ใครกินส่วนต่าง !! ปชช.โวย โรงแรมหัวใส อัพราคา "เราเที่ยวด้วยกัน" แพงเท่าจองปกติ

เปิดลงทะเบียนอย่างเป็นทางการแล้ว www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ภายใต้โครงการ โดยในแพ็กเกจ  "เราเที่ยวด้วยกัน"   เปิดให้ปชช.ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.63 ได้ลงทะเบียนรับสิทธิ์ "เราเที่ยวด้วยกัน" มีประชาชนใช้สิทธิ์เข้าร่วมโครงการไปแล้วกว่า 1 ล้านสิทธิ์

สนับสนุนส่วนลดค่าโรงแรมที่พัก 40% ส่วนลดค่าอาหารและค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว และสนับสนุนค่าเดินทางโดยเครื่องบิน 40% เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภาคประชาชนผ่านการท่องเที่ยวภายในประเทศ ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง สนับสนุนการสร้างงานและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศในองค์รวม จะเปิดให้ประชาชนที่ลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว เปิดจองโรงแรมที่พักที่เข้าร่วมโครงการเป็นวันแรก และเข้าพักตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค. เป็นต้นไป โดยต้องจองห้องพักล่วงหน้า 3 วันก่อนเข้าพัก

แต่ในโลกโซเชียล ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก ถึงพฤติกรรมของผู้ประกอบการ เมื่อหลายคนที่สมัครเข้าร่วมโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน”แล้ว เลือกห้องพัก ปรากฏว่า ผู้ประกอบการ เจตนาไม่ บริสุทธิ์ อัพราคาห้อง จากราคาปกติ ให้มีมีราคาเพิ่มสูงขึ้น ถึงแม้รัฐจะช่วยจ่าย 40 % แต่เมื่อคำนวณแล้ว ประชาชนก็ยังจ่ายเท่ากับราคาเดิมที่จองเองแบบไม่เข้าร่วมโครงการ

อ่านข่าวเกี่ยวข้อง : "เราเที่ยวด้วยกัน"เปิดขั้นตอนจองโรงแรม 2 วิธี ห้ามพลาดไม่งั้นอาจเสียสิทธิ์

อาทิเช่น

ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งโพสต์ “มันถูกลงตรงไหนฟะ? วันเดียวกัน ห้องเดี่ยวกัน  (แต่เข้าร่วมโครงการ ราคาแพงกว่าจองปกติป

พร้อมแนบรูป  การจองปกติดในเวป Agoda จองห้องดีลักซ์ วิวแม่น้ำ โรงแรมแห่งหนึ่ง 2 ห้อง 2 คืน (รวมอาหารเช้า) ราคา 6,165.82 บาท  ภาษีและค่าธรรมเนียม 1,380.76 บาท รวมจ่าย 7,546.58 บาท

และอีกรูป จองด้วยสิทธิ์เราเที่ยงด้วยกัน ห้องเดี่ยวกัน ดีลักซ์วิวแม่น้ำ 2 ห้อง 2 คืน (รวมอาหารเช้า) ราคา 11,196.86 บาท ส่วนลดโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” 1,257.76  ภาษีและค่าธรรมเนียม 1,380.76 บาท รวมค่าใช้จ่ายทิ้งสิ้น 11,319.86 บาท

 

ขณะที่อีกท่านหนึ่ง ก็โพสต์  ก่อนใส่ กับ หลังใส่ เราเที่ยวด้วยกัน

จองเอง โดยไม่ผ่านโครงการ ห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่ง ห้องดีลักซ์ 1 เตียงคิงไซส์ หรือ 2 เตียงเดี่ยวพร้อมโซฟาเบด (รวมอาหารเช้า) 1 ห้อง 1 คืน  2,804.76 บาท ภาษีและค่าธรรมเนียม 938.10  ร่วมค่าใช้จ่าย 3,742.86 บาท

 

