
วันนี้ในอดีต 3 ก.ค.2517 ‘จลาจลแยกพลับพลาไชย’
วันนี้ในอดีต 3 ก.ค.2517 ได้เกิดเหตุการณ์จลาจลที่ห้าแยกพลับพลาไชย และบานปลายอยู่นานถึง 4 วัน ทำให้ มีผู้เสียชีวิต 26 คน บาดเจ็บ 120 คน
วันนี้ในอดีต 3 ก.ค.2517 ได้เกิดเหตุการณ์จลาจลที่ห้าแยกพลับพลาไชย และบานปลายอยู่นานถึง 4 วัน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 26 คนและบาดเจ็บ 120 คน
สาเหตุเริ่มเมื่อเวลา 19.45 น. ตำรวจจราจร 2 นายของ สน.พลับพลาไชย ขับมอเตอร์ไซค์ผ่านมาแถวโรงภาพยนตร์พัฒนากร ถนนเจริญกรุง พบแท็กซี่คันหนึ่งจอดแช่รอผู้โดยสารอยู่ในที่ห้ามจอด จึงบอกให้เคลื่อนย้าย แต่แท็กซี่ผู้นั้นซึ่งต่อมาทราบชื่อว่า นายพูน ล่ำลือประเสริฐ ยังมีอารมณ์ค้างที่ถูกจับเรื่องเดียวกันนี้มาแล้วเมื่อตอนเช้า จึงไม่ยอมเลื่อนรถและล็อคประตูไว้ไม่ให้เปิด ตำรวจ 2 นายนั้นจึงวิทยุเรียกเพื่อนตำรวจมาช่วย พอตำรวจมาสมทบเป็น 4 นาย นายพูนเห็นว่า ถ้าขัดขืนต่อไปคงถูกทุบกระจกแน่ จึงยอมให้ควบคุมตัวไปโรงพัก แต่ปากก็ตะโกนไปตลอดทางว่า 'ช่วยด้วย... ช่วยด้วย... ตำรวจซ้อม!' ทำให้ประชาชนที่รอรถประจำทางอยู่และอีกส่วนหนึ่งเพิ่งเลิกจากการชมภาพยนตร์ วิ่งตามมาดูเหตุการณ์ที่สถานีตำรวจ และบอกต่อ ๆ กันไป จนมีคนมาออแน่นหน้าโรงพักถึง 2,000 คนเศษ ในจำนวนนี้ นอกจากจะมีไทยมุงคนชอบดูแล้ว ยังมี แท็กซี่ สามล้อเครื่อง นักเลงอันธพาล คนค้าของผิดกฎหมาย
ในเวลา 22.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เห็นว่าสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ จึงให้นายพูน ออกไปพูดความจริงกับประชาชน แต่ไม่มีใครฟัง เริ่มมีการตะโกนด่าทอตำรวจและเริ่มขว้างปาด้วยก้อนอิฐ
เวลา 23.00 น. เหตุการณ์ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นจนควบคุมไว้ไม่ได้ ผู้ประท้วงขึ้นไปบนรถจี๊ปของตำรวจที่อยู่หน้าสถานีและเข็นรถเข้าชนตึกโรงพัก ทำลายรถมอเตอร์ไซค์ และจุดไฟเผารถยนต์ของตำรวจที่จอดอยู่หน้าสถานี ระดมขว้างปาด้วยก้อนอิฐ ตำรวจไม่ได้ปฏิบัติการตอบโต้ พล.ต.ท. ณรงค์ มหานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในขณะนั้น ได้ระดมกำลังตำรวจทุกสถานีในเขตนครบาล, ตำรวจกองปราบ และรถวิทยุ มาที่สถานีตำรวจพลับพลาไชยเพื่อตรึงฝูงชน
ในเวลา 23.30 น. ฝูงชนพยายามที่จะจุดไฟเผาสถานีตำรวจด้วยการจุดไฟเผารถยนต์แล้วเข็นเข้าชน สถานีตำรวจเกิดไฟฟ้าดับ ฝูงชนกรูขึ้นไปบนโรงพักใช้ก้อนอิฐและท่อนไม้ขว้างตำรวจได้รับบาดเจ็บและพยายามปล่อยตัวผู้ต้องหาในห้องขัง ตำรวจใช้ปืนยิงสกัดกั้น มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ตำรวจใช้เครื่องขยายเสียงประกาศให้ประชาชนออกจากโรงพัก เกิดเพลิงไหม้ขึ้นที่อาคารสถานีตำรวจพลับพลาไชย