ต่างจากรัฐบาลไทยรักไทยในอดีต

ด้วยเหตุนี้ ทักษิณจึงไประบายความอึดอัดผ่านวลี “พ่อมหาจำเริญ” บนเวทีเสื้อแดงพิษณุโลก เมื่อไม่กี่วันมานี้
 

พรรคประชาชน เปิดแคมเปญเดือด ดีลแลกประเทศ

พ่อมหาจำเริญสีน้ำเงิน


ในวันที่ ทักษิณ ไปพูดกับคนเสื้อแดงภาคเหนือล่างที่มหาวิทยาลัยพิษณุโลก มีการหลุดคำพูดว่า “พ่อมหาจำเริญ” ถึง 2 ครั้ง

ครั้งแรก ช่วงที่ทักษิณบอกเล่าถึงการทำงานในรัฐบาลผสมสูตรพิสดาร ที่มีพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรค หลายขั้วสี

ครั้งที่สอง ทักษิณพาดพิงการทำงานของข้าราชการในกระทรวงทบวงกรมต่างๆ

สังเกตจากการขึ้นเวทีปราศรัยในหลายครั้ง ทักษิณจะบอกเล่าสาเหตุความล่าช้าในการทำงานของรัฐบาลแพทองธาร เพราะเป็นรัฐบาลผสม

“พรรคเรามีขนาดเล็กลง มีรัฐมนตรีดูแลกระทรวงน้อยลง เป็นรัฐบาลผสมบางทีทำงานกันไม่ค่อยคล่องตัว พยายามทั้งนวดทั้งบีบให้ช่วยกัน...พ่อมหาจำเริญช่วยทำงานหน่อยเถอะ ไม่อย่างนั้นบ้านเมืองไปไม่ได้”

ภายใต้ไฟต์บังคับ “ดีลลับอนุรักษ์นิยม” ทักษิณก็ต้องอดทนทำงานร่วมกับพรรคการเมืองต่างขั้วสี

พ่อมหาจำเริญในที่นี้จะเป็นใครไปไม่ได้ หากไม่ใช่ เนวิน ชิดชอบ และอนุทิน ชาญวีรกูล

นักข่าวถามประเด็นความสัมพันธ์พรรคเพื่อไทย-พรรคภูมิใจไทย และถูกถามนำว่า อยู่กันแบบตบจูบตลอด อดีตนายกฯ ทักษิณ ตอบแบบอารมณ์ดีว่า “..ก็ไม่เป็นไร มันก็ออกรสชาติดีนะ มีรสชาติดี”

ย้อนไปเมื่อค่ำวันที่ 14 มี.ค.2568 ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ ทักษิณ ยอมรับว่า อนุทิน-เนวิน เข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า ได้พูดคุยกันหลายเรื่อง

“ในฐานะเป็นคนแก่ทางการเมือง มีคนแวะเข้าไปขอคำปรึกษา เคยเป็นหัวหน้าพรรค เขาเคยเป็นลูกพรรค เป็นเรื่องธรรมดาไม่มีอะไร”

พ่อมหาจำเริญในเครื่องแบบ


นอกจากพรรคร่วมรัฐบาลอย่างภูมิใจไทย ทักษิณยังต้องเผชิญหน้ากับ “พรรคข้าราชการ” ซึ่งมีความแข็งแกร่งมากขึ้นในยุค 3 ป.ครองเมืองมา 8 ปี

ดังนั้น ทักษิณจึงหลุดคำว่า “พ่อมหาจำเริญ ใช้เงินหน่อยเถอะ” กรณีที่เขาอ้างว่า พบเม็ดเงินจำนวนมากอยู่ในกระทรวงต่างๆ แต่นำออกมาใช้ล่าช้า ค้างอยู่ในท่อ พยายามแนะนำให้เร่งนำออกมาใช้โดยเร็ว

เหมือนวันที่ทักษิณไปทำบุญที่นครศรีธรรมราช โดยช่วงที่ปราศรัยกับชาวบ้าน ทักษิณชี้ว่า “...ทำไมงานมันถึงไม่ออก ก็พบว่ายังมีเงินค้างท่อในระบบงบประมาณจำนวนมาก โดยที่ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน ก็ผลักดันออกไปได้...จากนี้ไปนายกฯจะผลักดันให้เงินออกสู่ประชาชนให้มากที่สุด เพื่อให้เศรษฐกิจมันฟื้นโดยเร็ว”


วิธีคิดแบบพรรคข้าราชการคือ Routine Government ขณะที่ทักษิณต้องการให้ “พ่อมหาจำเริญ” กล้าคิดนอกกรอบ