22 ม.ค.2551 เศร้า ตำนานโจ๊กเกอร์ หลับไม่ตื่นหลังอัด 6 เม็ด
แต่แล้วในขณะที่หนังกำลังเข้าสู่กระบวนการตัดต่อ โลกก็ได้รับข่าวร้ายว่าโจกเกอร์ของเราได้เสียชีวิตไปแล้วจากการใช้ยาเกินขนาด
บางคนถึงกับพูดว่า ถ้าไม่ใช่วันนั้นแล้วจะวันไหน เพราะกระแสข่าวลือเกี่ยวกับการใช้ยาของ “ฮีธ เลดเจอร์” พระเอกสุดฮอตของวงการฮอลลีวู้ด มาแรงเสียจนหลายคนบ่นเสียดายเขาเป็นอันมาก กับอนาคตที่มาไกลกว่าคำว่า “สดใส” เพราะมันกำลัง “รุ่งโรจน์”
ใช่แล้ววันนั้นที่ว่า ก็คือวันนี้เมื่อ 11 ปีก่อน ที่มีคนพบร่างของพระเอกหนุ่มนอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่บนเตียง ภายในห้องนอนของอพาร์ตเมนต์ส่วนตัวบนชั้น 4 เลขที่ 421 บลูม สตรีท ในย่านโซโห แมนฮัตตัน นิวยอร์ก เมื่อช่วงบ่าย 3 วันอังคารที่ 22 มกราคม 2551 หลังอัดยาเข้าไปเกินขนาดจนน็อคแล้วเสียชีวิต
ทั้งนี้ ภายหลังจากนั้นไม่นาน ได้มีผลชันสูตรออกมาชี้ชัดว่า เจ้าตัวเสียชีวิตเพราะ "น็อคยา" หลังจากที่เจ้าตัวกระดกยาพร้อมกันเข้าไปทีเดียว 6 เม็ดรวด และในรายงานยังระบุว่าในนั้นมีทั้งยาแก้ปวด, ยานอนหลับ ยาแก้เครียด หนึ่งในนั้น คือ “ฮิลบิลลี เฮโรอีน” ที่มีฤทธิ์ร้ายแรงอีกด้วย
โดยรายงานระบุสุรปว่า พระเอกดาวรุ่งผู้รับบทเกย์หนุ่มจากภาพยนตร์ Brokeback Mountain อันลือลั่น ได้เสียชีวิตจาก “อาการมึนเมายาอย่างฉับพลัน” นั่นเอง
สำหรับ “ฮิลบิลลี เฮโรอีน” นั้น คือการเรียกขานถึงความร้ายกาจของตัวยา โดยที่จริงแล้วมันคือตัวยา "OxyContin" ซึ่งเป็นหนึ่งในยาแก้ปวดที่บรรจุด้วยส่วนผสมของมอร์ฟีน ยาเสพย์ติดที่ใช้ในทางการแพทย์เพื่อระงับอาการปวด
นอกจากนี้ รายงานข่าวยังระบุว่า “ฮิลบิลลี เฮโรอีน” นั้น เป็นตัวยาที่ถูกนำไปใช้กันอย่างแพร่หลายในทางที่ไม่ดี ซึ่งที่ผ่านมามีผู้คนมากมายในสหรัฐที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับมัน เช่นเดียวกับที่ถึงคิวของ "ฮีธ เลดเจอร์" ที่ต้องมาจบชีวิตในวัยเพียง 28 ปีเท่านั้น
เหตุตายพระเอกหนุ่ม
อย่างไรก็ดี ถ้าคิดว่า "ฮีธติดยา" ยังมีข้อโต้แย้งจาก "ชาร์ลส์ เฮิร์ช" ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับยาของนิวยอร์คที่อกมาระบุแก่สื่อว่า การเสียชีวิตของพระเอกหนุ่มเป็นอุบัติเหตุที่ใช้ยาตามใบสั่งของแพทย์ในทางที่ผิด
ขณะที่กลุ่มนักพยาธิวิทยา ยังนยืนยันว่า ฮีธใช้ยาเพื่อให้เกิดอาการมึนเมาและทำให้เขาเบิกบานใจขึ้นเท่านั้น
ถามว่าทำไมเขาจึงต้องการมึนเมาและเบิกบานใจขึ้นขนาดนั้น คำตอบที่ดีที่สุดอยู่ที่ฮีธเท่านั้น หากแต่เขาไม่สามารถลุกขึ้นจากหลุมศพเพื่อบอกพวกเราได้อีกแล้ว
แต่ถ้าใครติดตามข่าวคราวของเขาจะพบว่า หลายที่มีการวิเคราะห์ว่า มันมีต้นตอจากการที่ฮีธต้องการเข้าถึงบทบาท “โจ๊กเกอร์” ในภาพยนตร์ดัง "The Dark Knight" ภาคต่อของ "Batman Begins" ที่ออกฉายในปี 2551 หลังจากที่เราได้สูญเสียผู้รับบทโจกเกอร์ไปแล้วในชีวิตจริงไม่นานนั่นแหละ