รถดับเพลิงไม่สามารถที่จะเข้าไปดับไฟเพราะถูกฝูงชนสกัดไว้ ตำรวจต้องยิงขู่และยิงต้านประชาชนที่พยายามบุกเข้ามาบนโรงพัก รถดับเพลิงได้เข้าไปดับเพลิงที่กำลังลุกไหม้กว้างขวางขึ้นได้สำเร็จ การยิงสกัดของตำรวจทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ เหตุการณ์ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น การจลาจลได้ขยายตัวออกทั่วบริเวณ รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่บริเวณใกล้เคียงถูกทำลายและรถยนต์ตำรวจหลายคันถูกขโมยเอาไปใช้ มีการใช้น้ำมันเบนซินราดเผาถนนและรถ 10 ล้อคันหนึ่งถูกพลิกขวางถนน ผู้ประท้วงได้ยึดรถประจำทางสายต่างๆ 4 คัน ปิดกั้นขวางถนนและขนเบาะรถมาเผา ตำรวจแถลงว่า ผู้ก่อเหตุร้ายมีอยู่ไม่กี่คน เป็นพวกอันธพาลที่เพิ่งถูกปล่อยออกมาจากลาดยาว พยายามที่จะชักชวนให้ประชาชนเข้าใจผิดในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
ในเวลา 05.00 ของวันที่ 4 ก.ค. เหตุการณ์เริ่มคลี่คลาย ตำรวจตรวจความเสียหาย มีประชาชนถูกกระสุนปืนเสียชีวิต 8 คน ผู้บาดเจ็บ 18 คน ไม่มีตำรวจเสียชีวิต มีแต่ได้รับบาดเจ็บถูกยิงที่ขา และถูกก้อนอิฐ ผู้ประท้วงที่ถูกจับกุมตัว มีทั้งหมด 15 คน เจ้าหน้าที่จัดการแยกขังเพื่อความปลอดภัย ตั้งข้อหาก่อความวุ่นวาย วางเพลิง และทำร้ายเจ้าพนักงาน พล.ต.ท. วิฑูรย์ ยะสวัสดิ์ ผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้น เดินทางมาประชุมนายตำรวจที่สถานีตำรวจพลับพลาไชย ตำรวจรายงานว่า ผู้ที่ก่อความวุ่นวายส่วนใหญ่เป็นอันธพาลที่เพิ่งได้รับการปลดปล่อยและเกลียดชังตำรวจ
ต่อมาในเวลา 09.00 น. พล.ต.อ. ประจวบ สุนทรางกูร อธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้น มาสอบสวนเหตุการณ์ที่สถานีตำรวจพลับพลาไชยและตำหนิตำรวจท้องที่ที่ปล่อยให้เหตุการณ์บานปลายจนไม่สามารถระงับเหตุได้ และให้เปิดการจราจรถนนทุกสายที่ถูกสั่งปิด
เวลา 14.00 น. นายวีระ ถนอมเลี้ยง ประธานศูนย์กรรมกรแห่งประเทศไทยไปพบผู้บัญชาการตำรวจนครบาลแจ้งว่ามีคนขับรถแท็กซี่หลายสิบคนไปร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมกับตนและบอกด้วยว่าจะรวมกำลังประท้วงอีก เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมพร้อมเต็มอัตรา เพราะสืบทราบว่ามีกลุ่มผู้ก่อการร้ายรวมตัวกันที่จะก่อเหตุอีก
เวลา 16.00 น. เหตุการณ์บริเวณหน้าสถานีตำรวจพลับพลาไชย ทวีความตึงเครียดขึ้น ฝูงชนเข้ามาดูเหตุการณ์มากยิ่งขึ้นมีประชาชนรวมกลุ่มกันเพื่อเฝ้าดูเหตุการณ์ตามถนนเจริญกรุง, วงเวียน 22 กรกฎา และบริเวณใกล้เคียง