จองผ่านการเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน  ห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่ง ห้องดีลักซ์ 1 เตียงคิงไซส์ หรือ 2 เตียงเดี่ยวพร้อมโซฟาเบด (รวมอาหารเช้า) 1 ห้อง 1 คืน  5,300 บาท ส่วนลดโครงการ”เราเที่ยวด้วยกัน 2,495.24 บาท  ภาษีและค่าธรรมเนียม 938.10  ร่วมค่าใช้จ่าย 3,742.86 บาท

นี่เป็นเพียงแค่บางส่วนที่ ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการแล้วเจอปัญหานำมาสะท้อน และสอบถามกันดังๆว่า เงินส่วนต่างที่ ผู้ประกอบการเก็บในการจองปกติ แล้วมาเพิ่มเงินขึ้นในการเข้าร่วม เราเที่ยวด้วยกัน เมื่อมีส่วนต่างแล้ว เงินไปอยู่ที่ใคร ใครได้ประโยชน์ ก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบ

ล่าสุด วันนี้(19 ก.ค.63)  น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ยอดการจองที่พักในโครงการ"เราเที่ยวด้วยกัน"วันแรก เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามีอัตราการจองของประชาชนแล้วอยู่ที่ 3.6 ล้านคน โดยนับจากการที่โรงแรมที่พักได้ส่งอัตราค่าห้องพักให้นักท่องเที่ยวได้ชำระเงิน โดยเมืองหลักยังคงได้รับความนิยมสูง ส่วนแหล่งท่องเที่ยวระยะใกล้มียอดจองสูงสุดในภาคตะวันออกและตะวันตก โดยประชาชนนิยมจองโรงแรมติดทะเล และส่วนใหญ่จะจองเพียง 1 คืน ส่วนแหล่งท่องเที่ยวระยะไกล ที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ ภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จังหวัดกระบี่ ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมจองที่พักจำนวน 2 คืน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ทางด้านระบบสมัครรับสิทธ์ ระบบการแจ้งยอด และระบบชำระค่าห้องพักนั้นทุกอย่างถือว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี คาดว่าช่วงวันเสาร์-อาทิตย์นี้ ประชาชนจะทยอยเข้าร่วมโครงการฯและจองห้องพักมากขึ้น โดยในช่วงสัปดาห์หน้าที่มีช่วงวันหยุดยาวชดเชยสงกรานต์ตามมติคณะรัฐมนตรี ที่จะเริ่มมีการเดินทางในช่วงวันศุกร์ที่ 24 ก.ค.เป็นต้นไป

 

 ในส่วนสิทธิพิเศษ ตามโครงการ"เราเที่ยวด้วยกัน" นั้น รัฐได้สนับสนุนค่าใช้จ่าย 40% ของราคาที่พักต่อห้องต่อคืน ซึ่งจองได้ไม่เกิน 5 คืน ซึ่งมีด้วยกัน 5 ล้านสิทธิ์

 

น.ส.ไตรศุลี ยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลขอความร่วมมือและย้ำเตือนไปยังผู้ประกอบการโรงแรมที่พักว่าอย่าใช้โอกาสนี้ขึ้นราคาที่พัก หลังพบข้อมูลในโซเชียลมีเดียว่ามีการร้องเรียนเรื่องดังกล่าวเป็นจำนวนมาก โดยจะมีหน่วยงานเข้าไปตรวจสอบว่ามีการขึ้นราคาจริงหรือไม่ เพื่อป้องกันการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว หากพบว่าโรงแรมมีการขึ้นราคาจริง โรงแรมจะถูกตัดสิทธิ์ในการเข้าร่วมโครงการทันที ซึ่งโครงการเราเที่ยวด้วยกันนี้ มุ่งหวังที่จะส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว เพื่อกระจายรายได้สู่พื้นที่ต่างๆ อันเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาครวม จึงหวังว่าผู้ประกอบการจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่ฉวยโอกาสกับประชาชน