แฟนบอลลิเวอร์พูล ไม่รอช้า กรูกันวิ่งเข้าใส่รั้วกั้น และทำลายมันลง ทำให้แฟนบอลยูเวนตุสต้องถอยร่นไป จนไปติดอยู่ริมกำแพงในด้านตรงข้าม แล้วเรื่องเลวร้ายก็เกิดขึ้น!
เรื่องบางเรื่องก็ยากจะลืมจริงๆ และพอวนมาบรรจบ เมื่อไหร่ก็อดนำมาเล่าสู่กันฟังอีกครั้งไม่ได้
อย่างเรื่องราวสุดเลวร้าย!! ที่เกิดขึ้นเมื่อวันนี้ของ 33 ปีก่อน นั่นคือ โศกนาฏกรรมที่สนามเฮย์เซล กรุงบรัสเซล ประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งได้เกิดเหตุที่แฟนบอล 39 ชีวิตต้องมาจบชีวิตลง ทั้งๆ ที่วันนั้น พวกเขาควรจะได้มีความสุขสนุกสนานกับเกมการแข่งขันนัดสำคัญ ระหว่าง “ลิเวอร์พูล” กับ “ยูเวนตุส” ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยุโรป European Cup (ถ้วยเดิมของ Uefa Champions League)
แต่กลายเป็นว่า พวกเขาทั้ง 39 ราย ต้องสังเวยชีวิตให้กับเหตุกำแพงถล่มลงมาทับ ซึ่งมีต้นเหตุมาจากความ “หัวร้อน” ของบรรดาแฟนบอล โดยเฉพาะกับแฟนทีมหงส์แดงแท้ๆ!!
ย้อนกลับไปยังวันที่ 29 พ.ค.2528 หรือหลายคนอาจจะเรียกว่า “วันแห่งความอื้อฉาวที่สุด” ของทีมฟุตบอลลิเวอร์พูล นั่นคือ การปะทะกันของแฟนบอลของทั้งสองทีมที่ฟาดแข้งกันในสนาม แต่ผู้ชมที่ตายส่วนใหญ่กลับเป็นผู้ชมชาวอิตาลี ที่ค่อนข้างเป็นกลางแทบทั้งสิ้น!
ทั้งนี้ ข้อมูลจากข่าวสารระบุตรงกันว่า เหตุการณ์นั้นเริ่มต้น 1 ชั่วโมงก่อนจะเริ่มเกมด้วยซ้ำ โดยแฟนบอลทั้งสองฝ่ายต่างพากันตะโกนยั่วโมโหกันไปมาผ่านรั้วลวดที่กั้นอยู่
แต่คงด้วยความหัวร้อน ปรากฏว่าต่างฝ่ายต่างออกลีลาเชียร์ทีมของตัวเองมากไปหน่อย ทันทีที่เกิดมีเหตุที่แฟนบอลมีการหยิบสิ่งของที่คว้ามาได้ เช่น ขวดน้ำหรือก้อนหินขว้างใส่อีกฝ่าย ฝ่ายแฟนบอลหงส์แดงลิเวอร์พูล ไม่รอช้า กรูกันวิ่งเข้าใส่รั้วกั้นและทำลายมันลง ทำให้แฟนบอลยูเวนตุสต่างต้องถอยร่นไป จนไปติดอยู่ริมกำแพงในด้านตรงข้าม รวมถึงมีแฟนบอลที่พยายามจะปีนกำแพงหนี
ภาพจาก https://pantip.com/topic/33718353
และทันใดนั้น เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อกำแพงเกิดถล่มลงมาทำทับแฟนบอลที่หนีไปรวมกันบริเวณนั้น ยังผลให้มีผู้เสียชีวิตายใต้ซากปรักหักพังทั้งสิ้น 39 คน!! โดยแบ่งเป็น ชาวอิตาลี 32 คน, ชาวเบลเยี่ยม 4 คน, ชาวฝรั่งเศส 2 คน และชาวไอร์แลนด์เหนือ 1 คน รวมถึงมีบาดเจ็บอีกกว่า 600 คน!