เวลา 19.00 น. เหตุการณ์ได้ทวีความรุนแรงถึงขั้นต่อสู้กันอีกครั้ง เมื่อเริ่มมืดลง ผู้ประท้วงจำนวนหนึ่งพยายามที่จะใช้กำลังเข้ายึดและทำลายสถานีตำรวจพลับพลาไชยอีก โดยใช้อาวุธปืนยิงสู้กับตำรวจและบริเวณใกล้เคียงด้านถนนสันติภาพ ถนนพลับพลาไชย เจ้าหน้าที่ยิงตอบโต้เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ผู้ประท้วงยึดรถยนต์โดยสารประจำทางแล้วเผาทำลาย
เวลา 20.00 น. ผู้ประท้วงดำเนินการรุนแรงขึ้น มีการยึดรถยนต์ประจำทาง, รถยนต์บรรทุก ยึดรถพยาบาลจากโรงพยาบาลกลางและบังคับเอาน้ำมันจากปั๊มน้ำมันต่างๆ
เวลา 21.30 น. ผู้ประท้วงได้ยึดรถ ร.ส.พ. ที่ถนนเจริญกรุง มุ่งหน้ามาทางสถานีตำรวจพลับพลาไชย เมื่อถึงถนนแปลงนาม ตำรวจได้เข้ายึดรถคืน มีการยิงต่อสู้กันขึ้น
ในเวลา 22.00 น. กองบัญชาการตำรวจ มีคำสั่งให้รถเมล์ทุกสายหยุดวิ่ง เพราะมีการยึดรถกันมากขึ้น
เวลาประมาณ 23.00 น. ผู้ประท้วงได้ยึดรถโดยสาร ร.ส.พ. 2 คัน และรถนายเลิศ 1 คัน และเผารถ ร.ส.พ. ที่ห้าแยกพลับพลาไชย และถนนสันติภาพ ตำรวจได้ขัดขวางและมีการยิงต่อสู้กันทั้งสองจุด ผู้ประท้วงถูกยิงตาย 3 คน ตำรวจถูกยิงตาย 1 คน และถูกยิงบาดเจ็บสาหัส 2 คน การต่อสู้รุนแรงขึ้น โดยผู้ประท้วงใช้อาวุธปืนและขว้างด้วยลูกระเบิด ใช้น้ำมันราดถนนและจุดไฟเมื่อตำรวจเดินตรวจผ่าน ผู้ประท้วงได้แบกศพผู้เสียชีวิตเดินไปตามถนนเพื่อชักชวนให้ประชาชนร่วมต่อสู้ โดยประกาศว่า ตำรวจทำร้ายประชาชน ผู้ประท้วงรวมกลุ่มกันเพื่อปล้นร้านค้าปืนย่านหลังวังบูรพา แต่ไม่สำเร็จเพราะถูกตำรวจยิงสกัดกั้นไว้ ผู้ประท้วงซึ่งเป็นวัยรุ่นยึดรถโดยสารประจำทางตระเวนไปตามที่ต่างๆ โดยมีรถจักรยานยนต์คุ้มกัน ตระเวนชักชวนหาสมัครพรรคพวก
ในเวลาประมาณ 23.30 น. นายสัญญา ธรรมศักดิ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ออกแถลงการณ์ว่า มีบุคคลบางจำพวกซึ่งประกอบด้วยบุคคลอันธพาลเป็นส่วนใหญ่ก่อความไม่สงบ รัฐบาลได้พยายามป้องกันอย่างละมุนละม่อมแล้ว แต่เหตุการณ์กลับทวีความรุนแรงขึ้น จึงจำเป็นจะต้องประกาศภาวะฉุกเฉินในเขตกรุงเทพมหานคร
ในเวลาประมาณ 00.30 น.ของวันที่ 5 ก.ค. ขบวนทหารมีรถเกราะและรถสายพานลำเลียงออกจากที่ตั้งเข้าไปประจำที่บริเวณพระบรมมหาราชวัง ,ปั๊มน้ำมันสามทหาร, โรงไฟฟ้า, พระที่นั่งอนันต์, หัวลำโพง ซึ่งเป็นรอบนอกบริเวณที่มีการต่อสู้ ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามผู้ก่อเหตุร้ายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลหน่วยต่างๆ และมีตำรวจตระเวนชายแดนหน่วยหนึ่งร่วมสมทบจำนวน 30 คน
ในเวลา 01.00 น. ผู้ประท้วงซึ่งมีอาวุธและมีระเบิดมือบุกเข้าโรงพยาบาลจุฬาฯ เพื่อยึดรถพยาบาลนำมาใช้ ตำรวจปทุมวันไปยึดคืน มีการต่อสู้กันขึ้น ผู้ประท้วงเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายคน ถูกจับกุมตัว 44 คน การต่อสู้ขยายไปบริเวณหน้าโรงพยาบาลจุฬาฯ ผู้ประท้วงมีรถจักรยานยนต์และรถยนต์ที่ยึดได้เป็นพาหนะทำลายตู้ยามและป้อมไฟตลอดถนนพระราม 4 ผู้ประท้วงมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะชุมนุมกันอยู่ที่บริเวณวงเวียน 22 กรกฎา
เวลาประมาณ 02.30 น.การต่อสู้เริ่มสงบลง แต่ผู้ประท้วงยังคงชุมนุมกันอยู่ในบางจุดและมีการแอบยิงเจ้าหน้าที่ประปราย ผู้ประท้วงชุมนุมกันอยู่ที่ถนนแปลงนาม วงเวียน 22 กรกฎา สามแยก และถนนเจริญกรุง
เวลา 03.00 น. ผู้ประท้วงได้ยึดรถ 10 ล้อที่หน้าสัญญาณไฟหัวลำโพง ยิงต่อสู้กับทหารที่รักษาการณ์ที่หัวลำโพง ทหารยิงโต้ ผู้ประท้วงตาย 1 คน บาดเจ็บหลายคน จนกระทั่งประมาณ 03.30 น. เหตุการณ์จึงได้สงบลง
เวลาประมาณ 08.00 น. มีการยิงต่อสู้ที่ถนนอิสรานุภาพ หน้าสถานีตำรวจพลับพลาไชย มีผู้ถูกยิงเสียชีวิต 2 คน เป็นชายหนึ่งคน หญิงหนึ่งคน
เวลาประมาณ 19.00 น. ผู้ประท้วงจำนวนร้อยกว่าคนถือเหล็กและไม้เป็นอาวุธเดินมุ่งหน้าไปที่สถานีตำรวจจักรวรรดิ และทำลายสัญญาณไฟตามสี่แยก ผู้ประท้วงมีเพิ่มมากขึ้นเป็น 300 กว่าคน เกิดการยิงต่อสู้กันที่ใกล้โรงพักจักรวรรดิมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
เวลา 20.30 น. ผู้ประท้วงชุมนุมกันที่หน้าธนาคารเอเชีย สามแยก และหัวลำโพง มีการต่อสู้กับตำรวจ ผู้ประท้วงถูกยิงตาย 1 คน
เวลาประมาณ 20.40 น. ตำรวจได้เคลื่อนย้ายเข้าไปในบริเวณย่านการค้าเจริญกรุงและเยาวราชและเข้าคุมตรอกซอกซอยไว้ทั้งหมด ผู้ประท้วงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่อย่างประปราย โดยการซุ่มยิงและใช้ระเบิดขวด และใช้วิธีการขี่จักรยานยนต์และรถยนต์ก่อกวนไปในที่ต่างๆ ทั่วทั้งพระนคร และธนบุรี ในเวลาประมาณ 22.15 น. ผู้ประท้วงพยายามที่จะเข้าปล้นร้านปืนที่วังบูรพาแต่ได้รับการต่อต้านจากตำรวจและประชาชนอาสาสมัครที่รักษาการณ์อย่างเข้มงวด ผู้ประท้วงใช้จักรยานยนต์วนเวียนอยู่หลายครั้งตลอดทั้งคืน แต่ไม่สำเร็จ
ในตอนกลางวันของวันที่ 6 ก.ค. 2517 ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย, สหพันธ์นักศึกษาเสรี ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันฉบับหนึ่ง แสดงความไม่เห็นด้วยกับวิธีการปราบปรามอันรุนแรงของรัฐบาลและเร่งให้มีการสอบสวนอย่างรีบด่วน
เวลาประมาณ 21.30 น. มีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งขว้างระเบิดที่ถนนนครราชสีมา ใกล้สมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ตำรวจได้ไปสอบสวน แต่กลุ่มวัยรุ่นได้พากันหลบหนีไปก่อนแล้ว
ในเวลาประมาณ 21.55 น.ได้มีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดที่บริเวณสถานีรถไฟหัวลำโพง ตำรวจได้เข้าเคลียร์พื้นที่ ได้เกิดปะทะยิงต่อสู้กับผู้ประท้วงขึ้น ตำรวจรถไฟถูกยิงบาดเจ็บ 1 นาย และมีประชาชนตาย 1 คน
เช้าวันที่ 7 ก.ค. เหตุการณ์จึงกลับคืนสู่ปกติ