26 เม.ย.2456 กำเนิด "สถานเสาวภา" จากการสิ้นชีพิตักษัย
นับได้ว่า การถึงชีพิตักษัยของ หม่อมเจ้าบันลุศิริศานต์ ดิศกุล ได้เป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งสถานเสาวภา สภากาชาดไทย!
ช่วงปีนี้ข่าวคราวการเสียชีวิตของคนไทยจากการติดเชื้อพิษสุนัขบ้า มีจำนวนมาถึงรายที่ 8 แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสลดใจมาก โดยเฉพาะรายที่เสียชีวิตล่าสุดเป็นเด็กอายุ 15 ปีเท่านั้น
ทำให้นึกเหตุการณ์ของวันนี้เมื่อ 105 ปีก่อน ที่เป็นต้นกำเนิดของ สถานเสาวภา สภากาชาดไทย โดย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิด ปาสตุรสภา (Pasteur Institute) อันเป็นชื่อเดิม
หากแต่ตามประวัติแล้ว ยังมีเหตุการณ์ที่ถือเป็นหนึ่งในต้นกำเนิดของสถานเสาวภา แต่ก็เป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนใจชาวสยามทั้งประเทศ!!
นั่นคือก่อนหน้านี้ในปี 2455 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงพระดำริที่จะจัดตั้งสถานที่ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เนื่องจาก หม่อมเจ้าบันลุศิริศานต์ ดิศกุล พระธิดาได้สิ้นชีพิตักษัยด้วยโรคพิษสุนัขบ้า จากนั้นก็ได้นำความกราบบังคมทูลรัชกาลที่ 6 และได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้อาศัยตึกหลวงที่ถนนบำรุงเมืองเป็นที่ทำการผลิตและฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เมื่อสร้างเสร็จให้เรียกชื่อว่า “ปาสตุรสภา” ตามชื่อ หลุยส์ ปาสเตอร์ (Louis pasteur) นักเคมีชาวฝรั่งเศสผู้พบวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
ต่อมาปี 2460 รัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าฯ ให้โอนจากกระทรวงมหาดไทยไปสังกัดสภากาชาดไทย และเปลี่ยนชื่อเป็น “สถานปาสเตอร์”
ต่อมาในปี 2463 ได้ทรงบริจาคทรัพย์ส่วนพระองค์ให้แก่สภากาชาดไทย เพื่อจัดสร้างที่ทำการของสถานปาสเตอร์แห่งใหม่ขึ้นที่ถนนพระราม 4 และได้พระราชทานนามว่า “สถานเสาวภา” เพื่อเป็นพระบรมราชานุสรณ์ เทิดพระเกียรติ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพระพันปีหลวง และได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีเปิดเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2465 จัดตั้งเป็นที่ทำการของสถานเสาวภา สภากาชาดไทยสืบมาจนถึงทุกวันนี้
ภาพจาก https://www.pinterest.com/pin/341429215494197578/
สำหรับเรื่องราวของ หม่อมเจ้าหญิงบันลุศิริศานต์ ดิศกุล หรือ “ท่านหญิงเภา” นั้น ท่านประสูติช่วงเดือน กันยายน พ.ศ. 2441 ทรงเป็นพระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ กับหม่อมเจิม ดิศกุล ณ อยุธยา (สกุลเดิม: สนธิรัตน์) ขณะที่ทรงเจริญพระชันษาได้ 13 ปี ก็มีเหตุร้ายที่ไม่มีใครคาดคิดจนถึงแก่ชีพิตักษัย!!
โดยสาเหตุมีปรากฏรายละเอียดอยู่ในพระนิพนธ์ของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เรื่อง “นิทานโบราณคดี” นิทานที่ 13 เรื่องอนามัย ซึ่งระบุไว้ว่า ในปี พ.ศ. 2455 ขณะนั้นพระองค์ในฐานะเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยพร้อมด้วยครอบครัว ได้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเสด็จออกไปประทับที่พระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม
บ่ายวันหนึ่ง มีสุนัขบ้าวิ่งเข้ามาในบ้านพักของพระองค์ และได้กัดขาหม่อมเจ้าบันลุศิริศานต์ ซึ่งทรงหกล้มขณะวิ่งหนีสุนัขบ้า ปรากฏเป็นแผลรอยเขี้ยว 2 แผล!!
