ข่าว

เรื่องน่ารู้ก่อนเปิดม่านเวิลด์คัพ2018

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ใกล้จะระเบิดศึกเข้ามาทุกทีสำหรับมหกรรมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง "ฟุตบอลโลก 2018" ซึ่งจะเริ่มแข่งขันในวันที่ 14 มิ.ย.-15 ก.ค.ที่ประเทศรัสเซีย

     สำหรับฟุตบอลโลกครั้งดังกล่าวถือเป็นศึกเวิลด์ คัพ ครั้งที่ 21 ซึ่งมี 32 ทีมเข้าร่วมเช่นเดิม โดยมาจากโซนเอเชีย 5 ทีม (ออสเตรเลีย, อิหร่าน, เจแปน, ซาอุดิอาระเบีย และเกาหลีใต้), คอนคาเคฟ 3 ทีม (คอสตาริกา, เม็กซิโก และปานามา), อเมริกาใต้ 5 ทีม (อาร์เจนตินา, บราซิล, โคลอมเบีย, เปรู และอุรุกวัย), ยุโรป 14 ทีม (เบลเยียม, โครเอเชีย, เดนมาร์ก, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, ไอซ์แลนด์, โปแลนด์, โปรตุเกส, รัสเซีย, เซอร์เบีย, สเปน, สวีเดน และสวิตเซอร์แลนด์) และแอฟริกา 5 ทีม (อียิปต์, โมร็อคโค, ไนจีเรีย, เซเนกัล และตูนิเซีย) โดยไม่มีชื่อของยอดทีมอย่าง อิตาลี, เนเธอร์แลนด์ และชิลี แต่อย่างใด
     โดยก่อนที่เวิลด์ คัพ ในครั้งนี้จะเริ่มต้นขึ้นก็มีประเด็นที่น่าสนใจ รวมถึงเกร็ดความรู้เพื่อเตรียมตัวก่อนฟุตบอลโลก 2018 จะเปิดฉากขึ้น

ทำไม“รัสเซีย”ถึงเป็นเจ้าภาพ?
    สำหรับฟุตบอลโลกถือเป็นมหกรรมกีฬาที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจ และติดตามทำให้หลายประเทศอยากเสนอตัวเป็นเจ้าภาพเพื่อทำให้ประเทศของตัวเองเป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมถึงเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจทางอ้อมอีกด้วย
     เช่นเดียวกับฟุตบอลโลก 2018 ครั้งนี้ที่ทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ได้เปิดโอกาสให้ประเทศสมาชิกเสนอตัวเข้ามาในปี 2009 ซึ่งตอนแรกได้มี 9 ชาติที่เสนอตัวเข้ามา จนกระทั่งสุดท้ายถอนตัวกระทั่งเหลือแค่ 4 ข้อเสนอ ได้แก่ รัสเซีย, เบลเยียม-เนเธอร์แลนด์ (เจ้าภาพร่วม), โปรตุเกส-สเปน (เจ้าภาพร่วม) และอังกฤษ
     จนกระทั่งในปี 2010 ได้มีการโหวตเลือกเจ้าภาพของฟุตบอลโลกครั้งนี้ และเป็น รัสเซีย ที่ได้รับการโหวตชนะทั้ง 2 รอบจากคณะกรรมาธิการฟีฟ่า 22 คน โดยรอบแรกได้ 9 เสียง และรอบที่สองได้ 13 เสียง
     โดยแรงบันดาลใจในการขอเสนอตัวเองเป็นเจ้าภาพในศึกเวิลด์คัพของรัสเซีย เกิดจากการที่ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีที่ต้องการนำประเทศออกสู่สายตาชาวโลกด้วยการให้พวกเขามาสัมผัสด้วยตัวเอง
     ถึงกระนั้นพวกเขาต้องเจอปัญหามากมายที่ตามมา ทั้งการที่ถูกสื่อขุดคุ้ยว่าการที่รัสเซียได้เลือกเป็นเจ้าภาพเกิดจากการล็อกผล รวมไปถึงประสบปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ และเรื่องของปัญหาการใช้สารกระตุ้นของนักกีฬา จนทำให้หลายๆอย่างเกิดความไม่เรียบร้อย ทั้งเรื่องสปอนเซอร์ รวมถึงการเตรียมความพร้อมต่างๆ แต่สุดท้ายทางฝ่ายจัดการแข่งขันก็ยืนยันว่าทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อย และพร้อมเปิดการแข่งขันอย่างแน่นอน

สนามแข่งขัน
     ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียนี้ จะมีการจัดการแข่งขันกันทั้งหมด 12 สนาม จาก 11 เมือง โดยเดิมทีทางฝ่ายจัดการแข่งขันได้วางแผนว่าจะมีสนามเพื่อใช้แข่งขันถึง 16 สนาม แต่ด้วยเรื่องงบประมาณ รวมถึงเรื่องเวลาทำให้สุดท้ายแล้วลดลงมาเหลือ 12 สนามเท่านั้น
สำหรับทั้ง 12 สนามดังกล่าวประกอบไปด้วย คาซาน อารีนา (เมืองคาซาน), เยคาเทรินเบิร์ก อารีนา (เมืองเยคาเทรินเบิร์ก), ฟิชต์ สเตเดียม (เมืองโซชิ), กาลินอิงกราด สเตเดียม (เมืองกาลินอิงกราด), สปาร์ตัก สเตเดียม (กรุงมอสโก), ลุซนิกิ สเตเดียม (กรุงมอสโก), นิชนี โนฟโกรัท สเตเดียม (เมืองนิชนี โนฟโกรัท), รอสตอฟ อารีนา (เมืองรอสตอฟ), เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก สเตเดียม (เมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก), ซามารา อารีนา (เมืองซามารา), มอโดเวีย อารีนา (เมืองซารันสค์) และวอลโกกราท อารีนา (เมืองวอลโกกราท) ด้วยงบประมาณทั้งสิ้น 11.8 พันล้านดอลลาร์ (ราว 3.65 หมื่นล้านบาท)
     โดยสนามที่จะแข่งขันในนัดแรก คือ ลุซนิกิ สเตเดียม ในเกมที่ รัสเซีย เจ้าภาพ จะพบกับ ซาอุดิอาระเบีย ส่วนเกมรอบชิงชนะเลิศจะแข่งกันที่สนาม ลุซนิกิ สเตเดียม เช่นเดิม

 

เต็งแชมป์
     หลังจากมีการทยอยประกาศรายชื่อ 23 คนสุดท้ายของแต่ละชาติที่จะทำการสู้ศึกเวิลด์ คัพ 2018 ในครั้งนี้ออกมา “สกาย สปอร์ต” สื่อดังของอังกฤษได้จัดอันดับทีมที่มีสิทธิ์คว้าแชมป์ในครั้งนี้ไปครองมากที่สุด ซึ่งผลปรากฏว่าเต็งหนึ่งมีร่วมกัน 2 ทีม นั่นก็คือ เยอรมัน แชมป์โลก 4 สมัย (1954, 1974, 1990, 2014) และบราซิล แชมป์โลก 5 สมัย (1958, 1962, 1970, 1994, 2002)
     เริ่มจาก “อินทรีเหล็ก” ภายใต้การนำของผู้จัดการทีม โยอาคิม เลิฟ มีดีกรีเป็นแชมป์เก่า หลังจากคว่่ำ ฮอลแลนด์ มาได้ในรอบชิงชนะเลิศ มาในปีนี้พวกเขาเตรียมบุกแดหมีขาวด้วยความหวังที่เต็มเปี่ยมที่จะป้องกันแชมป์ให้ได้ พร้อมใช้ 23 ขุนพลชุดที่ดีที่สุด นำมาโดย มานูเอล นอยเออร์, มัตส์ ฮุมเมลส์, อิลคาย กุนโดกัน, ซามี เคดิรา, เมซุต โอซิล, โทนี โครส, โธมัส มุลเลอร์ และมาร์โก รอยส์ ซึ่งถ้าดูจากฟอร์มการเล่น และทีมเวิร์คที่แข็งแกร่งมาตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มของพวกเขาแล้วจากสถิติ ชนะ 6 เสมอ 3 แพ้ 1 ก็ต้องยอมรับว่า เยอรมัน คือคู่แข่งที่น่ากลัวเลยทีเดียว
    ขณะที่ทัพ “เซเลเซา” ของกุนซือ ติเต้ ที่เข้ามาเปลี่ยนทีมจากหน้ามือเป็นหลังมือ โดยก่อนที่เทรนเนอร์วัย ปี รายนี้จะเข้ามาคุมทัพนั้น “แซมบ้า” มีผลงานที่ผิดฟอร์มไปอย่างมาก ภายใต้การคุมทีมของ ดุงก้า หลังตกรอบแรกฟุตบอลโคปา อเมริกา เมื่อปี 2016 ซึ่ง ติเต้ เข้ามาพลิกฟิ้นบราซิลด้วยการเลือกผู้เล่นจากฟอร์ม ไม่ใช่ชื่อเสียงจนส่งผลให้พวกเขาคว้าอันดับ 1 ของการคัดเลือกฟุตบอลโลก 2018 ของโซนอเมริกาใต้ จากสถิติ ชนะ 12 เสมอ 5 แพ้ 1
     ทำให้ในฟุตบอลโลกครั้งนี้พวกเขาได้รับการจับตามองมากว่าจะสามารถคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 6 มาครองได้ ด้วยผู้เล่นระดับซูเปอร์สตาร์ที่รู้ใจกันเป็นอย่างดีจากแผนการดล่น 4-2-3-1 ทั้ง มาร์เซโล, คาเซมิโร, ฟิลิปเป้ คูตินโญ, และเนย์มาร์ ที่หายเจ็บทันช่วยชาติในทัวร์นาเมนต์สำคัญพอดี

ประเด็นอื่นๆที่น่าสนใจ
    เงินรางวัลที่ทีมแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 จะได้รับคือ 38 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.17 พันล้านบาท) ส่วนอันดับ 2 ได้ 28 ล้านดอลลาร์ (ราว 867 ล้านบาท) ขณะที่อันดับ 3 ได้ 24 ล้านดอลลาร์ (ราว 743 ล้านบาท) ตามลำดับ ขณะที่ทีมซึ่งได้เงินรางวัลน้อยที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้ คือ 8 ล้านดอลลาร์ (ราว 247 ล้านบาท)
    ตัวมาสคอตถือเป็นสีสันของฟุตบอลโลกในทุกปี ซึ่งมาสคอตของเวิลด์ คัพ 2018 ในครั้งนี้ มีชื่อว่า “ซาบิวากา” โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากหมาป่าลากเลื่อน หรือ ค็อกกี วูล์ฟ ซึ่งเป็นสัตว์ขึ้นชื่อของรัสเซียรองจากหมีขาว ขณะที่ชื่ออย่างเป็นทางการของมาสคอตดังกล่าวหมายความว่า พลังแห่งความสนุกสนาน, มีเสน่ห์และความมั่นใจ
    ฟุตบอลโลก ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1930 โดยทีมที่คว้าแชมป์มากที่สุด คือ บราซิล ที่ 5 สมัย ตามมาด้วย เยอรมัน และอิตาลีที่คว้าไป 4 สมัยเท่ากัน
     นักเตะที่ลงเล่นมากที่สุดในศึกฟุตบอลโลก คือ โลธาร์ มัทเธอุส ตำนานแข้งเยอรมัน ด้วยจำนวน 25 เกมจาก 5 สมัย ส่วนดาวซัลโวที่ยิงได้สูงสุดในศึกเวิลด์ คัพ คือ มิโลสลาฟ โคลเซ อดีตหัวหอก “อินทรีเหล็ก” เช่นกัน ด้วยจำนวน 16 ลูก

     และทั้งหมดนี้คือประเด็นที่น่าสนใจ รวมถึงเรื่องน่ารู้ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับศึกฟุตบอลโลก 2018 ในครั้งนี้ ซึ่งสุดท้ายแล้วต้องมาดูกันว่าเวิลด์ คัพ ครั้งที่ 21 ดังกล่าวจะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด รวมถึงจะมีโมเมนต์ใดๆทั้งในสนาม และนอกสนามที่กลายเป็นตำนานของวงการลูกหนังต่อไป

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