อย่างที่รู้ว่า นักวิจารณ์และผู้ชมทั่วโลกได้ยกให้ “โจ๊กเกอร์” ในบทบาทที่ฮีธถ่ายทอดออกมา เป็นโจกเกอร์ที่ดีที่สุด มุมหนึ่งอาจว่าเพราะโลกต้องการให้เกียรติและเป็นการไว้อาลัยแก่ผู้ตาย
หากที่จริงแล้ว ถ้าใครที่ได้ชมลีลาโจ๊กเกอร์ของฮีธ กลับลืมไปหมดสิ้นว่าฮีธได้จากโลกนี้ไปแล้ว มีแต่ความชื่นชม และเจ็บปวดไปพร้อมกับชะตาชีวิตของโจกเกอร์ในภาพยนตร์เรื่องนั้นทั้งสิ้น
และนั่นไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แน่นอน “ฮีธ” ได้ทำมันทั้งหมดด้วย “จิตวิญญาณ” ดังที่ข่าวระบุว่า ฮีธเมื่อตัดสินใจรับบทโจกเกอร์ ใน The Dark Knight ของผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลน เขาก็ทุ่มเทให้กับบทบาทนี้เป็นอันมาก
วิธีการหนึ่งที่เขาทำเพื่อเข้าถึงบทบาทของวายร้ายโรคจิตระดับตำนาน นั้นคือการขังตัวเองอยู่ในอพาร์ทเมนต์นานถึง 1 เดือน เพื่อให้ตัวเองเข้าถึงคาแรคเตอร์วิกลจริตอย่างโจ๊กเกอร์ได้ดีที่สุด
Lucky in Game Unlucky in Love
แต่เหมือนเป็นคำสาปของใครสักคน ที่ในขณะที่เรากำลังรุ่งโรจน์อยู่กับชีวิตด้านหนึ่ง ชีวิตอีกด้านหนึ่งกลับพังภินท์ลงเสมอ
ฮีธก็ไม่ยกเว้น เพราะข่าวซุบซิบเวลานั้นออกมาว่า ฮีธก็เริ่มมีปัญหากับภรรยา หรือ “มิเชลล์ วิลเลียมส์” แม่ของลูกสาวของเขาเอง “มาธิลดา โรส” ที่เกิดเมื่อ 28 ตุลาคม 2548
และสิ่งนี้ทำให้สภาพจิตใจของเขาเริ่มย่ำแย่ ถึงขนาดต้องใช้ยานอนหลับเพื่อคลายเครียด กระทั่งทั้งคู่ตัดสินใจหย่าขาดจากกัน ก่อนหน้าฮีธเสียชีวิตได้ไม่นาน โดยว่ากันว่าฮีธนั้นเสียใจมากที่ต้องห่างจากบุตรสาวของเขาในวัยเพียง 2 ขวบ กำลังน่ารัก
www.mirror.co.uk
หากแต่อีกหลายคนบอกว่า สองเรื่องนี้เป็นปัญหาของกันและกัน
เพราะว่ากันว่า ระหว่างการถ่ายทำหนังเรื่องนี้ ฮีธสวมวิญญาณโจกเกอร์ จนเข้าถึงตัวละครตัวนี้ชนิดที่สลัดมันออกไปไม่ได้ ส่งผลให้เขาเก็บเอาบุคลิกและความเป็นโจกเกอร์กลับบ้านไปด้วย และแน่นอน ปัญหากับคนในครอบครัวจึงเริ่มก่อตัว
และยังว่ากันว่าความโด่งดัง ทำให้ฮีธชอบไปเที่ยวสังสรรค์ จนห่างเหินจากภรรยาและลูกสาว ในขณะที่การเลี้ยงลูกเล็กๆ ของภรรยา ก็นับว่าเป็นงานที่หนักเอามากๆ แถมยังต้องรับมือกับบุคลิกที่เปลี่ยนไปของสามี ก็คงเกินกว่าจะแบกต่อไปไหว ที่สุดทั้งคู่ก็ระเบิดออกมาเป็นการแยกทางช่วงเดือนสิงหาคม 2550
แต่ที่สุด ด้วยความเป็นมืออาชีพ เขาก็ยังคงไปกองถ่ายและทำมันให้จบอย่างดีเยี่ยมในปี 2551
แต่แล้วในขณะที่หนังกำลังเข้าสู่กระบวนการตัดต่อ โลกก็ได้รับข่าวร้ายว่าโจกเกอร์ของเราได้เสียชีวิตไปแล้วจากการใช้ยาเกินขนาด
มากไปกว่าความเศร้านั้น คือเขาเสียชีวิตโดยที่ยังไม่ได้เห็นสิ่งที่ตนเองได้ทุ่มเทมันไปทั้งชีวิตในบทโจ๊กเกอร์บนจอภาพยนตร์ และยังไม่ได้ขึ้นรับรางวัลรางวัลอคาเดมี่ อวอร์ด (ออสการ์) ครั้งที่ 81 (2552) สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ในบทบาทโจกเกอร์ของเขาด้วยซ้ำ
