'บิ๊กต่อ' พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ส่งทนายยื่นฟ้อง 'ทนายตั้ม' หมิ่นประมาทฯ ทั้งคดีอาญา คดีแพ่ง เรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท นัดหมายไต่สวนมูลฟ้อง 10 มิ.ย.
29 มี.ค.2567 ทีมทนายความของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) นำโดย นายศิริพงษ์ พงศ์พันธุ์สุข อดีตอัยการศาลสูงภาค1 เดินทางมาที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อยื่นฟ้อง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาฯ โดยเป็นการฟ้องทั้งคดีอาญา และคดีแพ่งในการเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท
ทีมทนายความ ระบุว่า ได้ทำการจัดหาทนายความ หัวหน้าทีมทนายความคือ นายศิริพงษ์ ที่มาฟ้องร้องทนายตั้มในข้อหา หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาฯ จากกรณีที่ทนายตั้ม แถลงข่าวว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ไปเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าและรับเงินส่วย
ทั้งนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้ขอบคุณทนายตั้ม ที่ได้เปิดโอกาส ให้มีการตรวจสอบการทำงานของท่านเพื่อความโปร่งใส และยืนยันว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ พร้อมครอบครัวยินดีรับการตรวจสอบทุกมิติ และยินดีให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ตรวจสอบได้ รวมถึงทีมที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้นยินดีให้ตรวจสอบทุกมิติ และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ขอให้ดำเนินการตามระบบในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งทนายตั้มสามารถแต่งตั้งทนายในฐานะจำเลยมาคัดค้านได้
ทั้งนี้หากพิสูจน์ได้ว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ มีความผิดเกี่ยวกับบัญชีม้า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ท่านก็ยินดีรับผิดชอบตามกระบวนการยุติธรรม
ส่วนเครือญาติของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ พร้อมยินดีให้ตรวจสอบแต่ขอให้เป็นไปในกระบวนการของศาลและกระบวนการยุติธรรมไม่ใช่พูดไปเรื่อย แต่ต้องมีกระบวนการที่ชี้ชัดโดยในวันเบิกความนีดแรกวันที่ 10 มิถุนาย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จะเดินทางมาเบิกความด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การฟ้องครั้งนี้ไม่ใช่การแก้เกี๊ยว แต่จะได้มาซักค้านตอบกันในศาลเพื่อให้เกิดการบันทึกคำในการไต่สวนที่ไม่สามารถบิดเบือนได้ และไปใช้ในทางคดี ทั้งนี้จะไม่มีการถอนฟ้องหรือการไกล่เกลี่ยใด ๆ เพราะไม่ใช่การฟ้องเพื่อหาเหตุในการต่อรองหรือการแก้แค้น
สำหรับหลักฐานเรื่องเส้นเงินที่ทนายตั้มนำมาเปิดเผยก่อนหน้านี้ ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบ มีการใช้ตำรวจและเจ้าหน้าที่เขต รวมถึงเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ ไปล้วงข้อมูลส่วนตัวทะเบียนราษฎร์ ของ ผบ.ตร.และครอบครัวนั้น
ทีมทนายความมีข้อมูลว่า มีการเจาะเข้าไปดูข้อมูลของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ 20 ครั้ง ส่วนภรรยาส่องสำรวจข้อมูลถึง 40 ครั้ง รวมถึงเข้าไปในระบบเพื่อดูข้อมูล พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. และ รองผบ.ตร. ท่านอื่นด้วยตั้งแต่ช่วง ปี 2566-2567 จึงเชื่อว่าเรื่องนี้มีเจ้าหน้าที่รัฐทำงานกันเป็นขบวนการ เพื่อให้ได้ข้อมูลเหล่านี้มา ดังนั้นข้าราชการที่ร่วมกระทำต้องร่วมกันรับผิดชอบว่ามีอำนาจโดยชอบหรือไม่
สำหรับที่ทนายตั้มด้อยค่าทีมทนายความ เรื่องของการแพ้คดี ฟ้องร้องหมิ่นประมาทถึง 6 ครั้ง มองว่า ทนายตั้มพูดข้อมูลไม่หมด ก่อนหน้านี้มีการฟ้องร้องคดีกันถึง 25 คดี และบางคดียังไม่ถึงที่สุดยังอยู่ในชั้นอุทธรณ์ ส่วนนายศิริพงษ์ หัวหน้าทีมทนายความนั้น ก็ไม่ได้ มีส่วนเกี่ยวข้องที่เคยฟ้องร้องทนายตั้ม มาก่อน
ด้านทนายศิริพงษ์ กล่าวอีกว่า จากหลักฐานของทนายตั้มที่นำมาแสดงดูแล้วไม่มีอะไรเลย ยืนยันได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ทั้งนี้ไม่ได้หมายถึงการสร้างหลักฐานเท็จ แต่ถ้ามีหลักฐานจริงต้องแจ้งความแล้ว เพราะการดำเนินคดีกับตัวละครต่าง ๆ นั้น ทนายตั้มก็รู้หมดว่าใครเป็นใคร
ส่วนที่ทนายตั้มอ้างว่า ยังไม่แจ้งความเพราะมีกรอบระยะเวลา 30 วัน ในการทำคดีแล้วต้องส่ง ป.ป.ช.นั้นเป็นเพียงข้ออ้างว่า ที่อยู่ในกรอบระยะเวลาเพราะกรอบระยะเวลาถ้าจะทำจริง ถ้าผิดจริง ตำรวจทำได้อยู่แล้ว แต่ไม่กล้าแจ้งเพราะรู้ว่าไม่มีอะไรให้ไปสืบต่อเอาเอง แต่ที่มาพูดทั้งหมดยังไม่มีหลักฐาน เพราะถ้ามีจริงควรแสดงแล้ว หรือถ้ามีจริงก็้ฝเอามาสู้ในชั้นศาลได้เพราะตอนนี้เราแจ้งความเป็นคดีอาญาแล้ว ซึ่งหากมีหลักฐานจริงทีมทนายความก็พร้อมยอมรับ
ส่วนกรณีที่อ้างว่าหลักฐานได้มาโดยมิชอบนั้น ก็ไม่สามารถใช้ในชั้นศาลได้ จะต้องขอใหม่จากหน่วยงานที่ถูกต้อง ถึงเป็นเจ้าหน้าที่รัฐก็ต้องขอเพื่อให้ได้มาโดยชอบ ถ้าได้มาโดยมิชอบก็ใช้บังคับไม่ได้ ซึ่งทนายความคงต้องไปตรวจสอบก่อนด้วยว่าได้มาโดยชอบหรือไม่ และไม่ได้กังวล เพราะมั่นใจว่าข้อมูลของทนายตั้มเป็นเท็จ จึงต้องฟ้องดำเนินคดีเพื่อให้มาเปิดเผยในชั้นศาล
ทั้งนี้ในการต่อสู้คดีของทีมทนายไม่จำเป็นต้องหาข้อมูลอะไรเพราะข้อโต้แย้งมีอยู่ในตัวอยู่แล้ว หลักฐานที่ทนายตั้มนำมาแสดงมีข้อโต้แย้งทุกตัวและมั่นใจว่า ทีมทนายความไม่มีเพลี่ยงพล้ำ
สำหรับวันนี้ศาลรับคดีไว้ไต่สวนแล้ว และได้นัดหมายไต่สวนมูลฟ้อง วันที่ 10 มิ.ย. โดยในวันดังกล่าว พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จะมาไต่สวนมูลฟ้องด้วยตนเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง