
เบื้องลึก "จตุพร" นำเสื้อขาวหยุด "กาสิโน" ที่แท้ตัวละครรัฐพันลึก โผล่หลังม็อบ
ใต้เงารัฐพันลึก "จตุพร" นำเสื้อขาวหยุด "กาสิโน" คปท.เบรกนายใหญ่ไม่ได้ หากไม่ใช่คนพิเศษหลังม็อบ
กระแสสูง จตุพร นำทัพคนเสื้อขาวหยุดกาสิโน ลำพัง คปท.เบรกแผนนายใหญ่ไม่ได้ หากไม่ใช่คนพิเศษหลังม่าน
เบื้องลึกเพื่อไทยถอย กม.บันเทิงครบวงจร ตัวละครในรัฐพันลึกโผล่หลังม็อบ เหมือนฉายหนังซ้ำก่อนรัฐประหาร 2549
แม้รัฐบาลแพทองธาร จะเลื่อนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ออกไป แต่คนเสื้อขาวยังเดินทางแสดงพลังที่หน้าสภาฯ ตามนัดหมาย
วันที่ 9 เม.ย. 2568 เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.), ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และกองทัพธรรม ยังนำขบวนมวลชน “เสื้อขาว” ไปประกาศจุดยืนหยุดกาสิโนที่อาคารรัฐสภา
จตุพร พรหมพันธุ์ และนิติธร ล้ำเหลือ เฝ้าปลุกระดมผู้คนมาปีเศษ ยังจุดเชื้อไฟการเมืองท้องถนนไม่สำเร็จ กระทั่ง รัฐบาลแพทองธาร เร่งร้อนดันร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เข้าสู่สภาฯ
กระแสค้านกาสิโนลุกลามราวไฟไหม้ลามทุ่ง ทำเอา “ตั้ม” พิซิต ไชยมงคล และนัสเซอร์ ยีหมะ คู่หูแห่ง คปท.ลั่นคำโตๆ “กระแสสูง” มาถึงแล้ว
จริงๆ แล้ว แกนนำม็อบอย่าง จตุพร พิชิต และทนายนกเขา ไม่ได้ทำให้ “นายใหญ่” หวั่นไหวถึงขั้นส่งซิกให้แกนนำเพื่อไทยถอนฟืนออกจากกองไฟ
ตัวละครบางกลุ่มที่แสดงจุดยืนคัดค้านร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ ต่างหาก ที่ทำให้ “นายใหญ่” งัดกลยุทธ์ถอย คนเหล่านี้ไม่เคยลงสู่ท้องถนน แต่มีบทบาทชี้นำหลังม่าน กำหนดเกมบางอย่างได้
คนการเมืองหลังม่าน
นักการเมือง นักวิชาการ นักกิจกรรมการเมือง และภาคประชาชน ที่ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เมนท์คอมเพล็กซ์ มีความน่าสนใจอยู่ 2 กลุ่มคือ “ชมรมสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ” (สสร.) ปี 2550 และ “อดีตสมาชิกวุฒิสภา” (สว.) ปี 2551 และปี 2562
สำหรับอดีต สสร.ปี 2550 นำโดย จรัญ ภักดีธนากุล, สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย,เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง,วิชา มหาคุณ และคมสัน โพธิ์คง
ชมรม สสร.2550 เรียกกฎหมายนี้ว่า “ร่างกฎหมายบ่อนกาสิโน” โดยชี้ว่าขัดแย้งต่อยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
อดีตสมาชิกวุฒิสภา(สว.) มีทั้งชุด 40 สว.สมัยปี 2551 และชุด คสช. ซึ่งหัวขบวนหลายคนล้วนมีคอนเนกชั่นกับชนชั้นนำ
จะว่าไปแล้ว สสร.ปี 2550 หรือ สว.ปี 2562 ก็คือผลพวงการรัฐประหาร 2 ครั้ง ที่มีมูลเหตุมาจากความขัดแย้งทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมต่อต้านระบอบทักษิณของกลุ่มพันธมิตรฯ และ กปปส.
“นายใหญ่” และแกนนำอาวุโส พรรคเพื่อไทย ที่มีประสบการณ์ตรงจากการรัฐประหาร จึงเลือกที่จะถอย เพราะหากดันทุรังเดินหน้า อาจพบจุดจบเหมือน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย ปี 2556
ม็อบใต้เงารัฐพันลึก
คำว่า Deep State อาจารย์ผาสุก พงษ์ไพจิตร แปลเป็นไทยว่า “รัฐพันลึก” หรือรัฐซ้อนรัฐ มีการนำมาอธิบายสังคมการเมืองไทยอยู่หลายครั้ง
“แนวคิดรัฐพันลึก มักถูกใช้อธิบายกลุ่มอำนาจที่ร่วมกันต่อต้านขบวนการประชาธิปไตย..มักประกอบด้วยกลุ่มทหาร ตำรวจ ตุลาการ ที่มีตำแหน่งหน้าที่บริหารราชการในรัฐปกติอยู่แล้ว แต่ยังร่วมทำกิจกรรมแอบแฝงที่มีอำนาจเหนือรัฐปกติ โดยกระทำการแบบไม่เปิดเผย หรือทำแบบลับๆ รัฐพันลึกสามารถสร้างสถานการณ์ เพื่อสั่นคลอนรัฐปกติ หรือเพื่อนำไปสู่การรัฐประหาร ล้มล้างรัฐปกติ..”
เมื่อ “นายใหญ่” เลือกที่จะจัดตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับพรรคการเมืองเครือข่ายอนุรักษ์นิยม ย่อมสัมผัสได้ถึงสัญญาณพิเศษได้เร็ว
เมื่อวันที่ 7 เม.ย. ที่ผ่านมา แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จึงบอกเล่าเรื่องการเบรก กม.บันเทิงครบวงจร ให้ สส.เพื่อไทยฟังว่า “...เราถูกบิดเบือน เสมือนว่าเป็นบ่อนถูกกฎหมาย”
ระดับหัวหน้าม็อบพูดมาเป็นปี ไม่มีน้ำหนัก ไม่มีใครเชื่อ หากไม่ใช่ “บุคคลที่มีชื่อเสียง” หรือ “คนพิเศษ” ในวงสังคมชั้นสูง
เหนืออื่นใด ลำพังจตุพร พิชิต..ปลุกคนตื่นตัวต้านกาสิโนทั้งแผ่นดินไม่ได้หรอก หากไม่ใช่ฝีมือของรัฐพันลึก