วันนี้ ร่างของฮีธถูกฝังในสุสานการากัตตาในส่วนที่เป็นที่ดินส่วนตัวของครอบครัวในเมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย แต่เรื่องราวของเขาเรายังคงพูดถึงอยู่เสมอ เฉกเช่นวันนี้
อัศวินพันธุ์ร็อคที่รัก
อนึ่ง ฮีธ เลดเจอร์ เกิดเมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) ที่เมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย
เป็นลูกของ “แซลลี่ เลดเจอร์ เบลล์” ครูสอนภาษาฝรั่งเศส และ “คิม เลดเจอร์” นักขับรถแข่งและวิศวกรประจำเหมือง มีน้องสาวหนึ่งคนชื่อ “แคเทอรีน”
วัยเด็ก ฮีธ เลดเจอร์ เข้าเรียนระดับประถมที่โรงเรียน แมรีส์ เมาต์ และระดับมัธยมที่ กิลด์ฟอร์ด แกรมมา สคูล ที่เมืองเพิร์ธ นั่นเอง
ครอบครัวของฮีธแม้จะมีกิจการวิศวกรรมเป็นของตัวเอง ทำให้มีฐานะพอสมควร แต่ภายหลังพ่อกับแม่ของเขา ก็ได้หย่าขาดจากกันเมื่อเขาอายุ 11 ขวบ
แต่ฮีธก็เหมือนรู้ว่าเส้นทางชีวิตของเขาคืออะไร ที่สุดเขาก็เริ่มสนใจในการแสดง และตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนตอนอายุ 17 ปี และเดินทางไปซิดนีย์เพื่อทำตามความฝัน
ด้วยหน้าตาและความสามารถฮีธได้รับบทบาทเล็กๆ ในทีวีออสเตรเลียหลายเรื่อง จนกระทั่งมารับบทนำในหนังคอมเมดี้เรื่อง 10 Things I Hate About You (2542) ในยุคที่ภาพยนตร์วัยรุ่นกำลังเบ่งบาน
หากที่ประสบความสำเร็จเป็นที่จดจำในฐานะนักแสดงดาวรุ่งทันที จากนั้นเขาก็ได้รับบทสมทบในหนังฮอลลีวู้ดมากมาย กระทั่งแจ้งเกิดอย่างสมบูรณ์ในบทนำเรื่อง A Knight’s Tale (2544) "อัศวินพันธุ์ร็อค" บทบาทที่คนดูหนังทั่วโลกสุดรัก เพราะเหมือนกับเป็นจุดพอเหมาะพอดี กับช่วงวัยของฮีธที่ควรเต็มไปด้วยพลังงานและความสดใส
ทั้งนี้ พระเอกของเราก็มีงานเรื่อยมากมาย นับคร่างๆ ประมาณ 20 เรื่องก่อนเสียชีวิต
แต่อะไรก็ฉุดเขาไว้ไม่อยู่ ฮีธขึ้นสู่จุดสูงสุดทะลุปรอทแตก!! เมื่อเขาตัดสินใจรับบทนำเป็นเกย์หนุ่มในเรื่อง Brokeback Mountain (2548) กับบทบาทที่เข้าขากันอย่างมากกับ "เจค จิลเลนฮาน" แฟนหนุ่มในเรื่อง
เรื่องนี้ สร้างกระแสและเสียงตอบรับไม่พอ ฮีธยังมีชื่อเสนอเข้าชิงรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมในปี 2548 แต่มากกว่ารางวัล คือ เขาได้พบรักกับแม่ของลูกหรือ "มิเชลล์ วิลเลียมส์" ในกองถ่ายภาพยนตร์เรื่องนี้นั่นเอง
สำหรับบทบาทใน “The Dark Knight” ฮีธเคยบอกว่า “เวลาถ่ายหนัง เราจะอินถึงบททั้งด้านร่างกายและจิตใจ แต่ผมสนุกมากกับเรื่องนี้ นี่เป็นบทบาทที่ทำให้ผมสนุกที่สุดเท่าที่แสดงมา”
วันนี้ ถ้าเราเลือกได้ เราคงอยากขอให้อัศวินพันธุํร็อคคนนี้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง และอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเขาไม่ได้รับบท “โจกเกอร์” บางทีเราอาจไม่ต้องสูญเสียเขาก็เป็นได้
เพราะอย่างที่รู้ว่า บทบาทนี้ ทำเอาอดีตผู้เคยรับบทโจกเกอร์ต้องผจญกับอาถรรพณ์อาการนอนไม่หลับราวกับต้องคำสาปมาหลายคนแล้ว เพียงแต่ฮีธไม่สามารถรับมือกับมันได้อีกต่อไป