แต่เท่านั้นยังไม่พอ ขณะที่เมื่อมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ปรากฏว่าแทนที่การแข่งขันจะยุติลง แต่หลังเกิดเหตุ ยูฟ่าตัดสินใจที่จะจัดการแข่งขันต่อไป โดยให้เหตุผลว่า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นอีกเนื่องจากแฟนบอลเวลานั้นกำลังอยู่ในอารมณ์คุกรุ่น โดยกัปตันของทั้งสองทีมได้ออกมาพูดกับแฟนบอลเพื่อให้สงบลง จนในที่สุดก็แข่งขันกันได้
ภาพจาก https://pantip.com/topic/33718353
มีข้อมูลระบุว่า เหตุการณ์เลวร้ายนั้น เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา เจ้าหน้าที่ของยูฟ่า นายกรัฐมนตรีเบลเยี่ยม นายกเทศมนตรีเมืองบรัสเซลส์ โดยพวกเขาตัดสินใจว่า หากเลื่อนการแข่งขันออกไปรังแต่จะสร้างปัญหาไม่รู้จบ จนเมื่อปรึกษากับตำรวจแล้ว พวกเขาจึงตัดสินใจจะให้มีการแข่งขันต่อไป โดยส่งนักเตะและสตาฟฟ์โค้ชของทั้งสองทีมไปช่วยกันห้ามแฟนบอลของตัวเอง
ระหว่างนั้น ตำรวจม้าของเบลเยี่ยม ก็มาเสริมทัพ พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล โดยขณะที่เจ้าหน้าที่จัดการกับแฟนบอลหัวร้อนไป เจ้าหน้าที่พยาบาลก็ทำหน้าที่ต่อไปทั้งรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บไป และหามไปส่งรพ. กันจ้าละหวั่น
เป็นอันว่า คืนวันนั้น ยูเวนตุส คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพด้วยสกอร์ 1-0 จากลูกจุดโทษของ มิเชล พลาตินี ในนาทีที่ 56 แต่ว่ากันว่า ผลการแข่งขันในนัดนั้น กลับไม่มีใครอยากจดจำ
อย่างไรก็ดี มีข้อมูลจากเฟซบุคแฟนเพจ บัวผันนักวิจัยเด็กหงส์ (https://www.facebook.com/Theworldmystery/posts/1612856745655307) เล่าเรื่องราวไว้ว่า
เดิมที ทีมลิเวอร์พูลไม่เห็นด้วยเรื่องสนามที่จะใช้จักการแข่งขันฟุตบอลรอบชิงชนะเลิศนัดนี้ โดยลิเวอร์พูลได้แสดงความกังวลมาก่อนแล้ว เรื่องการจัดที่นั่งสำหรับแฟนบอลชาวเบลเยี่ยม ที่เข้ามาชมเกมส์แต่ไม่ได้เชียร์ทีมใด โดยเหตุผลที่ให้มาคือ แฟนบอลลิเวอร์พูลและยูเวนตุสเท่านั้นที่ควรจะได้สิทธิ์ซื้อตั๋วเข้าชมการแข่งขัน
ทั้งนี้ การแบ่งที่นั่งสำหรับแฟนบอลที่ไม่ได้เชียร์ทีมหนึ่งทีมใดเลยนั้น เปิดโอกาสให้แฟนบอลชาวเบลเยี่ยมนำตั๋วที่ได้มาขายเป็นตั๋วผี ซึ่งจะทำให้ที่นั่งนั้นมั่ว และปะปนกันของกองเชียร์ทั้งสองทีม ซึ่งภายหลังเหตุการณ์ได้รับการตรวจสอบแล้วว่า ที่นั่งสำหรับแฟนบอลที่เป็นกลางนั้นเต็มไปด้วยแฟนบอลชาวอิตาเลียนทั้งหมด
แต่แม้จะกังวลเช่นนี้ ก็ไม่มีเหตุผลอันควรที่แฟนบอลทีมหงส์แดง จะต้องกระทำการอันรุนแรงดังกล่าว
จนภายหลังเหตุการณ์สลดนี้ สมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือ เอฟเอ ได้ชิงประกาศตัดสินใจ “แบน” ทีมสโมสรทุกทีมของอังกฤษไม่ให้เข้าร่วมการแข่งขันในรายการฟุตบอลสโมสรยุโรป ทุกรายการ ในปีต่อไป และแบนต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี
ส่วนลิเวอร์พูล ในฐานะต้นสังกัดของแฟนบอลที่จุดชนวนเหตุการณ์ขึ้น โดนแบนเพิ่มอีก 2 ปี เป็น 7 ปี
ขณะที่ นายกรัฐมนตรีอังกฤษในขณะนั้น หรือ นางสิงห์เหล็ก มาร์กาเร็ต แธ็ตเชอร์ ยังได้กล่าวในอีก 2 วันต่อมาว่า
ภาพจาก https://pantip.com/topic/33718353
“We have to get the game cleaned up from this hooliganism” “เราจะต้องกำจัดพวกฮูลิแกนในวงการฟุตบอลให้หมดไป เพื่อให้เกมส์ฟุตบอลใสสะอาดขึ้น”
นั่นจึงเป็นที่มาของคำว่า “ฮุลิแกน” ที่โด่งดังขึ้นทั่วโลกเป็นครั้งแรก!!
อนึ่ง ข้อมูลจาก กระทูุ้ในเวบไซต์พันทิป https://pantip.com/topic/33718353 บอกเล่าว่า เฮย์เซล สเตเดี้ยม นั้นสร้างมาตั้งแต่ปี 1930 โดยชื่อ เฮย์เซล (Heysel) มาจากย่านที่ตั้งของตัวสนามนั่นเอง สนามแห่งนี้ถูกทีมชาติเบลเยี่ยมใช้เป็นสนามเหย้ามาโดยตลอด ก็เคยได้รับเลือกให้เป็นสนามนัดชิงชนะเลิศของยูโรเปี้ยน คัพ มาแล้วสามครั้ง (1958, 1966 และ 1974) คัพ วินเนอร์ส คัพ อีก สามครั้งเช่นกัน (1964, 1976 และ 1980)
สนาม เฮย์เซล สเตเดี้ยม ในยุค 1980 ภาพจาก https://pantip.com/topic/33718353
แต่ถึงแม้ว่าจะได้รับเกียรติ ให้จัดอีเว้นท์ใหญ่ๆขนาดนี้มาหลายงาน แต่ตัวสนามเฮย์เซลเองกลับอยู่ในสภาพที่ทรุดโทรมอันเนื่องมาจากตัวสมาคมฟุตบอลของเบลเยี่ยมเองไม่ค่อยมีเงินเอามาปรับปรุงสักเท่าใดนัก สนามมีรอยร้าวถึงขนาดที่แฟนบอลข้างนอกที่ไม่มีตั๋วสามารถยืนดูได้ฟรีๆ ผ่านช่องว่างนั้นได้เลย
ชมคลิป
จากผู้ใช้ FIGHTERS 1985
/////////////////
ขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย
คลิปจาก คลิป Youtube // user: FIGHTERS 1985)
https://pantip.com/topic/33718353
และ https://www.facebook.com/Theworldmystery/posts/1612856745655307
ข่าวที่เกี่ยวข้อง