คอลัมนิสต์

ยี้ไม่ยี้-จบที่นายกฯ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บทบรรณาธิการ นสพ.คมชัดลึก ฉบับวันพุธที่ 19 มิถุนายน 2562

 

 

          ตามรูปการณ์ที่ปรากฏแล้ว การที่โฆษกพรรคเพื่อไทยมองรัฐมนตรีชุดใหม่บางคน หรือหลายคนในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าอยู่ในประเภทที่เรียกกันว่า “รัฐมนตรียี้” คงไม่ใช่การติเรือทั้งโกลน ตีตนไปก่อนไข้เกินไปนัก เพราะจะว่าไปแล้ว ตามรายชื่อที่ปรากฏทางสื่อมวลชนตรงกันหลายสำนักนั้น บางคนมีอดีตให้ชวนสงสัยหลายเรื่องด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ผลประโยชน์ทับซ้อน เป็นผู้มีอิทธิพล และอีกบางคนก็ถูกปรามาสว่าไม่น่าจะมีความสามารถเหมาะสมกับตำแหน่งที่กำลังจะได้รับ ขณะเดียวกัน เกมการต่อรองและแย่งชิงตำแหน่งก็ดำเนินไปอย่างเข้มข้น และเปิดเผย เริ่มต้นที่พรรคร่วมรัฐบาล และก็มาถึงคิวของพรรคพลังประชารัฐเอง แม้พวกเขาจะพยายามบอกสังคมว่าไม่ได้ต่อรองขอตำแหน่ง แต่ในความเป็นจริงก็เป็นที่รับรู้กันว่า การแสดงตนเช่นนั้นคือการสร้างแรงกดดัน

 

 


          พรรคร่วมฝ่ายค้าน 7 พรรค โดยการนำของพรรคเพื่อไทย เริ่มแสดงบทบาทตรวจสอบและถ่วงดุล โดยที่ประชุมวิปฝ่ายค้านได้หารือกันถึงเรื่องการยื่นญัตติด่วนต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการสรรหา ส.ว. นอกจากนี้วิปฝ่ายค้านยังหารือถึงแนวทางการอภิปรายในโอกาสที่รัฐบาลเตรียมจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา และต่อจากนั้น จะพิจารณาคุณสมบัติของ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะเห็นว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย และนั่นก็ยังไม่รวมถึงการประชุมสภาเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ซึ่งจะเข้าวาระการพิจารณาให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นปีงบประมาณในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้านี้ ก็จะเป็นอีกจุดเปราะบางหนึ่งที่รัฐบาลจะต้องเผชิญ ในสภาพเสียงสนับสนุนปริ่มน้ำ และภาพลักษณ์ที่ถูกมองในทางลบ ขณะที่จะโดนตรวจสอบขุดคุ้ยแบบไม่ยั้งมือ

 


          บทเรียนรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่ผ่านมาในอดีต บันทึกเอาไว้ว่า การบริหารงานแผ่นดินไม่สามารถเป็นไปได้อย่างราบรื่น เพราะเกิดการเรียกร้องผลประโยชน์อยู่ตลอดเวลา เนื่องจากอำนาจต่อรองไปตกอยู่กับกลุ่มก๊วนต่างๆ ในพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งในที่สุดรัฐบาลก็ไปไม่รอด ขณะเดียวกัน เมื่อการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ที่แบ่งปันเก้าอี้รัฐมนตรีกันด้วยจำนวน ส.ส. จึงเป็นเรื่องยากยิ่งที่ผู้นำรัฐบาลจะสามารถเลือกเฟ้นรัฐมนตรีได้อย่างเป็นอิสระ ตามที่เห็นว่าเหมาะสมกับงานราชการแผ่นดิน เพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมืองและประชาชน ส่วนความเสียสละของฝ่ายการเลือกที่จะลด ละ เลิก เรียกร้องตำแหน่งแห่งหนนั้น ในอดีตที่ผ่านมา ชัดเจนอยู่แล้ว่า เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

 


          อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ สังคมก็ยังคาดหวังอยู่ว่า เมื่อรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีที่เคยบอกก่อนหน้านี้ว่าจะดูแลด้วยตนเอง และเลขาธิการคณะรัฐมนตรีก็ยืนยันว่า การตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรีใหม่ยังไม่เสร็จสิ้น ย่อมมีความเป็นไปได้ว่า นายกรัฐมนตรีจะใช้อำนาจสิทธิ์ขาดในการปรับเปลี่ยนรายชื่อคณะรัฐมนตรีให้เหมาะสมกับหน้าที่ความรับผิดชอบในกระทรวงต่างๆ ไม่เปิดโอกาสให้ตัวแทนของบางคนหรือบางกลุ่มที่เข้าลักษณะผลประโยชน์ทับซ้อน เข้าไปนั่งในตำแหน่งที่จะเอื้อให้ตนเองและพวกพ้อง แม้จะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นในเร็ววันนี้ แต่ก็เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยของประชาชน ซึ่งจะยิ่งให้ทำเกิดการต่อรองหนักขึ้นอีก เช่นเดียวกับรายชื่อของอีกหลายคนที่ถูกมองว่า “ยี้” ก็ไม่ควรร่วมในรัฐบาลที่เคยอ้างตนว่า เข้ามาเพื่อปฏิรูปประเทศไทย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