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพจึงทรงรีบสืบหาแพทย์ที่ชำนาญการรักษาโรคพิษสุนัขบ้าในเวลานั้น ความทราบถึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงแนะนำให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ส่งตัวหม่อมเจ้าบันลุศิริศานต์ไปรักษายังสถาบันปาสเตอร์ที่เมืองไซง่อน อินโดจีนของฝรั่งเศส เนื่องจากที่นั่นมียาสำหรับรักษาโรคนี้
แต่เรือเดินทะเลประจำทางที่ไปไซ่ง่อนได้ออกเดินทางไปก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน จำเป็นต้องรอถึง 15 วันจึงจะมีเรือลำใหม่เข้ามาที่กรุงเทพ จึงได้แต่รักษาอาการตามแบบแพทย์แผนไทยจนแผลหาย
หลังจากนั้นประมาณ 3 เดือน หรือในช่วงเช้าของวันที่ 22 เม.ย. 2455 หม่อมเจ้าบันลุศิริศานต์ทรงมีอาการของโรคกลัวน้ำ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงตามแพทย์ฝรั่งให้มาตรวจอาการ จึงทราบว่าหมดทางรักษาแล้ว อาการของหม่อมเจ้าบันลุศิริศานต์ได้ทรุดลงอย่างรวดเร็ว และถึงชีพิตักษัยในเวลาดึกของค่ำวันนั้น
ทั้งนี้ ความตอนหนึ่งจาก “นิทานโบราณคดี” นิทานที่ 13 เรื่องอนามัย สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงระบุไว้ว่า
"วันหนึ่งเวลาบ่าย พวกลูกเด็กๆ ลงไปเล่นกันอยู่ที่สนามหญ้าหน้าเรือน มีหมาบ้าตัวหนึ่งวิ่งเข้ามาในบ้าน พวกเด็กพากันวิ่งหนี แต่ลูกหญิงบรรลุศิริสาร (เรียกกันว่า หญิงเภา) หกล้มถูกหมาบ้ากัดเอาที่ขาเป็นรอยเขี้ยว ๒ แผล ตัวเองไม่รู้สึกเจ็บปวดเท่าใดนัก แต่พวกผู้ใหญ่ตกใจ ฉันก็สั่งให้เที่ยวสืบหาหมอที่ชำนาญการรักษาพิษหมาบ้าแต่ในเวลานั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงทราบ ตรัสแนะนำให้ฉันส่งไปรักษา ณ สถานปาสเตอร์ที่เมืองไซ่ง่อน ฉันก็เห็นชอบด้วยพระราชดำริ แต่ให้สืบถึงเรือที่จะรับไปได้ความว่าเรือเพิ่งออกไปเสียเมื่อวันก่อน จะต้องรอคอยเรืออีก ๑๕ วันจึงจะไปได้ ก็ต้องให้หมอซึ่งหามาได้คนหนึ่งรักษาตามวิธีไทย ให้กินยา ทายา รักษาไม่กี่วันแผลก็หาย ตัวเด็กก็สบาย แจ่มใสเหมือนแต่ก่อน จนเชื่อกันว่าหมอคนนั้นสามารถรักษาหายแล้ว"
"เมื่อกลับมาอยู่กรุงเทพฯ ก็เป็นปรกติดีมาสัก ๓ เดือน จนเกือบลืมเรื่องที่เธอถูกหมาบ้ากัด อยู่มาวันหนึ่งหญิงเภาตื่นนอนขึ้นเช้าตัวร้อน ก็สำคัญกันว่าเป็นไข้ ให้กินยาตามเคย แต่มีอาการแปลกอย่างหนึ่งในเวลาเมื่อเธอรับถ้วยยาหรือถ้วยน้ำจะกินมือสั่นทั้งสองข้าง ต่อเมื่อวางถ้วยแล้วมือจึงหายสั่น อาการเช่นนั้นทั้งตัวฉันและใครๆ ที่อยู่ด้วย ไม่มีใครเคยเห็น แต่ก็ยังไม่ตกใจ ด้วยอาการอย่างอื่นไม่ผิดกับไข้สามัญ ครั้นสายเข้าเวลาจะกินยาหรือกินน้ำ มือยิ่งสั่นหนักขึ้นจนถึงตัวสั่น ฉันก็แปลกใจ"
"จึงให้รับหมอปัว (ซึ่งภายหลังได้เป็นพระยาอัศวินอำนวยเวช) มาดู พอหมอปัวเห็นอาการก็หน้าเสีย เรียกฉันไปนั่งด้วยกันให้ห่างคนอื่น แล้วบอกว่าเป็นโรคกลัวน้ำด้วยพิษหมาบ้า ไม่มีทางที่จะรักษาให้หายเสียแล้ว ฉันได้ฟังยังไม่อยากเชื่อ ด้วยเวลานั้นอาการคนไข้ทรุดลงเพียงต้องลงนอนยังพูดจาได้ แต่อาการที่ฉันไม่เคยเห็น เป็นกิริยาโรคกลัวน้ำตรงกับตำราฝรั่งอย่างหมอปัวว่าก็จนใจ"
"ฉันบอกผู้อื่นเพียงว่าเป็นโรคเกิดจากพิษหมาบ้ากัด มิได้ให้ใครรู้ว่าจะไม่รอด เพราะเกรงจะเกิดโศกศัลย์พาให้คนไข้ใจเสีย เพิ่มทุกขเวทนาหนักขึ้น แต่อาการโรคทรุดเร็ว พอถึงเวลาดึกค่ำวันนั้นหญิงเภาก็สิ้นชีพ เจ็บอยู่ไม่ถึง ๒๔ ชั่วโมง แต่ไม่มีอาการเช่นเคยได้ยินเขาเล่ากัน ว่าคนจะตายด้วยพิษหมาบ้า มักร้องเป็นเสียงเห่าหอน หรือน้ำลายฟอดฟูมปากอย่างหนึ่งอย่างใด"
"....ที่สถานเสาวภา มีรูปหม่อมเจ้าหญิงบรรลุศิริสาร อย่างปั้นครึ่งตัวหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ตั้งอยู่รูปหนึ่ง เป็นอนุสรณ์ซึ่งเธอเป็นมูลเหตุให้เกิดสถานปาสเตอร์ในเมืองไทย ฉันไปเห็นรูปนั้นเมื่อใด ก็นึกว่าเธอคงไปสู่สุคติภูมิ เพราะชีวิตของเธอช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ในเมืองไทยได้มาก..."
ทั้งนี้ เมื่อหม่อมเจ้าบันลุศิริศานต์สิ้นชีพิตักษัย นายแพทย์ชาวฝรั่งเศสซึ่งเป็นมิตรคนหนึ่งของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้แนะนำพระองค์เกี่ยวกับการจัดตั้งสถานปาสเตอร์ในกรุงเทพขึ้นเพื่อผลิตยารักษาและป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งพระองค์ทรงเห็นด้วย เพราะทรงเคยเห็นกิจการของสถาบันปาสเตอร์ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อครั้งเสด็จไปราชการในทวีปยุโรปในปี พ.ศ. 2434 มาก่อน
ภาพจากเฟซบุคเพจ พิพิธประวัติศาสตร์ โดย อัศนัย มีอนันต์ บรรยายว่า หม่อมเจิมนั่งเก้าอี้กอดหม่
พระองค์จึงทรงขอพระบรมราชานุญาตประกาศบอกบุญเรี่ยไรเงิน และได้จัดตั้งสถานปาสเตอร์ขึ้นที่ตึกของกระทรวงมหาดไทยริมโรงเลี้ยงเด็ก ถนนบำรุงเมือง เมื่อปี พ.ศ. 2456 (ในเวลานั้นเรียกว่า “ปัสตุรสภา”) ต่อมาในปี พ.ศ. 2460 กิจการดังกล่าวได้โอนจากกระทรวงมหาดไทยไปอยู่ในความดูแลของกองวิทยาศาสตร์ สภากาชาดสยาม โดยใช้สถานที่เดิมเป็นที่ทำการไปพลางก่อน และในปี พ.ศ. 2465 ได้ย้ายที่ตั้งมาอยู่ที่ทำการแห่งใหม่ในชื่อสถานเสาวภาจนถึงปัจจุบัน
จึงนับได้ว่า การถึงชีพิตักษัยของ หม่อมเจ้าบันลุศิริศานต์ ดิศกุล ได้เป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งสถานเสาวภา สภากาชาดไทย!
/////////////////////
ขอบคุณภาพและข้อมูลตามรายละเอียดดังนี้
วิกิพีเดีย
https://www.pinterest.com/pin/341429215494197578/